ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 518: การสืบสวนของอลิเซีย (2)
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทําให้เบิร์กลีย์ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคาย ไม่ออก จนไม่รู้ว่าจะต้องทําอย่างไร
แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือในระหว่างที่เขากําลังลังเลใจ จู่ๆ ก็มีบุคคลที่ ไม่คาดคิดก็ปรากฏตัวขึ้นในค่าย
“ดูเหมือนว่าเจ้ากําลังมีปัญหานะ ถ้าอย่างนั้นข้าก็มาถูกจังหวะ เลยน่ะสิ”
“ท่านบรรพบุรุษ ทําไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?!”
“ไม่ต้องตื่นเต้นไปน่า…ข้ามีบางอย่างที่ต้องจัดการ หลังจากนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ”
เบื้องหน้าเบิร์กลีย์ผู้กําลังเคร่งเครียด ชายชราที่รู้จักกันในนามเทพ สงครามก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบงัน อย่างไรก็ตาม การมาถึงที่อย่าง ถ่อมตัวนี้ กลับทําให้เกิดปฏิกิริยาอันรุนแรงไปทั่วค่าย ทันทีที่ข่าว กระจายออกไป ทหารก็พากันเฉลิมฉลองอย่างสุขสันต์ เสียงเชียร์ดัง ก้องไปทั่ว ราวกับว่าเพียงแค่มีชายชราคนนี้อยู่ พวกเขาก็ชนะสงคราม แล้ว
อย่างไรก็ตามระหว่างที่ทุกคนกําลังสนุกสนานร่าเริงนี้ เลย์ตัน ไซส์ กลับดูไม่มีความสุขที่ได้ออกไปมายังโลกภายนอกสักเท่าไหร่ เขาฟัง สถานการณ์ที่เบิร์กลีย์รายงาน พลางมองไปยังป่าที่โรเอลและกองทัพ ของเขาซุ่มตัวอยู่ หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ ชายชราก็เปล่งเสียงออกมา พร้อมถอนหายใจ
“…สุดท้ายแล้ว วันนี้ก็มาถึงจริงๆ โร”
หลังจากคําพูดที่ไม่ชัดเจนนั้น เลย์ตันก็หลับตาลง รอค�าคืนที่กําลัง จะมาถึงอย่างเงียบๆ
————————————-
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ใหญ่ มันเชื่องมาก” “…”
ข้างในป่าลึก อลิเซียลูบไล้ราชาสัตว์อสูรขนาดยักษ์ มองดูพี่ชายที่ ยืนอยู่ด้านล่าง อย่างไรก็ตามโรเอลนั้นไม่มีท่าทีเห็นด้วยกับคําพูดที่ดู ผ่อนคลายของน้องสาวแม้แต่น้อย
หากเป็นสัตว์อสูรตัวอื่นๆ คําว่าเชื่องในบริบทนี้ก็พอจะน่าเชื่อถือ อยู่บ้าง แต่พอเป็นราชาแห่งสัตว์อสูรแล้ว มันก็ยากที่ใครจะเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มันสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ โรเอลก็ไม่ได้
สนใจเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ของมัน เพราะในศึกที่กําลังจะมาถึง สัตว์อสูรตัว มหึมาตัวนี้จะต้องมีบทบาทเด่นอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเหล่าสัตว์อสูรที่ตระเวนเดินเตร่อยู่ในป่าใกล้ๆ อย่าง กระตือรือร้น โรเอลก็พยักหน้าเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ ทันใดนั้น เด็กสาวผมสีเงินก็มาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
“เป็นไงบ้างคะ พี่ใหญ่ พวกมันเชื่องมากเลยใช่ไหมล่ะคะ”
“เธอทําได้ดีมากจริงๆ ไม่คิดเลยว่าสัตว์อสูรจะมีระบบระเบียบ แบบนั้นได้ด้วย เธอทําให้พี่ประหลาดใจได้จริงๆ”
เด็กหนุ่มผมดําถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ โร เอลรู้สึกทึ่งกับความสามารถของอลิเซียมาก ทว่าเด็กสาวผมสีเงินกลับดู จะยังไม่พอใจกับคําชื่นชมนี้ บนลําต้นของต้นไม้ใหญ่ที่ทั้งสองยืนอยู่ อลิ เซียเหล่ตาสีแดงเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ก้าวไป ข้างหน้าและพิงลงบนอกของเด็กหนุ่ม และกระซิบข้างหูของเขา
“พี่ใหญ่ หนูทําได้ดีจริงๆ ใช่ไหม?”
“แน่นอน เรื่องแบบนี้พี่ไม่โกหกเธอหรอก อย่าคิดมากไปเลย…”
เมื่อนึกถึงอลิเซียที่เศร้าซึมก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มผมดําก็รีบตอบ กลับไป โดยไม่รู้เลยว่าเด็กสาวกําลังรอจังหวะนี้อยู่
“แล้วรางวัลล่ะคะ?”
“หืม? ห หา…”
“กอดหนู”
“…”
โรเอลที่ได้ยินคําถามของอลิเซียไม่รู้จะตอบเธออย่างไรอยู่พักหนึ่ง เขามองดูดวงตาที่กระตือรือร้นของน้องสาว ก่อนจะยื่นมือไปโอบกอด ร่างกายของเธอช้าๆ การได้รู้สึกถึงสัมผัสอันนุ่มนวลและอุณหภูมิ ร่างกายอันอบอุ่น ทําให้จิตใจของโรเอลสงบ ทว่าเด็กสาวในอ้อมแขน ของเขากลับต้องการที่จะเพลิดเพลินกับความรู้สึกดังกล่าวมากกว่านี้
หากเป็นสถานการณ์ปกติ มันก็คงจะไม่เป็นไร ทว่าหลังจากที่ห่าง เหินกันไปนาน หัวใจของอลิเซียจึงยังไม่พอใจ เธอต้องการมากกว่านี้
อลิเซียต้องการความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีก
เด็กสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยกตัวขึ้นเล็กน้อย พลางจ้องมอง นัยน์ตาสีทองที่พร่ามัวของโรเอล ทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้น
“พี่ใหญ่ หนูขอจูบหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้สิ”
โรเอลตอบรับคําขอของอลิเซียอย่างไม่ลังเล ก่อนจะหอมแก้มของ เธอเบาๆ ทว่าสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เด็กสาวไม่ได้ยิ้มออกมาเหมือน ปกติ เธอเพียงแต่ส่ายหัวเบาๆ
“ไม่ใช่ มันไม่ใช่แบบนี้สิคะ มันควรจะเป็นแบบนี้ต่างหาก…”
อลิเซียบ่น จากนั้นวินาทีต่อมา เธอก็จูบริมฝีปากของโรเอล ทําให้ เด็กหนุ่มที่ถูกโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว เบิกตากว้างเตรียมที่จะผลักเด็กสาว ออกไป ทว่าทันใดนั้นความเหงาและความเศร้าโศกของอลิเซียก็แวบ เข้ามาในความคิดของเขา ส่งผลให้มือที่ยื่นออกไปของเด็กหนุ่มแข็งทื่อ ด้วยความลังเล
แค่สัมผัสผิวเผิน ถ้าเธอไม่จูบไปมากกว่านี้ ก็ไม่เป็นไร
โรเอลต่อสู้ดิ้นรนเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่สามารถทําใจผลักอลิเซีย ออกไปได้ นอกจากนี้อีกเหตุผลที่ทําให้เขาไม่สามารถปฏิเสธเธอได้ก็คือ นัยน์ตาสีแดงของเธอกําลังเรืองแสง
อืม ถ้าเป็นประมาณนี้ พี่ใหญ่จะไม่ปฏิเสธเราสินะ
ขอบเขตการกระทําได้รับการพิสูจน์
มุมปากของอลิเซียเลื่อนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้กลายเป็นรอยยิ้ม แห่งความสําเร็จ
ต่างจากพิธีการจูบตอนเช้า การจูบด้วยริมฝีปากแบบนี้อยู่ นอกเหนือขอบเขตของครอบครัว ซึ่งเหตุผลที่อลิเซียกล้าทําเช่นนี้ก็เพื่อ ทดสอบขอบเขตของโรเอลว่าเขาทนได้แค่ไหน จากนั้นก็เจาะลึกลงไป เล็กน้อย เพื่อให้เขาชินกับมัน
นี่คือข้อได้เปรียบของอลิเซีย เธอสามารถเปลี่ยนความสัมพันธ์ได้ อย่างแนบเนียน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณของความสัมพันธ์ใน ครอบครัวนี้ จะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงคุณภาพตามมาอย่าง แน่นอน
เด็กสาวผู้เจ้าเล่ห์ยิ้มออกมาราวกับสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ ก่อนจะ แยกจากเด็กหนุ่มด้วยความไม่เต็มใจ จากนั้นจึงขอบคุณโรเอลทันทีโดย ไม่รีรอให้เขาได้มีจังหวะพูด
“ขอบคุณค่ะ พี่ใหญ่ หนูรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว”
“ก…ก็ดีแล้วล่ะ”
รอยยิ้มอันอบอุ่นของเด็กสาว ทําให้โรเอลไม่ได้พูดตักเตือนอะไร อย่างจริงจัง แม้จะต่อสู้ดิ้นรนเป็นเวลานาน ภายในยามราตรีอันมืดมิด ตอนนี้ทั้งสองพร้อมที่จะออกเดินทางแล้ว
เพื่อยุติสงครามครั้งนี้ให้โดยเร็ว วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการกําจัดผู้ บัญชาการของตระกูลไซส์ นี่เป็นการตัดสินใจที่โรเอลพิจารณามาแล้ว
และเพื่อที่จะสามารถขับไล่ศัตรูให้ได้เร็วขึ้น การโจมตีในคืนนี้โรเอลจึง คิดที่จะออกไปยังสนามรบพร้อมๆ กับสัตว์อสูรยักษ์
ภายใต้คําสั่งของอลิเซีย ราชาแห่งความหายนะก้าวนําทางไป ข้างหน้า โดยมีโรเอลซุ่มรอโอกาสหาจังหวะอยู่ สัตว์อสูรจํานวน มหาศาลปรากฏขึ้นอีกครั้งเหมือนคืนก่อน กระโจนเข้าหาตําแหน่งค่าย ที่ตั้งของศัตรู แต่แล้วราชาแห่งความหายนะก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่าง ผิดปกติ
เมื่อมองไปยังค่ายของศัตรูที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก มันก็ดูไม่ต่างจาก เมื่อวานเท่าไหร่ ทว่ากวางยักษ์แปดขากลับหยุดลงอย่างกะทันหัน สัญชาตญาณที่เหนือกว่าสัตว์อสูรตัวอื่นๆ มาก ทําให้มันรู้สึกได้ถึงอะไร บางอย่าง ราชาแห่งสัตว์อสูรที่น่าขนลุกเริ่มวิตกกังวล มันเตะกีบ จากนั้นก็กะพริบตาสีแดงทั้งสีดวงอย่างกระวนกระวาย ขณะเดียวกัน ความรู้สึกของโรเอลเองก็เริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นเช่นกัน
[สัญชาตญาณของเทพสงคราม] ทํางานขึ้น โรเอลจึงพบว่ากองทัพ ศัตรูที่อยู่ห่างออกไปนั้น มีขวัญกําลังใจแข็งแกร่งกว่าเมื่อตอนกลางวัน มาก ต่างจากครั้งแรกที่เขาปะทะกับเบิร์กลีย์ กองทัพตระกูลไซส์ ที่รู้สึก อึดอัดไม่ก็วิตกกังวลมากกว่านี้ ไม่ใช่เต็มไปด้วยขวัญกําลังใจ
กองทัพที่ถูกบังคับให้ล่าถอยในตอนกลางวัน และกําลังจะต้อง เผชิญหน้ากับการโจมตีของสัตว์อสูรในตอนกลางคืนจะมีความฮึกเหิม
ถึงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน? ข้อเท็จจริงที่ไม่สมเหตุสมผลนี้ทําให้โรเอลระ หวาดระแวงขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะวิเคราะห์ผลลัพธ์เสร็จสิ้น คาถาเวทขนาดใหญ่ที่เขาไม่คาดคิดก็ปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้าจาก ทิศทางที่เป็นค่ายของศัตรู
พลังเวทอันหนาแน่นจับตัวกันกลายเป็นมังกร วิ่งผ่านหมู่เมฆบน ท้องฟ้า พร้อมสายฟ้าฟาดสนั่นหวั่นไหว โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เปลี่ยนเมฆให้กลายเป็นกระแสน�าวนเหนือสนามรบ
“!”
ทันทีที่พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังเวทอันยิ่งใหญ่นี้ เทพเจ้าโบราณทั้ง สามที่อยู่ในมิติอีกด้านหนึ่งก็ลืมตาขึ้น ใบหน้าของพวกเขาดูเคร่งเครียด ขึ้นมาในทันใด และโรเอลที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็รู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งนี้อย่าง บอกไม่ถูก มันคล้ายกับพลังเวทของราชาแห่งเวทมนตร์ที่เขาเคยเผชิญ มาในสถานะผู้เฝ้ามอง มันคือพลังเวทของราชาแห่งเผ่าพันธุ์
นี่มัน…
เด็กหนุ่มผมดําเบิกตากว้างด้วยความสะพรึงกลัว โรเอลเข้าใจได้ ในทันทีรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองคาดไว้ในใจอาจจะกําลังกลายเป็นความจริง ใน ระยะไกลประตูค่ายของกองทัพตระกูลไซส์ก็เปิดออก จากนั้นชายชรา คนหนึ่งก็เดินออกมาอย่างช้าๆ เขามองมาที่โรเอลอย่างรวดเร็ว ไม่มีใคร
รู้ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่ แต่ทันทีที่เขาจ้องมองมา เด็กหนุ่มก็แข็งทื่อใน ทันใด
หลังจากสถานการณ์นี้ดําเนินไปได้ไม่กี่วินาที ชายชราผมขาวก็ยก มือขึ้นอย่างนุ่มนวล และลางสังหรณ์ร้ายก็แวบเข้ามาในจิตใจของโรเอล
“แย่แล้ว!”
โรเอลอุทานพร้อมรีดเร้นพลังเวทสีแดงให้พุ่งพรวดออกมาอย่าง รวดเร็ว จากนั้นวินาทีต่อมา ทุกอย่างในระยะสายตาของเด็กหนุ่มก็ พลันกลายเป็นแสง