ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 531: ปีนขึ้นเตียง? (1)
ห้องประชุมของศูนย์สัมมนาทางวิชาการของสถาบันการศึกษา เซนต์เฟรย่าซึ่งสามารถจุคนได้หลายสิบคนในขณะนี้เต็มไปด้วยเสียง เซ็งแซ่ เด็กหนุ่มผมดํามองไปทางพวกอาจารย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าพลางจิบ ชาของเขา พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วผ่อนลมหายใจออกมา
การสัมมนาว่าด้วยการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุที่ป้อม ปราการทาร์ก นี่คือชื่ออย่างเป็นทางการของการประชุมที่โรเอลเข้า ร่วมในครั้งนี้ ด้วยความที่เป็นการสัมมนาที่จัดขึ้นโดยสถาบันการศึกษา ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก มันจึงเป็นแบบอย่างของแผนการสําคัญที่ อาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้มีพลังเหนือธรรมชาตินับแสนนับล้าน คน ความสําคัญของการประชุมนั้นก็ชัดเจนในตัวเอง ทว่าเด็กหนุ่มผม ดําไม่ได้คาดคิดว่าหลังจากการสัมมนาจบลง มันจะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่ คิด
โรเอลเคยจินตนาการถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ระหว่างการประชุม ยกตัวอย่างเช่น นักวิชาการจากจักรวรรดิออสทีน อาจจะปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ เนื่องจากเหตุผลทางอารมณ์ บางอย่าง หรือมุมมองที่ต่างกันของแต่ละอาณาจักร แต่ทว่าหลังจาก การประชุมเกิดขึ้นจริงๆ เด็กหนุ่มก็พบว่าความเป็นจริงนั้นเหนือกว่าที่ เขาจินตนาการไว้จริงๆ …ในทางแย่นะ อย่าเรียกโรเอลว่าเป็น
นักวิชาการที่เข้าร่วมการประชุมเลยเถอะ เรียกเขาว่าพยานผู้ถูก สอบปากคําดีกว่า
“โรเอล แอสคาร์ด คุณแน่ใจใช่ไหมว่าคุณได้เห็นการหายไปของ ป้อมปราการด้วยตาของคุณเอง?”
“ไม่ ไม่ครับ ป้อมปราการนั้นหายไปในวันถัดจากที่ผมไปที่จุดเกิด เหตุต่างหาก”
“ถ้าอย่างนั้น คุณมั่นใจได้ยังไงว่าการหายไปของป้อมปราการ ทาร์กจะเกี่ยวข้องกับหมอกก่อนหน้านี้?”
“…มันเป็นเพราะการชี้นําของเลือดของผม แล้วก็พวกทหารหลาย นายก็เห็นหมอกที่ผิดปกติครับ”
“โอเค ถ้าอย่างนั้น ต่อให้คุณชี้นําแบบนั้น คุณจะแน่ใจได้ยังไงว่า มันเป็นสัตว์อสูรในตํานาน? จากประสบการณ์ของคุณ คุณไม่น่าจะเคย เผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับ [หกภัยพิบัติ] มาก่อนนี่”
“…มันเป็นความทรงจําที่ผมรับรู้ได้โดยสายเลือดครับ”
…..
นึกไปถึงคําถามและการโต้ตอบกับเหล่านักวิชาการ หน้าตาของโร เอลก็พลันสลดลง ใช่ นี่คือจุดประสงค์หลักที่โรเอลถูกเชิญมา นั่นก็คือ
เพื่อให้เขาพิสูจน์ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับป้อมปราการทาร์กนั้นเป็น ฝีมือของหกภัยพิบัติ
เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นมาได้หลายเดือนแล้ว และโรเอลก็ไม่คิดว่า ต้นเหตุของเหตุการณ์ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่
สําหรับโรเอลผู้เคยเห็นหกภัยพิบัติมาก่อนตั้งหลายครั้ง ถึงขนาด เป็นผู้ครอบครองศิลาแห่งมงกุฎด้วยซ�า นี่เป็นข้อเท็จจริงที่เถียงไม่ได้ แต่ความรู้สึกนี้กับประสบการณ์จําพวกเศษเสี้ยวแห่งประวัติศาสตร์นั้น ไม่สามารถนํามาใช้โน้มน้าวใจใครได้ แล้วมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นเสียด้วย โรเอลจึงทําได้เพียงผลักทุกอย่างไปที่ความทรงจําของสายเลือด คําตอบที่ทุกคนเข้าใจตรงกัน
ถ้าเขาจะบอกว่าเขาเคยย้อนเวลากลับไปเป็นร้อยๆ ปีแล้วเห็นสัตว์ อสูรระดับนี้หลายต่อหลายครั้ง ทําแม้กระทั่งย่อยพวกมันเข้ากับตัวเอง ไปตั้งสองตัว พวกนักวิชาการคงจะไม่เชื่อเขาแน่ๆ หนําซ�าน่าจะทํา เหมือนเขาเป็นผู้ป่วยจิตเภทไปเสียอีก
“ผมไม่คิดว่าหมอกนั่นจะเกี่ยวพันโดยตรงกับการหายไปของป้อม ปราการทาร์ก ทหารพวกนั้นอาจจะรู้สึกไม่สบายใจเนื่องจากสภาพ อากาศแปลกๆ แล้วเข้าใจผิด หรือพวกเขาอาจจะตกอยู่ภายใต้ภายลวง ตาจากศัตรูก็เป็นได้”
ฟังบทวิเคราะห์ของพวกนักวิชาการที่ไม่เชื่อที่เขาพูดแล้ว โรเอลก็ กลัวว่าความจริงจากปากตาสีตาสาอาจจะไม่สู้สันนิษฐานลอยๆ จาก ปากผู้เชี่ยวชาญก็ได้ เขาขมวดคิ้วอย่างกระสับกระส่าย แต่มันก็ไม่มี ทางออกดีๆ สําหรับเรื่องชวนไมเกรนขึ้นนี้เลย เพราะถึงอย่างไรนี่ก็ต่าง จากการเผชิญหน้ากับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ พวกนักวิชาการในห้องนี้ จึงไม่ได้มีความเกรงใจในฐานะต่างๆ ของโรเอลเลย พวกเขาให้ค่าแค่ เพียงความสําเร็จทางวิชาการเท่านั้น ซึ่งโรเอลไม่ได้มีความสําเร็จใน ด้านนี้เลย
สองชั่วโมงเต็มๆ กับการถูกบรรดานักวิชาการสอบปากคํา เด็ก หนุ่มยืนกรานว่ามันเป็นการกระทําของหกภัยพิบัติ ทว่าคําพูดของเขาก็ ไม่ค่อยจะมีใครเชื่อถือสักเท่าไหร่ และคนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อกันว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากการกระทําของมนุษย์
โรเอลไม่รู้จะทําอย่างไรกับความบ้องตื้นของคนพวกนี้ แต่เขาก็ พอจะเข้าใจอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรพวกคนแก่หัวแข็งที่ไม่เคยได้ไป สัมผัสกับหกภัยพิบัติเลยสักครั้งนั้นยากที่จะเชื่อได้ว่าจู่ๆ อสุรกายใน ตํานานจะโผล่มาที่ป้อมปราการที่มีคนอยู่เป็นร้อยๆ พันๆ คนแล้วงาบ เข้าให้เต็มปากหรอก มันคงเกินกว่าที่เซลส์สมองทื่อๆ พวกนั้นจะรับได้ ถ้าจะคิดว่าเป็นฝีมือของคนด้วยกันเองยังน่าจะเชื่อกันมากกว่า
แต่ว่าความคิดที่สมเหตุสมผลนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องที่ ถูก ถ้าพูดให้ถูกก็คือทิศทางของการสืบนี้มันเข้ารกเข้าพงไปแล้ว สําหรับเด็กหนุ่มนี่มันผิดมหันต์ เพราะการหายไปของป้อมปราการ ทาร์กนั้นก็ไร้เหตุผล
ถ้าคุณมองหาเหตุผลท่ามกลางความไร้เหตุผลล่ะก็ คุณก็จะพบว่า มันไม่มีเหตุผล
การประชุมช่วงเที่ยงยังคงไร้ความคืบหน้า โรเอลมาที่นี่ด้วยความ คาดหวังว่าจะพบเบาะแส แต่กลับออกมาด้วยความรู้สึกเหมือนเพิ่งไปดู ละครลิงมา เขาได้แต่โอดครวญว่าความเป็นจริงมันช่างโหดร้าย เรื่องราวต่างๆ มักจะราบรื่นไปเสมอไม่ได้จริงๆ
ยังเป็นเคราะห์ดีที่มีนักวิชาการโบราณคดีบางคนที่ไม่ได้บ้องตื้น ขนาดนั้น พวกเขายังคงสนับสนุนคําพูดของโรเอลอย่างเหนียวแน่น ตลอดการประชุม สิ่งที่พวกเขาต้องทําก็คือเก็บรวบรวมหลักฐานเพื่อ ยืนยันแนวคิดของพวกเขา แล้วดึงเอาการประชุมกลับมาเข้าที่เข้าทาง โรเอลเองก็คิดเหมือนกันกับพวกเขาเช่นกัน
การสืบเรื่องเหตุที่ป้อมปราการทาร์กและม่านหมอกมรณะนั้นไม่ใช่ แค่ภารกิจที่โรเอลได้รับ ทว่ามันคือสัญญาที่เขาให้ไว้กับนอร่าด้วย เช่นกัน ไม่ว่าเจ้าชายเคนจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เขาต้องนําผลลัพธ์ กลับไปให้เธอให้ได้
“ถ้าอย่างนั้น นี่เป็นตาของคุณแล้ว วิญญาณเทียมมาร์กาเร็ต”
[เข้าใจแล้ว ข้ากําลังสืบค้นห้องสมุดในพิพิธภัณฑ์ นับถอยหลัง 13 นาที กรุณารอสักครู่]
เสียงเยือกเย็นของสตรีดังออกมาจากลูกแก้วคริสตัล และเด็กหนุ่ม ผมดําก็ทําสิ่งใดไม่ได้นอกเสียจากพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ตรงข้ามกับโร เอล เคิร์ตผู้สูงใหญ่จ้องมองลูกแก้วคริสตัลเหนือศีรษะตนด้วยสีหน้าดํา คล�า
“นายควบคุมวิญญาณเทียมของสถาบันได้ยังไง? ฉันจําได้ว่ามีแค่ อาจารย์ใหญ่เท่านั้นที่ทําได้ไม่ใช่เหรอ?”
“นี่…เรื่องมันยาวน่ะ”
[ท่านโรเอลได้รับสิทธิ์การเข้าถึงระดับ 1 จากท่านแอสตริด และ เขามีสิทธิ์ออกคําสั่งโดยพลการ มอบสิทธิ์การเข้าถึง และเพิ่มระดับของ ผู้ใช้ได้…]
สําหรับคําถามของเคิร์ตนั้น โรเอลอยากจะตอบไปแบบกํากวม แต่ เขาไม่นึกว่ามาร์กาเร็ตจะตอบกลับไปอย่างละเอียด ทว่าเมื่อคิดสัก เล็กน้อย โรเอลก็ไม่ได้หยุดมาร์กาเร็ต เพราะว่าหลังจากนี้เคิร์ตและมาร์ กาเร็ตอาจจะต้องสนิทสนมกันไปอีกสักพักเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดของ ภารกิจ
เพื่อกลับทิศทางของการสืบสวน โรเอลจึงต้องการหนังสือยุค โบราณจํานวนมากเพื่อยืนยันการมีอยู่ของหกภัยพิบัติและ ลักษณะเฉพาะของมัน ซึ่งแน่นอนว่าของพวกนี้ต้องหาเอา แต่โชคยังดี ที่ในฐานะของหนึ่งในสามห้องสมุดหลักของโลก ห้องสมุดของ อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลน่าจะสามารถตอบโจทย์ของเขาได้
การสืบค้นข้อมูลในหนังสือโบราณเป็นงานที่หนักและแพงงานหนึ่ง ในทวีปเซีย พูดโดยรวมก็คือ งานนี้จะต้องจ้างผู้มีความรู้ในระดับสูง หลายคนเพื่อสืบค้นในเวลาเดียวกัน แม้กระทั่งขุนนางเองก็ใช่ว่าจะ สามารถรองรับค่าใช้จ่ายได้ ยังดีที่นี่คือสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ด้วยความช่วยเหลือจากมาร์กาเร็ตผู้ดูแลห้องสมุดมาเป็นร้อยๆ ปี ความ หนักหนาของงานจึงถูกลดลงไปอย่างมาก
แน่นอนว่าคุณวิญญาณเทียมนี้ไม่ได้มีความสามารถค้นหาอย่าง ละเอียดอะไร เธอทําได้เพียงค้นหาหนังสือโบราณที่น่าจะเป็นไปได้มา ให้โรเอลอย่างหยาบๆ เท่านั้น งานที่เฉพาะเจาะจงนั้นก็ยังต้องการ แรงงานจํานวนมากอยู่ดี แต่ทว่าภายใต้ระบบภารกิจของ สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่า ตราบใดที่ยังมีแต้มให้ ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ว่าจะไม่มีนักเรียนคนไหนรับงาน และนักเรียนภายในสถาบันนั้นก็ เพียงพอในเชิงจํานวนอย่างแน่นอน
ส่วนเคิร์ต เขาเป็นรองผู้บัญชาการของภารกิจสืบค้นนี้ เด็กหนุ่มผู้มี สายเลือดของยักษ์คนนี้พูดได้ว่าเป็นผู้เหยื่อถูกตัดสินด้วยรูปลักษณ์ หน้าตาคนหนึ่ง แม้ว่าเขาจะตัวใหญ่แบบยักษ์ปักหลั่น แต่ว่าเขามีความ สนใจประวัติศาสตร์อย่างมาก เพราะว่าตระกูลของเขาและสายต้น กําเนิด ซึ่งช่วยโรเอลให้สามารถเข้าถึงเจ้าพวกบ้ากล้ามจากอาณาจักร แห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ได้อย่างดีเยี่ยม
แต่แรกเดิมที หน้าที่ดังกล่าวเด็กหนุ่มผมดําเคยจะให้อลิเซียรับไป แต่หลังจากที่กลายมาเป็นผู้ถือแหวน อลิเซียก็ยุ่งจนหัวปั่ น วันนี้เธอเอง ก็ถูกเชิญให้ไปเยี่ยมชมโรงเรียน และในขณะเดียวกันเด็กสาวผมสีเงินก็ ไม่ได้สนใจอะไรประวัติศาสตร์นัก
เพราะเธอฟังโรเอลอ่านหนังสือและนอนอยู่ข้างๆ โรเอลมาตั้งแต่ สมัยเด็ก วัตถุทางประวัติศาสตร์จึงดูเหมือนอุปกรณ์สะกดจิตกล่อมอ ลิเซียจนหลับ โรเอลจึงได้แต่รู้สึกช่วยอะไรไม่ได้ เขาไม่อยากจะกวนเธอ ระหว่างกําลังหลับด้วยสิ