ทรราชตัวน้อย ไม่อยากพบจุดจบแบบ BAD END - บทที่ 79: การต่อสู้ในโบสถ์
บทที่ 79: การต่อสู้ในโบสถ์
ไม่ว่าใครก็ควรรู้ขอบเขตของตนเอง
นี่เป็นคำพูดที่โรเอลรู้สึกว่าเหมาะสมกับในทุก ๆ สถานการณ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในโลกที่มีพลังเหนือธรรมชาติเช่นนี้ การรู้ว่าตัวเองทำอะไรได้แค่ไหน สามารถช่วยให้เราเลือกตัดสินใจได้อย่างถูกต้องเมื่อต้องเผชิญกับปัญหา
“ถ้าล้มเหลวในการวางแผน แผนที่วางไว้ก็จะล้มเหลว”
โรเอลพึมพำกับตัวเอง
เด็กชายเชื่อว่าการเตรียมตัวอย่างรอบคอบเป็นหนทางที่ดีที่สุด ก่อนที่จะลงมือทำอะไรโรเอลจะทำการไตร่ตรองถึงสถานการณ์ที่เป็นไปได้ต่าง ๆ เสียก่อน แล้วจึงเตรียมมาตรการรับมือตามนั้น แม้ในบางครั้งอาจจะเป็นการเดิมพันด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่มันก็ไม่ใช่ความประมาทเลินเล่ออย่างแน่นอน
สมมุติว่า ‘ปัญหา’ ที่กรันด้ากล่าวถึงคือนักแล่หนัง ปีเตอร์ เคเตอร์ นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายสามารถเอาชนะกองทหารในตอนนั้นแล้วรอดออกมาได้
กองทหารกลุ่มนั้น ผู้บัญชาการสามคนมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 5 ส่วนทหารคนอื่น ๆ ที่เหลือเป็นระดับแก่นแท้ 6 หากวัดจากข้อมูลนี้แล้ว ก็สามารถสรุปได้ว่าความแข็งแกร่งของปีเตอร์นั้นอยู่ที่ ระดับแก่นแท้ 4
แน่นอนว่าระดับแก่นแท้ของปีเตอร์นั้นไม่น่าจะสูงไปกว่านี้ เพราะนั่นจะหมายความว่าเขาเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 3 โดยระดับแก่นแท้ 3 นั้นถือว่าเป็นขอบเขตของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูง เป็นตัวตนที่มีพลังมหาศาล ถ้าหากปีเตอร์มีอำนาจมากขนาดนั้นจริง ๆ เขาคงไม่ทำสีหน้าลำบากใจเมื่อปะทะเข้ากับกองทหารก่อนหน้านี้แน่
นอกจากนี้ ด้วยปฏิกิริยาของนอร่าในห้องศิลปะส่วนตัวของปีเตอร์ ดูเหมือนว่าเธอเองก็คิดว่าเธออาจจะมีโอกาสเอาชนะปีเตอร์ได้เช่นกัน เพราะพลังสายเลือดแห่งทูตสวรรค์ของนอร่านั้นแข็งแกร่งกว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั่วไปในระดับเดียวกันมาก ขนาดที่ว่าอาจจะสามารถท้าทายผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในระดับแก่นแท้ 4 บางคนได้เลยทีเดียว
จากการเปรียบเทียบดังกล่าว โรเอลจึงสรุปได้ว่าความแข็งแกร่งของปีเตอร์ เคเตอร์ น่าจะอยู่ที่ระดับแก่นแท้ 4 เทียบได้กับระดับ C+ ตามมาตรฐานของระบบ หมายความว่าเขาแข็งแกร่งกว่าโรเอลถึงสองระดับ
โดยทั่วไปแล้วมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 6 จะสามารถเอาชนะระดับแก่นแท้ 4 ได้ แต่หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว โรเอลรู้สึกว่าเขายังพอจะมีโอกาส
ปีเตอร์ เคเตอร์นั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน แต่เขามีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือปีเตอร์เป็นจอมเวทบริสุทธิ์ เห็นได้ชัดจากท่าทีในห้องศิลปะส่วนตัวของเขา เช่นเดียวกับวิธีที่เขาปกป้องตัวเองเมื่อต้องรับมือกับการโจมตีจากกองทหารก่อนหน้านี้
ปีเตอร์มีความสามารถทางกายภาพที่ธรรมดาทั่วไปมากจนพลาดท่าถูกแทงเข้าที่ต้นขา หากมองสภาพร่างกายของปีเตอร์แล้ว อย่างมากที่สุด ก็คงเทียบได้กับนักรบระยะประชิดระดับแก่นแท้ 5 บางทีเขาอาจจะอ่อนแอกว่าโรเอลด้วยซ้ำในด้านกายภาพ!
ยิ่งกว่านั้นหลังจากการต่อสู้อันขมขื่นที่เขาผ่านมา มีแนวโน้มว่าปีเตอร์จะมีสภาพที่อ่อนแอลงไปอีก นั่นก็เพราะความสามารถเหนือธรรมชาติในโลกนี้ทุกอย่างล้วนแต่ต้องแลกมาด้วยอะไรบางอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้นับถือลัทธิชั่วร้าย สิ่งนี้สามารถเห็นได้จากการต่อสู้ระหว่างจักรวรรดิเซนต์เมซิทกับลัทธิชั่วร้าย
โรเอลเคยได้ยินมาจากมาร์ควิสคาร์เตอร์ว่ากองทหารของจักรวรรดิเซนต์เมซิท มักจะเสียเปรียบเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพวกลัทธิชั่วร้ายในช่วงเริ่มแรกของการต่อสู้ นั่นก็เพราะพวกคลั่งไคล้ลัทธิชั่วร้ายมักจะมีความสามารถเหนือธรรมชาติอันทรงพลังทำให้ยากที่จะรับมือกับพวกเขาตรง ๆ
ทว่าตราบใดที่พวกเขาสามารถยืดเยื้อการต่อสู้ออกไปได้ ความได้เปรียบก็จะตกเป็นของทางจักรวรรดิเซนต์เมซิทอย่างรวดเร็ว ว่ากันว่าบางครั้งพวกลัทธิชั่วร้ายบางคนก็ตายลงในระหว่างการต่อสู้ เพราะไม่สามารถชดใช้ค่าใช้จ่ายด้านความสามารถของตนเองได้
การใช้ชีวิตอย่างสุดโต่ง นั่นคือธรรมชาติพื้นฐานของลัทธิชั่วร้าย
เมื่อพิจารณาปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้แล้ว แผนการก็ค่อย ๆ ถูกขีดเขียนขึ้นในใจของโรเอล กุญแจสำคัญที่ทำให้เขาสามารถได้รับชัยชนะโดยพื้นฐานนั้นขึ้นอยู่กับสองปัจจัย
หนึ่ง โรเอลจะสามารถเข้าใกล้ปีเตอร์ได้มากพอหรือไม่ และสอง เขาจะสามารถโจมตีผ่านการป้องกันของปีเตอร์ได้รึเปล่า
เด็กชายมองไปยังดาบสั้นสีเงินในมือ มันคือไพ่ตายของเขาในคืนนี้
เนื่องด้วยเอสเซนด์วิงเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ มันจึงถือว่าเป็นของแสลงสำหรับผู้นับถือลัทธิชั่วร้าย ต่อให้เป็นการป้องกันของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 4 ก็คงไม่อาจต้านมันได้ นอกจากนี้หลังจากที่มันได้ซึมซับเลือดของโรเอลและนอร่ามาเป็นเวลาหนึ่งเดือน เอสเซนด์วิงก็ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะความสามารถแรกออกมา และเขาจะขอฝากความหวังไว้กับมัน
【ดาบสั้น เอสเซนด์วิง
เศษซากที่เกิดจากการตกผลึกของปฐมพลังแห่งสายเลือด และคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดแห่งความเมตตา ผู้ใช้คนปัจจุบันได้ใส่ความสามารถเข้าไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ความสามารถ ‘นอกกรอบ’ : ผู้ใช้สามารถเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งที่มองเห็นได้ สามครั้งต่อวัน ระยะทางสูงสุดถูกกำหนดโดยพลังเวทและคุณลักษณะของผู้ใช้】
ความสามารถนี้ปรากฏขึ้นเมื่อคืน มันเป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโรเอลที่สามารถช่วยลดระยะห่างระหว่างเขากับมือสังหารนักแล่เนื้อได้ในชั่วพริบตา
แม้ว่าความสามารถนี้จะมีพลังมาก แต่มันก็มีข้อจำกัด นั่นก็คือโรเอลจะสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปได้ไกลที่สุดก็เพียงในขอบเขตระยะสายตาของเขาเท่านั้น หมายความว่าเขาไม่สามารถใช้มันในการเคลื่อนย้ายตัวเองข้ามกำแพงหรือสิ่งกีดขวางได้ นอกจากนี้ ด้วยบริเวณนี้เต็มไปด้วยหมอกทึบ ประกอบกับที่เป็นเวลากลางคืน ระยะทางที่เขาสามารถเคลื่อนย้ายได้จึงลดลงเหลือเพียง 10 เมตรเท่านั้น
นี่เป็นผลเสียต่อโรเอลอย่างยิ่ง
จากสิ่งที่เด็กชายเห็นระหว่างการต่อสู้ของกองทหารหน่วยลาดตระเวนกับปีเตอร์ ภาพวาดของนักฆ่านั้นมีระยะการโจมตีไกลถึง 20 เมตร นั่นหมายความว่าระยะการเคลื่อนย้ายเพียง 10 เมตรไม่มีทางเพียงพออย่างแน่นอน ที่แย่ไปกว่านั้นคือพลังเวทที่ต้องใช้สำหรับการเคลื่อนย้ายหลายครั้งนั้นสูงเกินกว่าที่โรเอลจะแบกรับได้แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดก็ตาม
ปัญหานี้คือสิ่งที่โรเอลต้องแก้ไขให้ได้ โชคดีที่ดูเหมือนว่าเขาจะพบทางออกนั้นในร้านค้าแลกเปลี่ยนแต้มความสนใจ
【ไฟตัดหมอกอีกาดำ
แสงอันอบอุ่นที่สามารถส่องทะลุผ่านสิ่งกีดขวางทั้งหมดได้ อุปกรณ์เวทที่ใช้กันในนครแห่งม่านหมอกชานตูเพื่อส่องนำทางให้แก่ผู้คน เมื่อหมอกเริ่มกลับมา แสงจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ในช่วงเวลาดังกล่าวโปรดกลับเข้าไปอยู่ในบ้าน
ราคา: 500 แต้มความสนใจ ต่อแสง】
โรเอลคิดเสมอว่าระบบของเขาไม่ค่อยน่าพึ่งพาเท่าไหร่นัก แต่ใครจะไปคิดว่ากุญแจในการเอาชนะจุดบอดในแผนของเขาจะอยู่ในนี้ ไฟตัดหมอกอีกาดำเป็นเหมือนชิ้นส่วนสุดท้ายที่ขาดหายไปในแผนของเขา
ด้วยไฟตัดหมอกอีกาดำในมือ โรเอลก็เตรียมพร้อมแล้วสำหรับค่ำคืนแห่งอันตรายนี้
…
ปีเตอร์ เคเตอร์สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
นักฆ่าจับไหล่ที่บาดเจ็บของตน พลางจ้องมองไปทางโบสถ์อันน่าขนลุกที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก เนื่องจากเขาปราศจากความรู้ทางประวัติศาสตร์ต่างจากนอร่า ปีเตอร์จึงไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอาคารนี้มาจากยุคใด เขารู้สึกเพียงแค่ว่าสถานที่แห่งนี้ดูน่าขนลุก
ปีเตอร์หันไปมองยังสตรีสูงศักดิ์ผู้เหี่ยวแห้งที่คอยนำทางให้กับเขาด้วยสุนัขล่าเนื้อของเธอ
“อีวา ที่นี่เธอสัมผัสถึงการมีอยู่ของคนอื่น นอกจากเด็กเหลือขอสองคนนั้นบ้างไหม?”
หญิงสูงศักดิ์ส่ายหัวเพื่อตอบคำถามของเจ้านาย ปีเตอร์มองไปที่แสงสีเหลืองที่ห้อยอยู่บนหลังคาของโบสถ์ แล้วหยุดครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ แม้ว่าภาพวาด ‘อีวาและสุนัขของเธอ’ จะไม่ได้ทรงพลังเท่าไหร่นักหากเทียบกับภาพวาดอื่น ๆ ของปีเตอร์ แต่ความสามารถในการติดตามของมันนั้นไม่เป็นสองรองใคร
ใครก็ตามที่เข้ามายังอาคารแห่งนี้ภายในช่วงเวลาสามวันที่ผ่านมา ไม่มีทางหนีรอดไปจากประสาทสัมผัสอันยอดเยี่ยมของสุนัขที่อีวาจูงอยู่ได้ เว้นแต่ว่าบุคคลนั้นจะมีระดับแก่นแท้ 3 ขึ้นไป
แต่มันเป็นไปได้จริง ๆ เหรอ ที่จะมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับ 3 ปรากฏตัวขึ้นในสถานที่แบบนี้?
ปีเตอร์ส่ายหัวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน แม้ว่าปีเตอร์จะไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่ถ้ามีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังมากอยู่ในสนามรบนี้ เขาคงจะถูกฆ่าตายไปนานแล้ว ที่ปีเตอร์ไม่ได้ปิดบังคลื่นพลังเวทของเขาก็เป็นเพราะเหตุนี้ เขาเดาว่าที่นี่คงไม่ได้มีภัยคุกคามอะไรร้ายแรง
ปีเตอร์รู้สึกว่าโอกาสที่ตนจะต้องเผชิญกับอันตรายที่นี่นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าเขาก็ยังรักษาความสุขุมระแวดระวังเอาไว้ในระดับสูงสุดเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นนักฆ่าจึงสั่งให้อีวาและสุนัขของเธอ คอยนำทางล่วงหน้าไปก่อนเสมอ จากนั้นปีเตอร์ถึงค่อยติดตามไปจากระยะไกล ซึ่งการตัดสินใจนี้ก็ได้ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้
กรร! กรร กรร!
ทันทีที่พวกเขาเดินผ่านประตูของโบสถ์ไป สุนัขที่อีวาจูงอยู่ก็เริ่มเห่าอย่างไม่สบายใจไปยังเงาดำอันว่างเปล่า ทว่าก่อนที่ปีเตอร์ผู้กำลังงุนงงจะได้ถามถึงเรื่องนี้ แสงสีเงินก็แวบวาบขึ้นมาในอากาศ
ทันใดนั้นความบิดเบี้ยวก็ได้ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความมืด เงาดำปริศนาแทงดาบพุ่งออกไปที่สุนัขและอีวาที่จูงมันอยู่
พลังอันน่าทึ่งของเอสเซนด์วิงถูกปลดปล่อยออกมา แทงทะลุผ่านสุนัขและอีวาไป ทำให้ร่างกายของพวกมันระเหยไปในอากาศ
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับอีวา ใบหน้าของปีเตอร์ก็บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะต้องสูญเสียภาพวาดอันล้ำค่าไปแบบนั้น แต่ก่อนที่เขาจะระเบิดความโกรธออกมา เงาปริศนาก็เคลื่อนไปยังเป้าหมายต่อไป นั่นก็คือตัวของปีเตอร์นั่นเอง
“เจ้าหนู แกรนหาที่เองนะ!”
ปีเตอร์ตะโกน
ภาพวาดรอยยิ้มของมารดาปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังของปีเตอร์ในทันที ทำให้บริเวณโดยรอบเชื่องช้าลง เหม็นฟุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่พวยพุ่งออกมาอย่างน่าสะอิดสะเอียน
ทว่าดาบสั้นสีเงินก็ได้ปลดปล่อยแสงออกมาอีกครั้ง แสงนั้นปลดปล่อยโรเอลจากความกดดันอันหนักหน่วงที่ถ่วงเขา ทำให้ร่างของเด็กชายยังคงพุ่งไปข้างหน้าได้ต่อ จังหวะนั้นเองโรเอลก็สังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของนักฆ่าตรงหน้า ฝ่ามือของปีเตอร์นั้นกำลังหันเข้าหาเขา ชวนให้นึกถึงจอมเวทที่กำลังเตรียมร่ายคาถา
เราควรจะพุ่งตรงต่อไปหรือควรจะถอยกลับออกไปก่อนดี?
โรเอลตกอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถ้าหากเขาก้าวออกไปอีกสองสามก้าว เขาก็จะสามารถใช้ความสามารถของเอสเซนด์วิง เพื่อเคลื่อนย้ายตัวเองเข้าประชิดด้านข้างของปีเตอร์ได้ แต่ขั้นตอนเหล่านี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก
โรเอลรู้สึกราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่ในหัวใจ แต่จิตใจของเขากลับสงบนิ่งราวกับน้ำนิ่ง เด็กชายนึกถึงการต่อสู้ของปีเตอร์กับกองทหารก่อนหน้านี้
ปีเตอร์ทรงพลังกว่าเขามากในฐานะผู้นับถือลัทธิชั่วร้าย อีกทั้งยังเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับแก่นแท้ 4 ซึ่งไม่ใช่อะไรที่ควรจะประมาท
เป็นไปได้จริง ๆ เหรอ ที่จะสังหารนักฆ่าคนนี้ได้ด้วยการพุ่งเข้าไปแทงตรง ๆ?
ถึงมันจะเป็นไปได้จริง ๆ ก็เถอะ แต่โอกาสที่จะทำสำเร็จนั้นต่ำมาก ต่ำเสียจนโรเอลไม่อยากเสี่ยงเลยทีเดียว
“นอกกรอบ!”
จู่ ๆ โรเอลก็สังหรณ์ได้ถึงภัยอันตราย เขาจึงรีดเร้นพลังเวทของตนเข้าไปในดาบสั้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างกายของเขาหายไปในพริบตา
แสงสีเลือดสาดออกมาจากปลายนิ้วของปีเตอร์ ข้ามผ่านพื้นที่ที่โรเอลเคยยืนอยู่ กระแทกเข้ากับผนังของโบสถ์อย่างแรงทำให้ทั่วทั้งอาคารส่งเสียงดังสนั่น
มันเป็นคาถาเวทอันน่าสะพรึงกลัวที่จะกระตุ้นให้เลือดของเป้าหมายระเบิดอย่างกะทันหัน คาถานี้ปีเตอร์มักจะใช้เพื่อสังหารศัตรูของเขาและเตรียมสีที่ต้องการจะใช้ในงานศิลปะ มันควรจะทำให้ตัดสินกันได้ในการต่อสู้เลยด้วยซ้ำแต่กลับพลาดเป้าเสียอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้น? บ้าเอ้ย! ไอ้เด็กนั่นมันหายไปไหน?”
ปีเตอร์แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่คาดคิดเลยว่าโรเอลจะสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของเขาได้ แต่ที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดก็คือการที่จู่ ๆ โรเอลก็หายตัวไปกลางอากาศ!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
นักฆ่าสำรวจสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว พร้อมสั่งให้ภาพรอยยิ้มของมารดาวนเวียนอยู่รอบตัวคอยปกป้องเขาอย่างตื่นตระหนก จากนั้นปีเตอร์ก็เริ่มทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยคำนวณถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด
มีคาถาเวทไม่กี่แบบที่จะสามารถทำให้คน ๆ หนึ่งหายตัวไปได้ในทันที และราคาที่ต้องจ่ายเพื่อร่ายพวกมันก็หนักมาก แม้ว่าที่อาณาจักรแห่งการศึกษาโบรเนล จะมีนักปราชญ์ที่เชี่ยวชาญด้านการปกปิดตัวตน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่โรเอลผู้ยังไม่มีคุณสมบัติแก่นแท้ต้นกำเนิดใด ๆ จะสามารถเรียนรู้ได้ เพราะมันเป็นคาถาที่ถูกจำกัดไว้สำหรับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงเท่านั้น
“ต้องเป็นเพราะอาวุธของเจ้าเด็กนั่นแน่ ๆ ดาบสั้นเล่มนั้น…”
ปีเตอร์พึมพำขณะที่เขาค่อย ๆ หรี่ตาลงอย่างเย็นชา
นักฆ่าจำได้ดีว่าดาบสั้นเล่มนั้นสามารถทำลายอีวาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว และนั่นทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก แต่เขารู้ดีว่าการเปิดเผยความกลัวในการต่อสู้นั้นไม่ใช่เรื่องดี ปีเตอร์จึงมองไปรอบ ๆ ห้องด้วยใบหน้าอันสุขุมเย็นชา
ขณะเดียวกัน บนคานใกล้เพดานของโบสถ์ โรเอลผู้กำลังซ่อนตัวจากสายตาของปีเตอร์ จ้องมองลงมายังนักฆ่าด้วยสายตาอันเย็นชาเช่นกัน เขาถอนหายใจเงียบ ๆ ขณะถอดเงาแห่งคู่รักออก แล้วเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ของเขาอีกครั้ง
แม้ว่าการลอบจู่โจมก่อนหน้านี้จะไม่ได้ล้มเหลวไปซะทีเดียว แต่โรเอลก็พลาดโอกาสอันมีค่าที่จะจัดการปีเตอร์โดยที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ตั้งตัวไปแล้ว
ตามแผนการแรกของเขา เด็กชายตั้งใจที่จะใช้ความสามารถในการซ่อนตัวของเงาแห่งคู่รัก เพื่อเข้าไปใกล้ ๆ แล้วจัดการปิดฉากปีเตอร์อย่างรวดเร็ว ทว่าปีเตอร์ระมัดระวังตัวมากกว่าที่เขาคิดไว้ อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ส่งภาพวาดของเขาเดินนำหน้าเท่านั้น แต่เขายังรอบคอบพอที่จะรักษาระยะห่างเอาไว้มากพอสมควร ทำให้เขามีเวลาเพียงพอที่จะตอบสนองต่อการโจมตีโดยไม่คาดคิด
สถานการณ์ปัจจุบันไม่ตรงกับความต้องการของโรเอล รอยยิ้มแห่งมารดานั้นเป็นรูปภาพที่มีความสามารถในการโจมตีเป็นวงกว้าง เมื่อใดก็ตามที่โรเอลเข้าไปใกล้มัน การเคลื่อนไหวของเขาก็จะช้าลงจนแทบจะหยุดนิ่ง เขาจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้พวกทหารที่สู้กับปีเตอร์เองก็หยุดนิ่งค้างไปต่อหน้ามัน ก่อนที่จะถูกกรีดคออย่างโหดเหี้ยม
นอกจากนี้ ปฏิกิริยาตอบสนองของปีเตอร์ก็ไวกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากด้วย แม้ว่าจะไม่ได้เร็วเวอร์วังอลังการเหนือมนุษย์ แต่มันก็ถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับจอมเวท เขาสามารถฟื้นตัวตั้งสติกลับมาได้อย่างรวดเร็วพร้อมเปิดฉากโต้กลับอย่างเด็ดขาดแม้ว่าจะถูกโจมตีตอนทีเผลอ ระยะเวลาที่นักฆ่าใช้ในการร่ายคาถาเวทเองก็ค่อนข้างเร็วด้วยเช่นกัน เขาใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งวินาทีในการร่ายเท่านั้น
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้ โรเอลจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเคลื่อนย้ายตัวเองหนีหลบมาก่อนเพื่อรอโอกาสต่อไป
การต่อสู้นี้ทำให้โรเอลเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับดาบสั้นและความสามารถแรกของมัน แม้ว่า นอกกรอบ จะมีความสามารถที่ทรงพลังในการต่อสู้ แต่มันก็มีข้อจำกัดของตัวเองเช่นกัน ซึ่งก็คือระยะทางสูงสุดที่เขาสามารถเคลื่อนย้ายไปได้ในตอนนี้คือ 50 เมตร
ความสามารถในการเคลื่อนย้ายตัวเองไปที่ไหนก็ได้ในระยะ 50 เมตรอาจจะฟังดูน่าทึ่ง แต่เมื่อพิจารณาถึงพลังการโจมตีของคาถาเวทต่าง ๆ แล้วมันก็ยังไม่เพียงพอ มีคาถาเวทมากมายที่มีระยะการโจมตีไกลกว่า 50 เมตร
ทว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้โรเอลดีใจก็คือ เขาคิดผิดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของมัน พลังเวทที่เขาใช้ไปเมื่อครู่คือ 10% ของพลังเวททั้งหมด ซึ่งนั่นยังเป็นปริมาณที่จ่ายได้สบาย ๆ สำหรับโรเอล
แต่มันก็ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ประสิทธิภาพของมันจะแย่ลงเมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมีการใช้งานเป็นจำนวนครั้งที่จำกัด
เฮ้อ จะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าเราสามารถเคลื่อนย้ายตัวเองไปที่ไหนก็ได้ทั่วสนามรบโดยไม่มีเงื่อนไขค่าใช้จ่ายใด ๆ?
นอกเหนือจากข้อจำกัดอันโชคร้ายของเอสเซนด์วิงแล้ว โรเอลก็ยอมรับว่ามันเป็นอาวุธที่ทรงพลังมาก เขาเหลือบมองลงไปที่ปีเตอร์ที่ยังคงตรวจสอบรอบ ๆ ห้องอย่างระมัดระวัง
ตอนนี้โรเอลยังใช้ความสามารถของดาบได้อีกสองครั้ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการบุกโจมตีหนึ่งครั้งและการล่าถอยหนึ่งครั้ง มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะละทิ้งนอร่าที่กำลังนอนพักฟื้นอยู่ที่ไหนสักแห่งในโบสถ์แล้วหนีไป ดังนั้นเด็กชายจึงมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้น
เขาจะต้องสังหารปีเตอร์ให้ได้ในการโจมตีครั้งต่อไป