ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 523: ประติมากรรมที่เหลืออยู่ (1)
ภราดรภาพแห่งการกอบกู้และบรรพบุรุษของตระกูลแอสคาร์ด เป็นศัตรูคู่แค้นที่ต่อสู้กันมาตั้งแต่ยุคที่สอง ในช่วงที่จักรวรรดิออสทีน โบราณล่มสลาย พวกผู้ร่วงหล่นได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ และ ตระกูลอาร์เด้เองก็ถูกแบ่งแยกออกเป็นเจ็ดส่วน แต่ในความเป็นจริง แล้ว ทั้งสองฝ่ายนั้นไม่ได้หายไปไหน และยังคงมีตัวตนอยู่ใน ประวัติศาสตร์เพียงแต่อยู่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป
ผู้คนที่สืบเชื้อสายหลักของตระกูลอาร์เด้ได้กลายมาเป็นตระกูล แอสคาร์ดและลี้ภัยมาที่จักรวรรดิเซนต์เมซิท ขณะเดียวกันผู้ร่วงหล่นก็ ค่อยๆ เริ่มปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ตามความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรม มนุษยชาติ ซึ่งเมื่อหลายร้อยปีก่อน โร แอสคาร์ดก็ได้มีชีวิตอยู่ใน ช่วงเวลาอันยากลําบากนั้น ทั้งก่อนและหลังสงครามกับพวกกลายพันธุ์ ช่วงเวลาที่เหล่าผู้ร่วงหล่นเริ่มปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
โรและเลย์ตัน เรียกได้ว่าเป็นคู่หูผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่ง ที่สุดในรุ่นนั้น พวกเขาค่อนข้างสนใจเรื่องเกี่ยวกับผู้ร่วงหล่น ซึ่ง หลังจากได้ออกเดินทางไปด้วยกัน ทั้งสองคนก็มักจะต้องต่อสู้กับผู้ร่วง หล่น
“ตอนนี้เจ้าน่าจะตกเป็นเป้าหมายของพวกมันแล้ว เริ่มยุ่งยากซะ แล้วสิ มันยากจริงๆ ที่จะหลบเลี่ยงการตามล่าของพวกมัน”
“ตามล่า? คุณเคยมีประสบการณ์ถูกพวกผู้ร่วงหล่นล่าด้วยงั้น เหรอ?”
“ก็นะ ดูเหมือนว่าการสืบสวนของโรจะไปกระตุ้นพวกมันเข้า ทํา ให้พวกเราถูกตามล่าและเกือบถูกฆ่าหลายครั้ง โชคดีที่ท้ายที่สุดพวก เราก็เอาชนะพวกมันได้”
เลย์ตันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เมื่อนึกถึงการเดินทางอัน ยากลําบากสมัยยังหนุ่ม และความประทับใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพวกผู้ ร่วงหล่น ซึ่งโรเอลก็แอบประหลาดใจเล็กน้อยกับประสบการณ์ของทั้ง สอง
โรและเลย์ตัน คนหนึ่งเป็นผู้ที่เทียบเคียงได้กับความอมตะ ส่วนอีก คนมีร่างกายอันแข็งแกร่งจนแทบจะไร้เทียมทาน เรียกได้ว่าทั้งคู่เป็น บุตรที่ได้รับเลือกจากโชคชะตาของยุคนั้น ทําให้พวกเขาสามารถรับมือ กับอันตรายต่างๆ ได้ การที่ผู้ร่วงหล่นทําให้ทั้งสองคนลําบากได้แสดงให้ เห็นว่าความแข็งแกร่งของศัตรูนั้นเหนือกว่าที่โรเอลคาดไว้มาก
สิ่งที่ได้ยินทําให้โรเอลเตรียมตัวรับมือกับศัตรูที่คาดไม่ถึงเอาไว้ใน ใจ หลังจากหยุดครุ่นคิดอยู่นาน ชายชราก็ถามคําถามแปลกๆ กับเขา
“ในรุ่นนี้มีใครอีกที่ปลุกพลังสายเลือดตระกูลแอสคาร์ดขึ้นมา?”
“เอ๋ ก็ไม่มีนะ น่าจะมีแค่ผมคนเดียว คุณถามทําไมงั้นเหรอ?”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ถ้ามีเจ้าคนเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไร ไม่อย่างนั้น ตามรูปแบบการเคลื่อนไหวของพวกมัน พวกมันอาจจะเริ่ม เล่นงานคนอื่นๆ ที่มีสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดก่อน”
“!”
เลย์ตันพูดประโยคนั้นออกมาอย่างสบายใจ ทว่ามันกลับทําให้ม่าน ตาสีทองของโรเอลหรี่ลงทันที แน่นอนว่าเขาไม่มีพี่น้องร่วมสายเลือด คนอื่น แต่ผู้ที่มีพลังสายเลือดของตระกูลแอสคาร์ดก็ไม่จําเป็นจะต้องมี นามสกุลแอสคาร์ดเสมอไป
จังหวะนั้นเองที่เด็กหนุ่มนึกถึงใบหน้าของเด็กสาวผมดําตาสีม่วงผู้ เย็นชาขึ้นมา ความกังวลอันแรงกล้าก็ผุดขึ้นมาจากใจของโรเอลอย่าง ช่วยไม่ได้ แม้ว่าจะมีจักรวรรดิออสทีน และคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิด [อาณาจักร] ช่วยซ่อนความจริงนี้เอาไว้ จึงช่วยให้ความลับของลิเลียน ไม่น่าจะรั่วไหล แต่หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าผู้ร่วงหล่น เป็นศัตรู กับตระกูลแอสคาร์ดมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษ ไม่มีใครรู้ว่าพวก เขาจะมีเล่ห์กลอะไรอีก
“ในเมื่อพวกเราเสร็จธุระกันแล้ว งั้นข้าคงต้องขอตัวกลับก่อน”
ขณะที่โรเอลกําลังครุ่นคิด สายฟ้าที่แล่นไปทั่วร่างของเลย์ตันก็ ค่อยๆ สลายไป กล้ามเนื้อที่ดูเหมือนจะฉีกเสื้อผ้าออกเองก็หดตัวลง เช่นกัน เมื่อเห็นท่าทีของชายชรา เด็กหนุ่มก็รีบแสดงความขอบคุณ
แม้ว่าโรเอลจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของเลย์ตัน แต่มัน ก็เทียบไม่ได้เลยกับภาระอันหนักอึ้งที่อีกฝ่ายเก็บสมบัติอันล�าค่าของ ตระกูลแอสคาร์ดเอาไว้ และเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายของเหล่าผู้ร่วงหล่น มานานหลายร้อยปี นอกจากนี้ถึงเด็กหนุ่มจะรู้สึกซาบซึ้งในนามของ ตระกูลแอสคาร์ด แต่ชายชราตรงหน้าก็ไม่ได้คิดว่าตนเองก่อบุญคุณ อะไรที่สลักสําคัญ
“ข้าก็แค่ทําตามสัญญาในอดีต เพียงแต่ข้าไม่คิดเลยว่าจะต้องใช้ เวลานานหลายปีขนาดนี้กว่าที่ผู้ปลุกพลังสายเลือดคนต่อไปในตระกูล ของเจ้าจะปรากฏตัวขึ้น โชคดีจริงๆ ที่ไม่มีอุบัติเหตุอะไร ความ แข็งแกร่งของเจ้าในตอนนี้เพียงพอแล้วที่จะถือครองมัน”
“ถ้าเจ้ามีคําถามอื่นๆ อีกล่ะก็ เจ้าสามารถมาหาข้าได้ที่เขตการ ปกครองของตระกูลไซส์ ไม่ต้องห่วง คราวหน้าพวกเราไม่ต้องสู้กันแล้ว”
หลังจากพูดจบเลย์ตันก็โบกมือเบาๆ แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว แสง สายฟ้าแล่บที่ริบหรี่ในระยะไกลก็ทําให้โรเอลอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณ และโล่งใจ
เห็นได้ชัดจากคําพูดสุดท้ายของเลย์ตันว่าเขา
ไม่คิดจะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลแอสคาร์ด เพียงเพราะ เสร็จสิ้นภารกิจที่ตกลงไว้กับโร ชายชรายินดีที่จะติดต่อกับตระกูลแอส คาร์ดอีกครั้ง ไม่ว่าสาเหตุจะเป็นเพราะความทรงจําที่มีร่วมกับสหาย เก่า หรือความแข็งแกร่งของโรเอล การยอมรับจากเขาก็ถือเป็นสิ่งที่ดี สําหรับตระกูลแอสคาร์ด
ศัตรูที่เป็นถึงตัวตนระดับตํานาน ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ระดับแก่นแท้ 1 ได้กลายมาเป็นสหายของเขา ตอนจบที่คาดไม่ถึงนี้ ถือ เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจสําหรับโรเอลจริงๆ หลังจากวิกฤตการณ์ ทั้งหมดคลี่คลายลง ร่างกายของเด็กหนุ่มก็ไม่อาจฝืนทนต่อไปได้อีก และล้มลงไป ซึ่งเด็กหนุ่มก็ได้รับการช่วยเหลือจากอลิเซีย พยุงเขากลับ เข้าไปยังฐานที่มั่นในป่าลึก
————————————–
หลังจากพักฟื้ นมาหนึ่งคืน สภาพร่างกายของโรเอลก็เริ่มทรงตัว และอีกด้านหนึ่ง กองทัพตระกูลไซส์เองก็ได้แสดงสัญญาณถอนทัพ เช่นกัน
เด็กหนุ่มไม่แปลกใจที่สถานการณ์ในสนามรบจบลงแบบนี้ อันที่ จริง ตั้งแต่วินาทีที่ร่างของเลย์ตันปรากฏขึ้นที่แนวหน้า แผนของ
จักรวรรดิออสทีนก็ถือล้มเหลวแล้ว เพราะคงไม่มีใครคิดว่ากองทัพ ตระกูลไซส์ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรโด่งดังเป็นอันดับหนึ่งในอาณาจักรจะ ต้องการความช่วยเหลือจากเขา นอกจากนี้ถ้าหากทางจักรวรรดิออ สทีนส่งกําลังเสริมออกมาหนุน การกระทําดังกล่าวก็จะถือว่าเป็นการ รุกรานอาณาจักรรอบข้างอย่างไม่มีมูลเหตุ ส่งผลให้อาณาจักรอื่นๆ เช่น เมืองโรซ่าที่กําลังรอโอกาสสวนกลับ มีเหตุผลที่จะเข้ามาแทรกแซง สงครามได้
โรเอลนั้นมีเรื่องให้คิดมากมายอยู่แล้ว เขาจึงไม่อยากจะสนใจเกม ชิงอํานาจของอาณาจักรใหญ่ๆ ที่เขากังวลก็คือการกระทําของเลย์ตัน จะทําให้ตระกูลแอคเคอร์มันน์โกรธเคืองรึเปล่า? อย่างไรก็ตามด้วย สถานะวีรบุรุษระดับตํานานของเลย์ตัน เรื่องนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ อะไร เพราะการที่เขาออกมาหยุดสงครามดูจะสอดคล้องกับนิสัยของ วีรบุรุษจากสงครามพวกกลายพันธุ์เสียมากกว่า
หลังจากกลับมายังฐานที่มั่น โรเอลก็สวมถุงมือและเริ่มตรวจสอบ คริสตัลที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นผ่านเหล่าผู้ปลุกพลังสายเลือดตระกูล แอสคาร์ดอย่างละเอียด ทําให้ได้รู้ว่าแหวนข้างในนั้น อาจจะมี ประวัติศาสตร์ยาวนานย้อนกลับไปก่อนยุคที่สองมาก ไม่ว่าจะเป็นชื่อ ของมันหรือผู้ครองครองในอดีต แม้แต่อาร์เทเชียผู้รอบรู้ก็ยังกล่าวว่า เธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน
แต่นั่นก็ไม่ได้ทําให้โรเอลแปลกใจเท่าไหร่ เพราะเดิมทีแล้วแหวน นั้นถือเป็นของใช้ส่วนตัว มันจึงไม่แปลกอะไรที่ราชินีแม่มดจะไม่เคย เห็นมันมาก่อน อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาสงสัยก็คือ วัตถุนี้เป็นของเทพเจ้า โบราณแบบไหนกัน เปตราแนะนําให้เขาเปิดคริสตัลเพื่อที่เธอจะได้ ตรวจสอบมัน แต่โรเอลก็ปฏิเสธหลังจากพิจารณาถึงความสําคัญของ มันแล้ว
สิ่งที่โรเอลอยากรู้มากที่สุด ไม่ใช่ที่มาของแหวนวงนี้ แต่เป็น ความหมายเบื้องหลังของมัน เขารู้ดีว่ามันน่าจะเป็นกุญแจสําหรับเปิด สถานะผู้เฝ้ามอง แต่กุญแจนี้มีประโยชน์อะไรกันแน่? ตามหลักแล้ว เทพเจ้าโบราณที่จะได้พบเมื่อเข้าไปในสถานะผู้เฝ้ามอง ก็จริงที่ว่าเทพ เจ้าอาจจะมาจากวัตถุโบราณที่ผู้ครองครองพลังสายเลือดตระกูลแอส คาร์ดถืออยู่ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเทพเจ้าที่เกิดจากการสุ่มที่ไม่ มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานะผู้เฝ้ามองนั้นเลยเช่นกัน คําถามก็คือ เขาจะ ได้รับอะไรเมื่อเข้าไปในสถานะผู้เฝ้ามองของวัตถุชิ้นนี้กันแน่
นอกจากนี้โรเอลก็ยังไม่มีคําอธิบายใดๆ เกี่ยวกับเวลาที่ควรจะใช้ งานวัตถุโบราณชิ้นนี้ ความยากง่ายของอุปสรรคในสถานะผู้เฝ้ามองนั้น แตกต่างกันออกไป ถ้าเข้าไปในตอนที่ยังแข็งแกร่งไม่พอก็อาจจะทําให้ ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเกินตัว แม้ว่าโรจะตั้งเงื่อนไขว่าผู้สืบ ทอดจะต้องสร้างความเสียหายให้กับเลย์ตันเพื่อรับช่วงต่อคริสตัลนี้ไป
ซึ่งโรเอลก็ผ่านบททดสอบนั้นมาแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของเลย์ตันก็ไม่ น่าจะสามารถใช้เป็นตัวชี้วัดจริงๆ ได้อยู่ดี
คริสตัลนี้ได้รับการสืบทอดมานานหลายร้อยปี และถูกเรียกว่าวัตถุ โบราณชิ้นสําคัญที่เกี่ยวข้องกับอนาคตของตระกูลแอสคาร์ด มันทําให้ โรเอลสงสัยจริงๆ ว่าชะตากรรมของตระกูลแอสคาร์ดเปราะบางขนาด นั้นเลยงั้นเหรอ?
“พี่ใหญ่โรเอล…พี่ตัวเล็กลงรึเปล่าคะ?”
“เอ๋?”
อลิเซียเดินเข้ามาด้านหลังโรเอลที่กําลังครุ่นคิดพร้อมกับถ้วยน�าชา ในมือ ดวงตาสีแดงจ้องไปยังเด็กหนุ่มบนเก้าอี้อย่างจดจ่อราวกับว่า เวลาได้ล่วงเลยไปหลายปี ซึ่งหลังจากที่ได้ยินคําพูดของอลิเซีย โรเอลก็ รีบตรวจสอบสภาพร่างกายของตน เขายกแขนขึ้นและพบว่าเสื้อผ้าของ ตัวเองใหญ่ขึ้นมาก และผมของเขาก็ยาวขึ้นเล็กน้อย
“โอ้ จริงๆ ด้วยแฮะ แต่คราวนี้ผลข้างเคียงค่อนข้างเบา ไม่น่าจะมี ผลนานเท่าไหร่”
โรเอลรู้สึกได้ว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้น เนื่องจากระยะเวลาที่เขาใช้ คาถาเวทผู้กลืนกินกาลเวลากับเลย์ตันนั้นไม่นานมาก ทําให้ผลข้างเคียง น่าจะค่อนข้างจํากัด
ระยะเวลาที่ถูกย้อนกลับไปมีเพียงแค่ประมาณหนึ่งหรือสองปี ซึ่ง โดยทั่วไปแล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร มันแค่ทําให้กระดูกที่หักและแผล เลือดออกภายในของเขารุนแรงขึ้นก็เท่านั้น
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มผมดําไม่ได้สนใจเรื่องนี้ และยังคงตรวจสอบ ครุ่นคิดเกี่ยวกับความลับของคริสตัลต่อไป กลับกันแล้ว สถานการณ์นี้ ทําให้เด็กสาวผมสีเงินหน้าแดงระเรื่อและเริ่มหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย
นี่คือพี่ใหญ่โรเอลที่มีอายุเท่าๆ กับเรา!
สภาพของโรเอลตรงหน้า ทําให้อลิเซียรู้สึกตื่นเต้นมาก ในสายตา ของเธอแล้ว โรเอลที่เด็กลงมาเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ ที่สําคัญก็คือต่าง จากในครั้งที่แล้ว ครั้งนี้มีเพียงเธอที่ได้อยู่เคียงข้างเขา
“พี่ใหญ่โรเอล ช่วยลุกขึ้นหน่อยได้ไหมคะ?”
“หืม? ได้ ได้ เธอจะให้พี่ช่วยอะไรงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินคําขอของอลิเซีย โรเอลก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ จากนั้นเด็กสาว ก็วางถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะแล้วเดินเข้าไปที่หลังของเด็กหนุ่มและยืน เทียบความสูงกับเขา
“…พี่ใหญ่ก็ยังสูงกว่าอยู่ดีแฮะ”
“เธอสนใจเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ? ก่อนหน้านี้เธอก็เคยสูงกว่าพี่ เหมือนกันน่า”
“มันไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ ที่พวกเรามีอายุต่างกัน ไม่นึกเลยว่าหนู จะได้เห็นพี่ใหญ่ในร่างเด็กอีกครั้ง อืม ดีจริงๆ”
มุมปากของอลิเซียขดขึ้นอย่างมีความสุข ก่อนจะเริ่มใช้นิ้วจิ้มแก้ม ของโรเอลอย่างนุ่มนวล ทําให้เด็กหนุ่มได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเมินคําหยอกของน้องสาว อันที่จริงต้องบอกว่าเขาคาดการณ์ไว้ แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น หลังจากที่ได้ฝ่าฝืนคําสาบานในอดีต และใช้คาถา เวทผู้กลืนกินกาลเวลา
ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ โรเอลได้กลายเป็นเด็กอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ความตื่นเต้นของอลิเซียก็ทําให้เด็กหนุ่มไม่คิดจะปริ ปากบ่นอะไร นั่นก็เพราะหลายวันที่ผ่านมานี้เขารู้ว่าทํางานหนักเกินตัว ไปมาก
หลังจากที่ทั้งสองต้องผ่านสงครามอันดุเดือดในฐานะผู้บัญชาการ การเปลี่ยนมาเป็นบรรยากาศที่ปราศจากแรงกดดันเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่ ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากร่างกายที่หดเล็กลงของโรเอลช่วยให้อลิเซีย สามารถปลดปล่อยความกดดันที่สะสมในใจออกมาได้ เขาก็ยินดี
ระหว่างที่กําลังคิดแบบนั้น อลิเซียก็เข้ามาลูบที่แก้มของโรเอล และเมื่อทั้งสองเข้าใกล้กัน คําถามบางอย่างก็แวบขึ้นมาในหัวของเด็ก หนุ่ม
ก่อนหน้านี้สนามรบของโรเอลและเลย์ตันถูกล้อมรอบด้วยสายลม ของคาถาเวท [ผู้กลืนกินกาลเวลา] อลิเซียเข้ามาข้างในนั้นได้ยังไง? ตามหลักแล้ว คาถาเวทเคลื่อนย้ายทั่วๆ ไปไม่น่าจะสามารถฝ่าสายลม ของผู้เรียกพายุเข้ามาได้นี่นา?
“หืม? มีอะไรเหรอคะ?”
“…เปล่า ไม่มีอะไรหรอก”
อลิเซียเอียงศีรษะเล็กน้อยมองมาทางโรเอลพร้อมทําหน้าสงสัย ซึ่ง เด็กหนุ่มก็เงียบไปครู่หนึ่งก็จะส่ายหัวแล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เก็บ คําถามในใจเอาไว้คนเดียว
ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไรขนาดที่จะต้องเก็บมาคิด อลิ เซียแข็งแกร่งขึ้นก็ดีแล้ว ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นก็ยิ่งดีด้วยซ�า แทนที่จะคิดเรื่อง นี้ เราควรจะคิดถึงมรดกตกทอดของตระกูลก่อน
เขาถอนหายใจและตรวจสอบวัตถุโบราณตรงหน้าต่อ หลังจากที่ เลย์ตันและโรเอลแยกกัน สงครามก็เข้าสู่ช่วงสงบศึก