ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 524: ประติมากรรมที่เหลืออยู่ (2)
เมื่อทัพเสริมของโรเอลมาถึง กองทัพของตระกูลไซส์ก็ถอนทัพ ถอยออกไป จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ค่อยๆ สงบลง เรียกได้ว่าทั้งสองฝ่าย ยืนหยุดอยู่นิ่งๆ อยู่เป็นเวลาสองวัน โดยไม่มีการปะทะหรือสื่อสารใดๆ อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายต่างก็ยึดมั่นในฐานที่มั่นของตน ในที่สุด หลังจากวันที่สาม หน่วยข่าวกรองจากแนวหน้าก็มาถึง และปิดม่านของ สงครามครั้งนี้ลง
เมืองเอ็ดการ์ถูกตีแตกแล้ว
ทันทีที่ข่าวแห่งชัยชนะนี้แพร่กระจายออกไป ทหารทั้งค่ายก็แทบ จะโห่ร้องด้วยความยินดี ทุกคนต่างพูดคุยเกี่ยวกับข่าวที่มาถึง ขณะเดียวกันโรเอลเองก็กําลังอ่านรายงานการรบที่ได้รับมาอย่าง ละเอียดเช่นกัน
ขณะที่อลิเซียและโรเอลต่อสู้กับกองทัพตระกูลไซส์ สถานการณ์ที่ แนวหน้าเองก็ไม่ได้นิ่งเฉยเช่นกัน คาร์เตอร์ซึ่งกังวลเกี่ยวกับความ เป็นอยู่ของเด็กๆ ได้ใช้กลยุทธ์เชิงรุก เข้าโจมตีหลายต่อหลายครั้งเป็น เวลาสามวัน หลังการต่อสู้อันดุเดือดทั้งวันทั้งคืนในที่สุดกองกําลังฝ่าย สัมพันธมิตรของจักรวรรดิเซนต์เมซิทก็ประสบความสําเร็จในการบุก ทะลวงเข้าไปยังเมืองเอ็ดการ์
หลังจากแนวป้องกันหายไป ขวัญกําลังใจของเหล่าทหารในเมือง เอ็ดการ์ก็ลดฮวบลงนํามาสู่ความพ่ายแพ้ในที่สุด วันถัดไป ประตูเมือง ได้ถูกเปิดจากด้านในโดยกองกําลังผสม ในที่สุดเมืองแห่งป้อมปราการ เอ็ดการ์ ซึ่งเคยเป็นที่รู้จักกันในนามป้อมปราการที่ไม่เคยพังทลายก็ได้ พ่ายแพ้โดยสมบูรณ์
ทันทีที่เมืองเอ็ดการ์แตกพ่าย สงครามและความทะเยอทะยาน ของจักรวรรดิออสทีนก็สิ้นสุดลงตามกันไป
เมื่อโรเอลประกาศข่าวชัยชนะของสงคราม เสียงเชียร์ก็ดังขึ้นไป ทั่วทั้งค่าย ขณะเดียวกันข่าวก็ได้แพร่ออกไปถึงกองทัพตระกูลไซส์ ทํา ให้พวกเขาถอยกลับไปในบ่ายวันนั้นเช่นกัน
โรเอลและคนอื่นๆ ไม่ได้เคลื่อนไหวตอบสนองอะไรต่อการล่าถอน ทัพของกองทัพตระกูลไซส์ เด็กหนุ่มและทหารของเขาเพียงแต่มองดูธง ศึกของศัตรูเคลื่อนที่ห่างออกไปบนเนินเขาอย่างเงียบงัน
ไม่ว่าจะในกรณีใด ทั้งสองฝ่ายนั้นเคยได้รบกันมาแล้วในสมรภูมิ และยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลงสงบศึกใดๆ พวกเขาจึงถือเป็นศัตรูกัน อย่างเป็นทางการ แม้ว่าโรเอลอยากจะขอบคุณเลย์ตัน และชายชราเอง ก็บอกว่าเด็กหนุ่มสามารถมาหาได้ทุกเมื่อ แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์ ระหว่างทั้งสองตระกูลยังเป็นประเด็นที่อ่อนไหวเกินไป ทําให้การไป เยือนของโรเอลรั้งแต่จะสร้างปัญหาให้อีกฝ่าย
เมื่อพิจารณาว่าพวกโรเอลเพิ่งทําให้แผนของตระกูลแอคเคอร์ มันน์ล้มเหลว มันคงจะเป็นการดีกว่าหากไม่ไปกระตุกหนวดเสือ ในตอนนี้ นอกจากนี้ในเมื่อศัตรูจากไปแล้ว มันก็เป็นฤกษ์งามยามดีที่ พวกเขาจะเดินทางกลับ
ขณะที่กองทัพศัตรูกําลังถอยร่นกลับไป โรเอลและอลิเซียก็นํา กองทัพของพวกเขาออกจากชายแดน แม้ในเวลานี้ อาการบาดเจ็บของ เด็กหนุ่มจะยังไม่หายดี แต่สงครามและผลข้างเคียงของ [ผู้กลืนกิน กาลเวลา] นั้นได้สิ้นสุดลงไปแล้ว มันจึงถึงเวลาที่เขาจะได้ทําตาม จุดประสงค์ที่แท้จริงเสียที!
———————————
สองสามวันต่อมา ภายในปราสาทของตระกูลเอลริก โรเอลได้เดิน สํารวจพื้นที่โดยรอบไปพร้อมกับซินเทียและคนอื่นๆ ด้วยความตื่นตัว มี อัครสาวกจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มกันห่างกันออกไปทุกๆ สาม และห้าก้าว มีคนคอยเฝ้าดูต้นทางอย่างระมัดระวัง จากนั้นพวกลัทธิชั่ว ร้ายที่ถูกจับมาได้ก็ค่อยๆ เปิดประตูสู่ฐานลับของสมาคมนักปราชญ์ องค์กรลัทธิชั่วร้ายที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิเซนต์เมซิทออก
มันคือห้วงมิติที่ถูกสร้างขึ้นด้วยคาถาเวทกระจก และวัตถุเวท มนตร์ทั่วทั้งปราสาทในโลกแห่งความจริง คาถาเวทอันยิ่งใหญ่นี้ช่วยให้
สมาคมนักปราชญ์สามารถสร้างห้วงมิติโลกกระจกขึ้นมาได้ โดยมี ทางเข้าและทางออกเป็นกระจกขนาดใหญ่เพียงไม่กี่อันในปราสาท
ตําแหน่งสําคัญๆ ในปราสาทของตระกูลเอลริก ล้วนถูกดูแลโดยผู้ นับถือลัทธิชั่วร้าย จึงไม่มีความลับใดๆ เล็ดลอดออกไปได้ หลังจากอัคร สาวกหลายคนเข้าไปห้วงมิติโลกกระจก และได้ทําการยืนยันว่าข้างใน นั้นไม่มีอันตราย โรเอลจึงก้าวตามเข้าไป ซึ่งสาเหตุที่พวกเขาต้องระวัง เป็นพิเศษ มันก็เพราะที่นี่คือห้วงมิติที่ถูกสร้างขึ้นโดยศัตรู
ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม หลังจากข่าวการเสียชีวิตของไบรอันถูก แพร่กระจายออกไป สมาชิกของสมาคมนักปราชญ์ก็รีบแยกย้ายหนี กระจัดกระจายกันไป ทําให้ปราสาทแห่งนี้ว่างเปล่า และกว้างขวางมาก ขึ้น
ประตูโกดังที่ใช้เก็บเงินทุนไว้ถูกเปิดออก และของมีค่าในห้องเก็บ คัมภีร์คาถาเวทเองก็ถูกพวกลัทธิชั่วร้ายชิงไปหมดแล้ว ของมากมาย กระจัดกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ แต่โรเอลนั้นไม่ได้สนใจเรื่อง เหล่านี้สักนิด
ไม่ว่าจะเป็นเงินที่ถูกขโมยมา หรือคาถาเวทของพวกลัทธิชั่วร้าย พวกมันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่โรเอลต้องการ จุดประสงค์ที่แท้จริงเพียงอย่าง เดียวของเขา คือการตามหาร่องรอยเกี่ยวกับ [นักสะสม]
แต่สิ่งที่โรเอลไม่คาดคิดก็คือ ทันทีที่มาถึงพวกเขาก็ต้องเผชิญกับ ปัญหาใหญ่นั่นก็คือ ห้องของ [นักสะสม] หายไปอย่างปริศนา!
ในฐานะผู้นําลับๆ ที่ไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน การที่ ห้องของ [นักสะสม] หายไป เรียกได้ว่าแทบจะตัดขาดเบาะแสเงื่อนงํา ทั้งหมดทิ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่โรเอลยอมรับไม่ได้ โชคดีที่ผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายที่ ถูกจับกุมมาก่อนหน้านี้ยอมสารภาพ อธิบายถึงขอบเขตโดยประมาณ ของห้องดังกล่าว จากนั้นเหล่าอัครสาวกก็พบร่องรอยการใช้คาถาเวท เคลื่อนย้าย และเริ่มพยายามฟื้ นฟูร่องรอยต่างๆ กลับมา ทว่าผลลัพธ์ที่ ได้นั้นกลับไม่ค่อยจะสมบูรณ์สักเท่าไหร่
“นายน้อยโรเอล ผู้นับถือลัทธิชั่วร้ายคนนั้นได้ทําลายหลักฐานก่อน จะจากไป อีกทั้งยังมีเรื่องของระยะเวลาด้วย ดังนั้น…”
โรเอลฟังคําอธิบายของอัครสาวกข้างๆ เขาลูบรูปปั้ นสีขาวที่ถูก ทําลายไปครึ่งหนึ่งพลางมองดูห้องว่างๆ ที่เริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยที่ห้องนี้เป็นห้องที่เกิดจากคาถาเวทห้วงมิติ ทําให้หลักฐาน เกือบทุกอย่างหายไปทันทีที่เจ้าห้วงมิติทําลายมัน หลังจากกู้คืนสภาพ ห้วงมิติแล้ว ที่แห่งนี้จึงเหลือเพียงซากโต๊ะ เก้าอี้ และซากรูปปั้ น
เห็นได้ชัดว่าศัตรูเป็นคนที่ระมัดระวังและให้ความสําคัญกับการ ปกปิดตัวตนเป็นอย่างดี ซากโต๊ะและเก้าอี้นั้นไร้ประโยชน์ จึงเหลือ
เบาะแสเพียงอย่างเดียว มันคือรูปปั้ นที่ดูคุ้นเคยจนน่าแปลก โดยสลัก เป็นรูปร่างของนอร่าที่กําลังยืนอยู่บนกองศพและทะเลเลือด ทว่าสิ่งที่ แตกต่างจากในความเป็นจริงก็คือ ในประติมากรรมชิ้นนี้โรเอลเองก็ล้ม ลงอยู่ในกองศพด้วยเช่นกัน
“ประติมากรรมพยากรณ์…เอามันให้คนที่สามารถประเมินงาน ประติมากรรมได้ พยายามหาตัวผู้สร้างมันซะ”
“รับทราบขอรับ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน เด็กหนุ่มผมดําผู้ออกคําสั่งก็ถอนหายใจ เบาๆ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงประติมากรรมเชิงพยากรณ์ที่ถูกทําลายจน เหลือเพียงครึ่งเดียว แต่งานศิลปะนั้นมักจะมีลักษณะเฉพาะส่วนบุคคล แฝงอยู่ไม่มากก็น้อย
ถึงความเป็นไปได้จะไม่มาก แต่ถ้าหากตามแกะรอยจาก รายละเอียดในคาถาเวทแกะสลัก ก็มีความเป็นไปได้ที่จะสืบหาตัวผู้ แกะสลักมันขึ้นมาได้ ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงเบาะแสเดียวเกี่ยวกับ [นักสะสม] ที่ยังหลงเหลืออยู่
หลังจากตรวจสอบฐานลับของสมาคมนักปราชญ์แล้ว โรเอลก็ เดินทางออกจากเมืองเอ็ดการ์ เมื่อหันไปมองเมืองที่ถูกทําลายจาก สงคราม ความรู้สึกมากมายก็เอ่อล้นขึ้นมาในใจของเด็กหนุ่ม
นับตั้งแต่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่ป้อมปราการทาร์ก ชีวิตของโร เอลก็เปลี่ยนไป การต่อสู้กับศัตรูแห่งโชคชะตาอย่างไบรอัน และการยื่น มือเข้ามาแทรกแซงของผู้ร่วงหล่น ทําให้เด็กหนุ่มตื่นตัวขึ้นมาก นอกจากนี้สงครามย่อยๆ ระหว่างอาณาจักร และการสมรู้ร่วมคิดของ ตระกูลแอคเคอร์มันน์ ก็ยิ่งทําให้เขาวิตกกังวลยิ่งกว่าเดิม โชคดีที่ทุก อย่างผ่านไปได้ด้วยดี และชีวิตธรรมดาๆ ของโรเอลก็จะกลับมาเป็น เหมือนเดิมอีกครั้ง
ราวกับสลัดความโชคร้ายออกไป เด็กหนุ่มผมดําเงียบไปครู่หนึ่ง พลางลูบกล่องที่เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินจากไป