ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 520: ผู้สืบทอด (2)
“แค่ก!”
โรเอลกระอักเลือดเป็นครั้งที่สองตั้งแต่เริ่มการต่อสู้ ร่างกายของ เด็กหนุ่มสั่นเล็กน้อย การมองเห็นเริ่มพร่ามัว ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไป ทั่วทั้งร่างกาย ข้างบนร่างกายของเขา โครงกระดูกยักษ์ที่รับการโจมตี ไปเต็มๆ เหลือสภาพเพียงแค่ครึ่งหนึ่ง และแสงสีแดงบนร่างกายของ เขาอ่อนลงไปมากเช่นกัน
การปะทะกันก่อนหน้านี้ เนื่องจากความแตกต่างทางด้าน ระดับแก่นแท้ของโรเอลกับเลย์ตัน ร่างกายของกรันด้าจึงไม่สามารถทน ต่อพลังอันรุนแรงได้ และแตกเป็นเสี่ยงๆ ในที่สุด แน่นอนว่าราชาแห่ง ยักษ์นั้นไม่ได้พ่ายแพ้ ด้วยระดับแก่นแท้ที่แตกต่างกันมากขนาดนี้ มัน ควรจะเรียกว่าชัยชนะด้วยซ�า แต่ถึงกระนั้น ความจริงที่ว่าเด็กหนุ่มผม ดําได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ยังไม่เปลี่ยนไป
แม้ว่าโรเอลจะไม่ได้ถูกโจมตีตรงๆ แต่เขาก็อยู่ในใจกลางการโจมตี ของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 1 ทําให้ได้รับบาดเจ็บจาก การกระแทกรุนแรงเกินจะบรรยาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีกระดูกหัก จํานวนมากและมีเลือดออกภายใน เด็กหนุ่มก็ไม่คิดที่จะล้มลงไป
ถ้าหากโรเอลล้มลงตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะทําให้เกียรติยศของ กรันด้าเสื่อมเสียเท่านั้น มันอาจจะทําให้ขวัญกําลังใจของเหล่าทหารใน กองทัพตระกูลแอสคาร์ดตกลงสู่ความสิ้นหวังอีกครั้งด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ในแง่ของตัวเขาเองแล้ว เด็กหนุ่มรู้สึกว่าถ้าตัวเองล้มลงไป ตอนนี้ เขาน่าจะไม่มีโอกาสลุกขึ้นมาได้อีก
โรเอลกัดฟันแน่น ในขณะที่ร่างกายของเขาเปล่งประกายด้วยแสง สลัว พลังของเทพธิดาแห่งผืนปฐพีก็เริ่มซ่อมแซมร่างกายที่บาดเจ็บ สาหัสของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว ราชินีแม่มดเองก็พยายามจะทําอะไร บางอย่าง ส่วนโรเอลนั้นเลือกที่จะจ้องเขม็งมองเข้าไปในส่วนลึกของ ควัน และเมื่อควันเริ่มค่อยๆ จางหายไป ชายชราผู้ล้อมรอบด้วยสายฟ้า ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะป้องกันมันได้ เจ้าช่างโชคดีที่ได้พบกับเทพเจ้า ผู้ทรงพลัง”
“!”
เลย์ตันพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ ขณะมองไปยังแขนที่ ได้รับบาดเจ็บ เมื่อคําพูดนั้นไปถึงหูของโรเอล ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เบิก กว้างขึ้นในทันใด เขาสังเกตเห็นความผิดปกติในคําพูดของชายชราได้ ในทันที
โชคดี? พบ?
ทําไมอีกฝ่ายถึงพูดคําเหล่านี้ออกมากัน?
แน่นอนว่าเรื่องที่ผู้ปลุกพลังสายเลือดตระกูลแอสคาร์ด สามารถ เรียกเทพเจ้าออกมาได้นั้นไม่ใช่ความลับ มันเป็นข้อมูลที่น่าจะมีบันทึก เอาไว้ในบันทึกของตระกูลขุนนางชั้นสูง และราชวงศ์ทั้งหมด แต่กลไก ของความสามารถนี้ โดยปกติแล้วไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นนอกจากตัวผู้ใช้จะรู้ ได้ อันที่จริงหลายคนคิดว่าเทพเจ้าโบราณของโรเอลอยู่คู่กับตระกูล แอสคาร์ดมาตั้งแต่แรก มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครใช้คําว่า ‘โชคดี’ หรือ ‘พบ’
อีกฝ่ายรู้กลไกการทําสัญญากับเทพเจ้าของผู้ครองครองสายเลือด ตระกูลแอสคาร์ดได้ยังไง?
เด็กหนุ่มผมดําจ้องไปที่ศัตรูตรงหน้า ขมวดคิ้วด้วยความสับสน ทันใดนั้น ชายชราก็เหมือนจะสังเกตเห็นความผิดปกติในคําพูดของ ตัวเอง ใบหน้าของเขาจึงเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
“เจ้าช่างเป็นเด็กหนุ่มที่กระตือรือร้นดีจริงๆ อย่างไรก็ตามแม้ว่า การสังเกตอย่างระมัดระวังจะเป็นเรื่องดี แต่นั่นก็ไม่สามารถทดแทน ช่องว่างในด้านความแข็งแกร่งได้หรอกนะ”
เลย์ตันราวกับถอนหายใจ จ้องมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยดวงตาสีฟ้า ของเขา และกล่าวข้อเสนอเบาๆ
“ยอมแพ้ซะ”
“…”
เมื่อเผชิญหน้ากับคําพูดของเลย์ตัน เด็กหนุ่มผมดําก็อดไม่ได้ที่จะ นิ่งเงียบ การยอมจํานนต่อผู้แข็งแกร่งของระดับแก่นแท้ 1 ถือเป็นเรื่อง ที่ยอมรับได้โดยธรรมชาติ แม้แต่คนที่มีบุคลิกรุนแรงที่สุดก็ไม่อาจกล่าว ครหาผู้ที่ยอมจํานนต่อระดับแก่นแท้ 1 ได้ เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าใน การต่อสู้กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 1 แล้ว แม้จะดิ้นรน อย่างหนักแค่ไหนก็ไร้ความหมาย
ถึงอย่างนั้นโรเอลก็ไม่สามารถยอมจํานนต่อราชาแห่งเผ่าพันธุ์ ตรงหน้าได้ เพราะเขารู้ความหมายในการยืนหยัดของตัวเองดี
ด้านหลังเขาในระยะไกลออกไปที่สนามรบอีกแห่ง การบุกโจมตี เมืองเอ็ดการ์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ถ้าโรเอลยอมถอยทัพกลับในตอนนี้ สงครามที่จักรวรรดิเซนต์เมซิทพยายามมาโดยตลอดอาจจะล้มเหลวได้ จากนั้นมนุษยชาติก็จะตกลงสู่ความโกลาหล
เหตุผลนับไม่ถ้วนกําลังกดดันโรเอล ขัดขวางไม่ให้เขายอมแพ้ ซึ่ง เลย์ตันก็ดูเหมือนจะเข้าใจการตัดสินใจของเด็กหนุ่ม ทําให้พลังเวทอัน รุนแรงเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่สนใจข้อเสนอของข้าสินะ เจ้าสู้เพื่ออะไร กัน? เกียรติยศของตระกูล? หรือความภาคภูมิใจส่วนตัว?”
“ถ้าจะให้ฉันบอกแกล่ะก็…ฉันต่อสู้เพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ และคน สําคัญ ขอถามหน่อยเถอะ เลย์ตัน ไซส์ ทําไมแกถึงยืนอยู่ตรงนี้ แกที่ เป็นวีรบุรุษของมนุษยชาติ คิดอย่างไรเกี่ยวกับการต่อสู้แย่งชิงอํานาจที่ ไร้สาระระหว่างอาณาจักรกัน?”
เมื่อเผชิญกับคําถามของชายชรา เด็กหนุ่มผมดําก็เช็ดเลือดจาก มุมปากของตน และถามกลับอย่างประชดประชัน
เมื่อได้ยินคําพูดนั้น เลย์ตันก็เงียบไป ก่อนจะยกมือขึ้นเงียบๆ พร้อมสายฟ้าและเมฆฝนในฝ่ามือ
“นั่นคือคําสั่งเสียของเจ้าสินะ? ข้าจะตอบให้ก็ได้ ข้าไม่ได้มาที่นี่ เพื่อความฝันอันน่าเบื่อของตระกูลแอคเคอร์มันน์ หรือเพื่อครอบครัว ของข้าอย่างตระกูลไซส์ ข้าแค่ต้องการยืนยันบางอย่างก็เท่านั้น”
“เป็นคําตอบที่ไม่ชัดเจนชะมัด แต่ฉันขอแก้ไขคําพูดของแกสัก หน่อยก็แล้วกัน นี่ไม่ใช่คําสั่งเสียของฉัน และฉันก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะแพ้ แก”
“โอ้? เจ้าจะชนะข้าได้อย่างไร ในสภาพที่ร่างกายบาดเจ็บสาหัส แบบนั้น”
“ฉันไม่ได้เย่อยิ่งขนาดที่จะมีความคิดว่าอยากจะชนะระดับแก่น แท้ 1 แต่อย่างน้อยๆ ฉันก็คิดว่าตัวเองพอจะสกัดกั้นแกไว้ได้สักพัก ส่วน อาการบาดเจ็บ แกไม่ต้องมากังวลหรอก เพราะ…ตอนที่ฉันอ่อนแอที่สุด คือเวลาที่ฉันแข็งแกร่งที่สุดเหมือนกัน”
โรเอลยิ้มอย่างไม่เกรงกลัวต่อหน้าศัตรูตัวฉกาจ จากนั้นวินาที ต่อมาพรของเทพีเซียก็ถูกเปิดใช้งาน มันดูดซับพลังสายเลือดและเสริม มันให้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็กลายเป็นกระแสพลังงาน อันรุนแรงลุกโชนออกมา
[ก้าวข้ามความตาย] นี้คือพรที่โรเอลได้รับมาจากประสบการณ์ เสี่ยงชีวิต โดยใช้ชะตากรรมอันคดเคี้ยวของเขารวมกันเป็นพลังที่จะ ก้าวข้ามโชคชะตา และโค่นศัตรูที่แข็งแกร่งลง แก่นแห่งความเชื่อของ เขาทําให้พรนี้แสดงพลังได้อย่างเต็มที่
พลังเวทที่พุ่งออกมาพร้อมกับแสงสีเลือด จากนั้นพรของเทพีเซียก็ ได้ส่งเสริมมันขึ้นไปอีกสองเท่า เด็กหนุ่มที่ผู้ไปถึงขีดจํากัดยื่นมือของ เขาออกไปท่ามกลางสายลมยามค�าคืน เปลี่ยนกระแสพลังเวทให้ กลายเป็นกรงขัง อีกด้านหนึ่งการโจมตีของเลย์ตันก็ถูกปล่อยออกมาอีก ครั้ง!!
ทันทีที่ชายชราผมขาวชกออกไป ท้องฟ้าและพื้นดินก็สั่นสะเทือน สายฟ้าแลบสาดส่องทุกสรรพสิ่ง ยากที่จะต้านทานราวกับการพิพากษา จากเหล่าทวยเทพ การโจมตีครั้งนี้ไม่เหมือนกับสองครั้งก่อนหน้านี้ มัน เป็นการโจมตีอย่างสุดกําลังของเลย์ตัน ซึ่งโรเอลก็รู้ดีว่าเขาจะต้องใช้ไพ่ ตายใบสุดท้ายของตัวเอง
เศษมงกุฎทองคําปรากฏขึ้นมา กระจัดกระจายและผสานเข้ากับ ร่างของกรันด้า โครงกระดูกยักษ์คํารามขึ้นอีกครั้ง หลังจากผ่านไป หลายหมื่นปี ราชายักษ์ก็ได้สวมมงกุฎอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือจาก เด็กหนุ่ม ที่ราบสีเลือดฉายภาพสะท้อนบนท้องฟ้า กลายเป็นพลังอันไร้ ขอบเขตรวมตัวกันที่ด้านหน้าหมัดของราชา กรันด้าเหวี่ยงกําปั้ นของ เขา โจมตีตอบโต้กับการโจมตีที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าของเลย์ตัน ในทันที
พลังเวทสีเลือดปะทะเข้ากับสายฟ้าอีกครั้ง ทําให้เกิดแรงระเบิด และพายุกวาดไปทั่วที่สนามรบอีกรอบ อย่างไรก็ตามต่างจากครั้งที่แล้ว กระแสพลังเวทไม่ได้พุ่งขึ้นไปบนฟ้า แต่พุ่งกลับไปทางผู้ริเริ่มการโจมตี
ท่ามกลางเสียงอุทานของผู้คน พลังเวทจํานวนมหาศาลได้กลืนกิน ร่างของชายชรา ผลที่ตามมาของการโจมตียังขยายออกไปไกล ฉีก พื้นดินและแบ่งสนามรบออกเป็นสองส่วน
ตูม!
การระเบิดอย่างรุนแรงและเสียงอึกทึกดังก้องไปทั่วแผ่นดิน ควัน และฝุ่นจํานวนมากปกคลุมไปทั่วบริเวณ เด็กหนุ่มผมดําหอบแฮ่กด้วย ความเหนื่อยล้า แต่ดวงตาของเขายังคงมองเข้าไปในม่านควันและฝุ่น จากนั้นในที่สุดร่างของเลย์ตันก็ค่อยๆ ปรากฏออกมา
มีรอยขีดข่วนและรอยแผลจางๆ บนร่างกายที่ไม่สามารถทําลาย ได้ของชายชรา สายฟ้าที่ปกคลุมเองก็สลายหายลงไปเยอะ แต่เห็นได้ ชัดว่า แม้จะรับการโจมตีระดับนี้เข้าไปตรงๆ เลย์ตันก็ยังไม่ได้รับ บาดเจ็บสาหัส
เมื่อมองไปยังศัตรูที่ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของโรเอลก็ เคร่งเครียด เขารวบรวมกําลังทั้งหมดอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมโต้กลับ การโจมตีของราชาแห่งเผ่าพันธุ์ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดก็
คือ เลย์ตันไม่ได้ขยับร่างกายของตน เพียงแต่จ้องไปบาดแผลของตน อย่างเงียบงัน
“…ไม่คิดเลยว่าเขาจะทําให้ข้าบาดเจ็บได้เร็วขนาดนี้ แบบนี้จะบอก ว่านายมีทายาทที่ดีได้รึเปล่านะ?”
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ ชายชราผู้ผ่านพ้นความผันผวนของชีวิต มามากก็ถอนหายใจออกมา เขามองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าพร้อมกล่าว อย่างเยือกเย็น
“เจ้าหนุ่ม เจ้าผ่านการทดสอบ!