ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 522: การหาคู่ครองเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ (2)
- Home
- ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END
- บทที่ 522: การหาคู่ครองเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ (2)
หนึ่งคืนผ่านไป ในที่สุดดวงอาทิตย์ยามเช้าก็ส่องแสงลงมาบนพื้น โลกอีกครั้ง ค่ายของตระกูลแอสคาร์ดได้นํากองทัพเข้าไปในป่า กําลัง เสริมที่นําโดยซินเทียและคนอื่นๆ ได้มาถึงที่หมายตามกําหนดการ อย่างไรก็ตามทันทีที่มาถึงทุกคนต่างก็ต้องงงงวยกับสิ่งที่เห็น บรรยากาศภายในป่าไม่ใช่ความตึงเครียด จากการต้องเผชิญหน้ากับ ศัตรูอันทรงพลัง แต่มีเพียงความตื่นเต้นและความสุข
หลังจากซักถาม ซินเทียและคนอื่นๆ ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึง ปัจจุบัน ว่ารอยแยกขนาดใหญ่บนพื้นราบและพื้นที่ป่าที่พังทลาย ระเนระนาดลงไปราวกับพายุไต้ฝุ่นเคลื่อนผ่านเกิดขึ้นได้อย่างไร
นี่คือร่องรอยที่เกิดจากการต่อสู้ของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสองคน ซึ่งน่ากลัวพอๆ กับภัยธรรมชาติ ความแข็งแกร่งของระดับแก่นแท้ 1 ทํา ให้ร็อดนีย์ และคนอื่นๆ ต้องตกตะลึง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เคารพ โรเอลจากก้นบึ้งของหัวใจที่สามารถป้องกันการโจมตีของเลย์ตันเอาไว้ ได้
ทหารที่เคยผ่านการสู้รบมาจนเจนศึกคอยคุ้มกันค่ายที่พักของพวก โรเอลเป็นอย่างดี ขณะที่กําลังพักผ่อนอยู่ในค่าย เด็กหนุ่มได้แต่ครุ่นคิด ระลึกถึงการพบปะของตัวเองกับเลย์ตันหลังจากการต่อสู้อันน่าสลดใจ
บนโต๊ะด้านหน้าของเขามีกล่องเรียบๆ ถูกเปิดค้างเอาไว้ โดยข้างในนั้น มีก้อนคริสตัลใสวางอยู่
คริสตัลนี้เป็นของที่เลย์ตันเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี แล้ว มันเป็นวัตถุโบราณในตํานานที่เกี่ยวข้องกับชะตากรรมของตระกูล แอสคาร์ด มันแตกต่างจากคริสตัลธรรมดาทั่วๆ ไป ตรงที่มีวงแหวนทรง สวยงามอยู่ตรงกลาง
มันเป็นแหวนทองคําแซมสีน�าเงินอันวิจิตรงดงามผสมผสานด้วย ความแวววาวที่ตัดกัน ในแง่ของรูปทรงนั้นแตกต่างจากรูปแบบซึ่งเป็น ที่นิยมในปัจจุบันมาก วัสดุเองก็ยังทําจากสิ่งที่โรเอลไม่เคยเห็นมาก่อน แม้ว่าเลย์ตันจะไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับมันมากนัก แต่เขาก็จํา คําอธิบายของโรเกี่ยวกับมันได้
“ข้าจําได้ว่า โรเคยบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ผู้ปลุกพลังสายเลือดตระกูล แอสคาร์ดส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ”
“สิ่งที่ผู้ปลุกพลังสายเลือดส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคําอธิบายของโร ใบหน้าของโรเอลก็เคร่งเครียดขึ้นใน ทันใด ตลอดช่วงระยะเวลาหลายพันปี มีเพียงชายสามคนเท่านั้นใน ตระกูลแอสคาร์ดที่ปลุกพลังสายเลือดประจําตระกูลขึ้นมาได้ นอกจาก
โรเอลและโรแล้ว ในยุคที่สาม มีเพียงวินสเตอร์จากเมื่อเจ็ดร้อยปีก่อน เพียงคนเดียวเท่านั้น
ความสําคัญของมันทําให้โรเอลอยากจะตรวจสอบมัน ทว่าสิ่งที่เขา ไม่คาดคิดก็คือ ทันทีที่มือของเขาสัมผัสกับคริสตัล มันก็ส่องแสงจางๆ ออกมา
“หือ? นี่มัน?”
“มันน่าจะเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับตัวเจ้าเท่านั้น เพราะตอนที่ข้า สัมผัสมัน ไม่เคยมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นเลย”
เลย์ตันส่ายหัวทันทีที่เห็นท่างทางสับสนของเด็กหนุ่ม อย่างไรก็ ตามโรเอลรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์อันแปลกประหลาด เมื่อมองดูแหวน ข้างในคริสตัล เขาก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ว่า สิ่งนี้อาจจะเป็นตัวเร่ง ปฏิกิริยาในการเข้าไปในสถานะผู้เฝ้ามอง
ทันทีที่เข้าใจถึงสิ่งนั้น โรเอลก็ยกมือออกทันทีเพื่อตัดการเชื่อมต่อ จากมัน ก่อนจะมองไปที่คริสตัลด้วยความกลัว สถานะผู้เฝ้ามองจาก ตัวเร่งปฏิกิริยาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนนั้นไม่มีทางเป็นอุปสรรค ที่พิชิตได้ง่ายๆ แน่ นอกจากนี้สภาพร่างกายของโรเอลเองก็สาหัสมาก เกินกว่าจะไปตะลุยอะไรแบบนั้นไหว
ไม่ผิดแน่ คริสตัลชิ้นนี้คือกุญแจในการเข้าสู่สถานะผู้เฝ้ามอง คําถามก็คือช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ช่วงไหนกันที่สําคัญมากขนาด ที่ว่าต้องได้รับการปกป้องและส่งต่ออย่างระมัดระวังจากรุ่นสู่รุ่น?
แน่นอนว่าตัวของโรเอลนั้นไม่มีคําตอบสําหรับคําถามนี้ แต่หาก พิจารณาจากคํากล่าวของเลย์ตันแล้ว แม้แต่คนที่แข็งแกร่งระดับ เจ้าของคนสุดท้ายอย่างโรก็ยังไม่เคยคิดที่จะเปิดผนึกคริสตัลด้วยซ�า
คําพูดบางคําของเลย์ตันทําให้โรเอลก็สงสัยอยู่พักหนึ่ง เพราะ แม้ว่าชายชราคนนี้จะอ้างว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของโร แต่เขาก็ ยังรู้เรื่องเกี่ยวกับตระกูลแอสคาร์ดมากเกินไป ซึ่งเลย์ตันก็ได้เฉลยใน ท้ายที่สุดว่า เขากับโรไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้นธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ยังเป็น เพื่อนที่ร่วมเดินทางไปด้วยกันอีกด้วย
การเดินทางไปรอบๆ ทวีปเซียกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงเพื่อ เพิ่มพูนความรู้ เป็นแนวทางการศึกษาที่ได้รับความนิยมอย่างมากใน หมู่ขุนนางของยุคนั้น หลังจากเรียนจบโรและเลย์ตันที่เข้ากันได้ดี จึงได้ ออกเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งโรก็ได้ใช้โอกาสนี้ออกตามหาเบาะแส เกี่ยวกับตระกูลแอสคาร์ด และสมัชชานักปราชญ์พลบค�าที่ล่มสลายลง ไปแล้ว
“นี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่โรเก็บมาได้จากการออกเดินทางในปีนั้น ถ้าจํา ไม่ผิด ดูเหมือนว่าเขาจะพบมันหลังจากได้รับข่าวจากเทรนท์โบราณ ดังนั้นข้ามั่นใจว่าเขาไม่เคยใช้มันมาก่อนแน่ๆ”
เลย์ตันพูดด้วยใบหน้าจริงจัง ราวกับว่ารู้สึกกลัวเทรนท์โบราณ ทํา ให้แก้มของโรเอลกระตุกเล็กน้อย และหวนนึกถึงเทรนท์ที่เอาแต่คิดถึง เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในใจ ขณะเดียวกันเด็กหนุ่มก็เลิกสงสัยระ หวาดระแวงเลย์ตันโดยสมบูรณ์
หลังจากได้ยินเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง โรเอลก็แทบ อดใจรอไม่ไหวที่จะถามความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปของโร ทว่าเลย์ ตันกลับไม่สามารถตอบคําถามนั้นได้
ตามที่เลย์ตันกล่าว เขาได้รับสิ่งนี้มาจากโรในตอนที่ทั้งคู่แยกจาก กัน หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าโรหายไปไหน อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ เลย์ตันก็ยังคิดว่าเพื่อนสนิทของเขายังมีชีวิตอยู่
“ทักษะการเอาตัวรอดของหมอนั่นอยู่เหนือจินตนาการของเจ้า มาก ข้าไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะตายง่ายๆ หรอกนะ”
เลย์ตันพูดด้วยสีหน้าแข็งกร้าวเล็กน้อย ราวกับเป็นชายชราที่ไม่ เต็มใจที่จะยอมรับความจริง แต่สําหรับโรเอลเคยต่อสู้กับโรมาก่อน คําพูดของเลย์ตันนั้นค่อนข้างฟังดูมีเหตุผล
หากโรเอลเป็นผู้ปลุกพลังสายเลือดตระกูลแอสคาร์ดที่เน้นไปทาง พลังในการโจมตีเต็มรูปแบบแล้วล่ะก็ โรก็คงจะเป็นผู้ปลุกพลัง สายเลือดตระกูลแอสคาร์ดที่เน้นไปทางการป้องกันและฟื้ นฟูเต็ม รูปแบบ ซึ่งเกือบจะเทียบได้กับคําว่าอมตะ คําถามก็คือ ทําไมชายคน นั้นถึงหายตัวไป หลังจากแยกทางกับสหายรักของเขาได้ไม่นาน เขาไป ที่ไหนกันแน่? เขาต้องการที่จะทําอะไรกัน?
โรเอลเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามถึงจุดประสงค์ของโรในตอนนั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ทําให้เขาพูดอะไรไม่ออก
เลย์ตันกล่าวว่าระหว่างการเดินทางของเขากับโร อีกฝ่ายเอาแต่คิด หมกหมุ่นเกี่ยวกับเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ…เขาจะไปหาองค์หญิงของ จักรวรรดิออสทีนได้อย่างไร ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทําให้เลย์ตันไม่กล้า พูดว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็นเพื่อนกัน อย่างไรก็ตามจากคํากล่าวของ เลย์ตัน โรไม่ได้ต้องการจะทําแบบนั้น เพราะตกหลุมรักองค์หญิงแห่ง จักรวรรดิออสทีนตั้งแต่แรกเห็น แต่ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งสายเลือดของ ตระกูลแอคเคอร์มันน์
“บรรพบุรุษของเจ้า เอิ่ม เขามีความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิง ที่ค่อนข้างยุ่งเหยิง ข้าไม่รู้ว่าทําไม แต่ดูเหมือนว่าโรนั้นจะคิดว่าการ แต่งงานกับตระกูลแอคเคอร์มันน์เป็นกุญแจสําคัญในการฟื้ นฟูตระกูล
แอสคาร์ด แต่ในยุคนั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทําเรื่องแบบนั้น ให้สําเร็จ”
หลังจากพิจารณาอยู่นาน ชายชราผมหงอกก็ยอมให้คําอธิบาย ใบหน้าของเลย์ตันสั่นเล็กน้อยราวกับหวนนึกถึงการกระทําอันน่าอาย ของเพื่อนสนิทในอดีต ซึ่งโรเอลก็พยักหน้าแล้วหันหลังกลับด้วยสีหน้าที่ เข้าใจ
ผมเข้าใจ ผมเข้าใจ ไอ้หมอนั่นนี่มัน…
คําพูดของโรทําให้โรเอลอยากจะบ้วนเสมหะในปากออกมาสักรอบ แต่เพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดทําให้เขาต้องอดใจเอาไว้ นอกจากนี้มันยังทําให้เด็กหนุ่มยังหวนนึกถึงภารกิจที่บรรพบุรุษมอบให้ เขาได้อีกด้วย
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ ถึงขนาดที่ผ่านไป แล้วหลายร้อยปีก็ยังไม่สําเร็จ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในรุ่นของโรเอล นั้นแตกต่างออกไปมาก ลิเลียนไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงของตระกูลแอคเตอร์ มันน์ แต่เป็นญาติทางสายเลือดของโรเอล ซึ่ง…ค่อนข้างจะเป็น ความสัมพันธ์ต้องห้ามที่ยากจะอธิบาย
โรเอลกุมขมับพลางถอนหายใจ หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับภารกิจของโรอีก แน่นอนว่าเขาไม่ได้กังวลที่จะ
พูดถึงมันกับเลย์ตัน เพราะเด็กหนุ่มเชื่อว่าชายชราคนนี้น่าจะรู้จักบรรพ บุรุษสุดโฉดของเขาดี สิ่งที่โรเอลกังวลจริงๆ ก็คืออลิเซียที่อยู่ข้างหลัง
ทันทีที่มีการพูดถึงผู้หญิงจากตระกูลแอคเคอร์มันน์ บรรยากาศ รอบตัวอลิเซียก็แปลกๆ ไป มือที่จับตัวโรเอลอยู่เกาะแน่นขึ้นมาจน ผิดปกติ และแน่นอนว่าโรเอลเองก็ไม่อยากให้อลิเซียรู้เกี่ยวกับความ โรคจิตแปลกๆ ของโร เด็กหนุ่มจึงทําได้เพียงแค่เปลี่ยนเรื่องแล้วถาม เกี่ยวกับศัตรูของโร
เนื่องจากเขาไม่สามารถหาเบาะแสเกี่ยวกับโรได้เลย การสืบหา ข้อมูลของโรจากศัตรูของเขาย้อนกลับไปจึงเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างดี ทว่าสิ่งที่โรเอลไม่คาดคิดก็คือเลย์ตันนั้นได้พูดชื่อที่เขาคุ้นเคยออกมา
“ในบรรดาศัตรูของโร ภราดรภาพแห่งการกอบกู้คือพวกที่ อันตรายที่สุด ผู้ร่วงหล่นคือฝ่ายหลักๆ ที่ต้องการครอบครองคริสตัลชิ้น นี้ หนึ่งในสาเหตุที่ข้าละจากทางโลกเองก็เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาของพวก มัน”
“…แค่นั้นแหละ”
หลังจากได้ฟังคําพูดของเลย์ตัน โรเอลก็รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่คาดคิดเลยว่าเพื่อที่จะรักษามรดกตกทอดของตระกูลแอสคาร์ด เอาไว้ เลย์ตันถึงกับยอมละทิ้งโลกภายนอก มันเป็นราคาที่สูงมากจริงๆ
หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้เล่าประสบการณ์ของตนเอง เกี่ยวกับ [นักสะสม] ให้กับอีกฝ่าย
คําบรรยายของโรเอลทําให้อลิเซียจับแขนของเขาแน่นขึ้น ในขณะ ที่สีหน้าของเลย์ตันก็เริ่มจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายชราก็พูดข้อสรุปของเขาออกมา
“ไม่ดีแล้ว ข้าว่าพวกมันอาจจะกําลังจับตามองเจ้าอยู