ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 535: เหยื่อล่อที่อันตราย (1)
การรุกรานของพวกกลายพันธุ์ นี่เป็นคําที่ใครก็ไม่อยากจะพูดถึง มัน และไม่มีใครที่ชอบมัน
คําสั้นๆ คํานี้หนักหนาเกินกว่าจะจินตนาการสําหรับมนุษยชาติ แห่งทวีปเซีย ในอดีตย้อนไปเป็นพันๆ ปี สงครามมากมาย การล่มสลาย ของเมืองนับไม่ถ้วน และการสังหารหมู่ได้ทิ้งร่องรอยความทรงจําเอาไว้ ให้กับผู้คนอย่างลบไม่ได้ และในขณะเดียวกันก็ทิ้งบาดแผลทางจิตใจ ขนาดใหญ่ไว้ให้พวกเขาด้วย
ไม่ว่าจะเป็นจักรวรรดิเซนต์เมซิทหรือจักรวรรดิออสทีน ผู้คนล้วน แล้วแต่เล่าขานถึงความโหดร้ายของอดีตกาลกับลูกหลานของตน การ รุกรานของพวกกลายพันธุ์นี้ก็เปรียบดั่งเรื่องสยองขวัญที่รู้จักกันในวง กว้างที่สุด ระหว่างนั้นผู้คนต่างหลบซ่อนตัวเงียบในบ้าน สําหรับผู้มีพลัง เหนือธรรมชาติแล้ว มันดูเหมือนกับวินาศกรรมในแง่มุมหนึ่ง
ด้วยข่าวที่แพร่ออกไป บรรยากาศตื่นตระหนกครอบงําไปทั่วอย่าง รวดเร็ว การตอบสนองของผู้คนทุกที่นั้นมีความรุนแรงแตกต่างกัน ออกไป บางอาณาจักรมีการประท้วงใหญ่โต ในขณะที่บางอาณาจักร กลับสู่ความมั่นคงอย่างรวดเร็วภายใต้การบริหารของผู้นํา ในส่วนของ สถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่านั้น แรงกดดันที่ไร้เสียงเริ่มแพร่กระจาย ไปในกลุ่มนักเรียนอย่างเงียบงัน
อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนลคือสถานที่ฝึกฝนผู้มีพลังเหนือ ธรรมชาติของทวีปเซีย นักเรียนจากเลนสเตอร์ในฐานะที่เป็นทหาร กําลังสํารองนั้นย่อมรู้ข้อมูลมากกว่าที่ใด ทว่า แม้ว่าการรุกรานของพวก กลายพันธุ์จะเป็นเรื่องที่คาดไว้แล้ว แต่เมื่อข่าวออกมา ผู้คนจํานวนมาก ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี
การรุกรานของพวกกลายพันธุ์เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดของเหล่า นักวิชาการและนักวิจัย ทรัพยากรทั้งหมดในช่วงเวลานั้นจะต้องถูกใช้ เพื่อความปลอดภัยของมนุษยชาติและสงคราม ในขณะที่การกระจาย ทรัพยากรให้กับนักเรียนนักศึกษานั้นจะแทบไม่มีอะไรเลย ในเวลาแบบ นี้พวกเขาจึงไม่สามารถควบคุมชะตากรรมของตัวเองได้ และชีวิตของ พวกเขาอาจจะพังไม่เป็นท่าจากการตัดสินใจของคนอื่นได้เลย
แน่นอน ในสายตาของผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ แล้ว นี่ก็เป็นยุคสมัย แห่งวิกฤตและความท้าทายเช่นกัน ภายใต้บททดสอบความเป็นความ ตายของสงคราม ระบบเดิมๆ ที่มีอยู่อาจจะพังลง และคลื่นลูกใหม่ก็ซัด สาด ก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะสิ้นสุดลง ไม่ว่าใครก็มีโอกาสเป็นขุม อํานาจใหม่ได้ทั้งนั้น
โรเอลไม่ใช่พวกทะเยอทะยาน และเขาก็ไม่ได้คิดว่าการรุกรานของ พวกกลายพันธุ์เป็นโอกาส ทว่ามันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ชีวิตของเด็กหนุ่ม จะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน สิ่งที่สําคัญที่สุดนั้นคือเมื่อกองหน้าของ
กองทัพรวมตัวกัน ภารกิจต่างๆ จากกองทัพก็หลั่งไหลเข้ามาเป็น จํานวนมาก และสมาชิกของกุหลาบอรุณก็ต้องออกไปทําภารกิจกันมาก ขึ้น
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มผมดําไม่มีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เพราะว่า มันเกี่ยวข้องกับหน่วยกิตวิชาจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์กับ คนอื่นๆ แต่ที่สําคัญกว่านั้นคือภารกิจนี้ถูกว่าจ้างมาจากกองกําลัง พันธมิตรของกองทัพ และทุกสิ่งที่ถูกส่งออกไปจะถูกใช้เพื่อแนวหน้า นี่ เป็นการสนับสนุนอย่างหนึ่ง
ในฐานะของหัวหน้ากลุ่มกุหลาบอรุณ โรเอลนั้นจึงพูดได้ว่ายุ่งอย่าง สมบูรณ์เพราะเหตุนี้ และหลังจากคัดเลือกเด็กใหม่กันแล้ว นักเรียนจาก อาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ก็ถูกกระจายออกไปตามภารกิจ ต่างๆ แต่พวกเขาก็เหมือนกับตอนที่ได้รับคําสั่งฝึกสายฟ้าแลบนั่นแหละ ไม่เหมือนพวกปีสองทั่วไปที่ปรับตัวไม่ทัน เคิร์ตและคนอื่นๆ จึงสามารถ บรรลุภารกิจได้อย่างรวดเร็ว
เหตุผลหนึ่งก็คือนักเรียนจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์ นั้นแข็งแกร่งกว่านักเรียนทั่วไปอยู่แล้ว ที่สําคัญกว่านั้นคือบทบาทของ โรเอล เด็กหนุ่มผมดํากระจายงานที่เหมาะกับความถนัดและจุดแข็ง ให้กับทุกคน และมีการปรับเปลี่ยนไปตามเวลา นั่นคือจุดสําคัญที่สุด
แน่นอนว่าไม่เพียงแค่สมาชิกสภากุหลาบเท่านั้น ฝ่ายกุหลาบน�า เงินก็กอบโกยรายได้จากการกระจายงานของโรเอลอย่างเป็นล�าเป็นสัน เช่นกัน พอล เกอรัล บริตตานี่และคนอื่นๆ เองก็ได้ทําภารกิจเช่นสํารวจ หาความลับหรือกวาดล้างป่า ผลลัพธ์ที่ได้เป็นที่น่าพอใจ และความ แข็งแกร่งของพวกเขาก็มีความคืบหน้าขึ้นมาก
เมื่อมองเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของพอลและคนอื่นๆ โรเอลก็ ต้องรําพึงถึงศักยภาพของกลุ่มพระเอกในพล็อตเดิม ทว่าเขาก็ไม่ได้ แปลกใจนัก เพราะเขาค้นพบว่าไม่ใช่แค่พวกพอลเท่านั้น แม้แต่พวก นักเรียนจากอาณาจักรแห่งภาคีอัศวินเพนเดอร์เอย นักเรียนจาก จักรวรรดิเซนต์เมซิทเอย นักเรียนจากแทบทุกฝ่ายในสถาบันที่อยู่รอบๆ โรเอลเองก็กําลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว และพวกนักวิชาการเองก็ดูจะมี คําอธิบายเรื่องนี้
จากการวิจัย พลังเวทของทวีปเซียจะเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่งทุกครั้งที่ เกิดการรุกรานของพวกกลายพันธุ์ และครั้งนี้พวกมันดูเหมือนจะได้รับ ผลกระทบมาจากการลืมตาตื่นชั่วขณะของมารดาเทพธิดาด้วย การ เพิ่มพลังอย่างทวีคูณนี้จึงเหมือนเป็นพรจากสวรรค์ และบางพื้นที่บน ฟ้า ความเข้มข้นของพลังเวทดูจะเพิ่มสูงกว่าในตอนที่สงบสุข หลายเท่าตัว อีกทั้งเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบสหัสวรรษ
การปรากฏขึ้นของผู้มีพลังเหนือธรรมชาตินั้น ในการวิเคราะห์ขั้น ท้ายแล้ว เป็นความแตกต่างที่เกิดขึ้นโดยพลังเวท เหมือนกับตัวแปรที่ แปรผันตรงกัน เมื่อระดับของพลังเวทเพิ่มสูงขึ้น พลังของมนุษย์ผู้มี พลังเหนือธรรมชาตินั้นก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ผู้กอบกู้แห่งดินแดน แห่งความโกลาหลซึ่งอยู่ในสมัยที่โลกวุ่นวายเพราะการรุกรานของพวก กลายพันธุ์รอบก่อนก็เป็นหลักฐานที่ดี
อันที่จริงแล้ว ตัวโรเอลเองก็มีความรู้สึกที่ชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะ เขาอ่านหนังสือโบราณจํานวนมากในช่วงนี้ ความรู้เกี่ยวกับเวลาและ สถานที่ในสมัยต่างๆ ของเขาจึงแน่นขึ้นมาก ทว่าก็ยังต้องพูดว่าแม้ว่า ทุกคนจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การพัฒนาของคนบางคนยังถือว่า เกินความคาดหมายไปมาก
ใช่แล้ว เธอคือเด็กสาวที่เรียกได้เป็นลูกรักแห่งสวรรค์ ลิเลียน
ในระหว่างนี้ ลิเลียนและโรเอลแทบไม่ได้เจอกันเลย ดังนั้นเด็กหนุ่ม ผมดําจึงไม่แน่ใจว่าสถานการณ์จริงๆ เป็นอย่างไร แต่มีข่าวลือว่ามีคน ได้เลื่อนขั้นขึ้นเป็นระดับแก่นแท้ 2 ในสถาบัน นักเรียนส่วนใหญ่ตก ตะลึงกับเรื่องนี้ เพราะถึงอย่างไร แม้แต่ในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟร ย่าก็ตาม มีนักเรียนชั้นปีที่ 4 เพียงหยิบมือที่สามารถทลายคอขวด ระดับแก่นแท้ 3 ขึ้นไปยังระดับแก่นแท้ 2 ได้
แน่นอนว่า ทั้งลิเลียนและฝ่ายกุหลาบม่วง ยังไม่มีใครออกมา ยอมรับข่าวลือนั้น แต่ในฐานะที่เขาและลิเลียนมีสายเลือดเดียวกัน โร เอลก็ไม่สงสัยเลย เพราะไม่มีใครรู้จักลิเลียนได้ดีเท่าโรเอลอีกแล้ว
ลิเลียนนั้นใช้คุณสมบัติแก่นแท้ต้นกําเนิดอาณาจักรของตระกูล แอคเคอร์มันน์ อัจฉริยะผู้นี้เยี่ยมยอดกว่าผู้สืบทอดทั้งหมด และ ยิ่งกว่านั้นเธอยังสามารถใช้ศาสตร์ลับที่ลึกซึ้งของคุณสมบัติแก่นแท้ต้น กําเนิดอาณาจักร [ป้อมปราการสิบทิศ] ได้อีกด้วย
ความสามารถของเธอนั้นยังจัดว่าหายากในเชื้อสายจักรพรรดิใน อดีต หากว่าคุณสมบัตินี้เป็นเรื่องจริง กระทั่งโรเอลเองก็ไม่น่าจะเป็นคู่ ต่อสู้ของเธอ โรเอลจึงไม่แปลกใจที่บุคคลระดับนี้จะเลื่อนขั้นได้ และ การหลบหน้าหลบตาของลิเลียนก็ได้คําอธิบายไปในตัว เธอคงกําลัง ต้องการสมาธิในการทะลวงคอขวดนั่นเอง
ข่าวของลิเลียนไม่ได้ทําให้โรเอลสะดุ้งสะเทือนอะไร แต่เขาก็ไม่ได้ ใจเย็นเสียทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นความคืบหน้าของอลิเซียในอีกมุมหนึ่ง ก็ทําให้เด็กหนุ่มตกตะลึงพรึงเพริด แม้ว่ามันจะเป็นแค่ความรู้สึกผิวเผิน แต่เขาคิดอยู่เสมอว่าอลิเซียใกล้ทะลวงคอขวดของเธอได้แล้ว
แน่นอน เด็กหนุ่มไม่ได้เผยความรู้สึกนี้ออกมา แต่ในใจของเขา ปนเปไปด้วยรสชาติต่างๆ นานา เพราะอย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรเอลเอง จะเพิ่งเลื่อนขั้นมาหยกๆ และไม่นับรวมศักดิ์ศรีความเป็นพี่ อัตราการ
เติบโตของอลิเซียก็นับว่าผิดปกติเกินไป ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะบอกว่าคน อายุน้อยมีโอกาสไปถึงระดับแก่นแท้ 3 ก็ตามที แต่นี่เหมือนฝันเกินไป
“อลิเซีย เธอรู้สึกบ้างไหมว่าพลังของเธอเพิ่มเร็วเกินไปจนควบคุม ได้ไม่ดี?”
“ไม่นะคะ หนูไม่รู้สึกแบบนั้นเลย มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“…ไม่มีอะไรหรอก ถามไปงั้นๆ แหละ”
ได้ยินคําตอบของอลิเซีย โรเอลก็หมดคําพูด เขาทําได้เพียงส่าย หน้าแล้วเปลี่ยนประเด็นหลังจากจ้องเธออยู่สักพัก เพราะถึงอย่างไร ใน ฐานะของต้นเหตุเรื่องทั้งหมด เขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่จะมีสิทธิ์ชะลอ การก้าวหน้าของใคร
ในเกม ‘อาย ออฟ โครนิเคิล’ นั้น ไม่ได้มีพล็อตที่ความหนาแน่น ของพลังเวทบนโลกสูงขึ้นแต่อย่างใด นั่นหมายความว่าการพุ่งสูงของ พลังเวทอย่างบ้าคลั่งที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนี้เกิดขึ้นจากผลกระทบปีก ผีเสื้อที่เกิดจากโรเอลปลุกพลังสายเลือดขึ้นมา ทําให้มารดาแห่ง เทพธิดาหันมาสนใจ ดังนั้นจึงบอกได้ว่าการพัฒนาก้าวกระโดดของอ ลิเซียมีต้นเหตุมาจากโรเอลเองนี่แหละ
ถ้าไม่ใช่ว่าสถานการณ์กําลังคุกรุ่น โรเอลอาจจะขอให้เด็กสาว ชะลอการเลื่อนระดับจริงๆ ก็ได้ แต่ว่าเพราะฉากหลังเป็นการรุกราน
ของพวกกลายพันธุ์ เด็กหนุ่มจึงเป็นกังวล หวังแค่ให้อลิเซียแข็งแกร่ง ขึ้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้
ในสถานการณ์นี้ที่ความเป็นห่วงระคนยินดีปนเปกัน ความ แข็งแกร่งของโรเอลและพวกพ้องก็เริ่มพุ่งทะยานออกไปไกลขึ้นจาก การหนุนเสริมของความเข้มข้นของพลังเวทที่เพิ่มเป็นประวัติการณ์ และด้วยแนวโน้มนี้ นักเรียนภายในสถาบันการศึกษาเซนต์เฟรย่าก็เลย ต้องเริ่มออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาตนเองกันด้วย ทุกคน รู้ดีว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดก่อนที่พวกเขาจะก้าวเท้าลงสู่สนามรบ
ในการเคี่ยวกรําที่เข้มงวดและแข่งกับเวลานี้ โรเอลได้บริหาร กุหลาบอรุณและฝ่ายกุหลาบน�าเงินไปพร้อมๆ กับรวบรวมข้อมูล ในขณะที่เขากําลังแข็งแกร่งขึ้นนั้น เขาก็อยากจะได้เบาะแสเกี่ยวกับหก ภัยพิบัติด้วย ทว่าเขาไม่คาดคิดว่าข่าวที่มาอย่างกะทันหันข่าวหนึ่งจะ ทําให้การประชุมเสียความเยือกเย็น