ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1009 ความคิดถึงก็ถือเป็นอาการป่วยแบบหนึ่ง (1) ตอนที่ 1010
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1009 ความคิดถึงก็ถือเป็นอาการป่วยแบบหนึ่ง (1) ตอนที่ 1010
ตอนที่ 1009 ความคิดถึงก็ถือเป็นอาการป่วยแบบหนึ่ง (1) / ตอนที่ 1010 ความคิดถึงก็ถือเป็นอาการป่วยแบบหนึ่ง (2)
ตอนที่ 1009 ความคิดถึงก็ถือเป็นอาการป่วยแบบหนึ่ง (1)
จวินอู๋เสียมองต่ำลงข้างล่างและหัวเราะเย็นชาอยู่ในใจ
ทั้งนางและอสรพิษทะยานต่างก็ไม่ไว้ใจกัน
เมื่อจวินอู๋เสียรู้สึกตัว เจ้าแมวดำตัวน้อยกำลังยืนร้อนใจอยู่ข้างๆ นาง แม้แต่ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับกระต่ายโลหิตก็มาล้อมรอบตัวนางด้วย ดวงตาของสัตว์วิญญาณที่น่ารักทั้งสามเต็มไปด้วยความห่วงใยและวิตกกังวล เมื่อพวกมันเห็นจวินอู๋เสียขยับตัว ดวงตาของเจ้าตัวเล็กทั้งสามก็เต็มไปด้วยความยินดีทันที
“เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ทำไมจู่ๆ ถึงได้เป็นลมไปได้เล่า” เจ้าแมวดำตัวน้อยถามพลางยกอุ้งเท้ามาแปะที่มือของจวินอู๋เสีย จู่ๆ จวินอู๋เสียก็หมดสติไปทำให้มันตกใจแทบตาย
“ข้าไม่เป็นไร” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับส่ายหน้า นางยกมือที่มีบาดแผลขึ้นมาและพบว่าบาดแผลพวกนั้นเกือบหายดีแล้วทำให้นางประหลาดเล็กน้อยกับความเร็วในการรักษา
นางนึกขึ้นได้ว่าชิงอวี่เคยบอกนางว่าการรักษาตัวอย่างรวดเร็วเป็นความสามารถพิเศษของมังกรมายา และเมื่อเมล็ดถั่วสีทองนั่นหลอมรวมหินวิญญาณของมังกรมายาเข้าไปในร่างกายของนาง ก็ดูเหมือนนางจะได้รับความสามารถพิเศษนั้นมาซึ่งมันก็ได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของจวินอู๋เสีย
นางเคยใช้มือจับหินวิญญาณมามากมาย แต่เมล็ดถั่วสีทองก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาแบบนี้กับหินวิญญาณพวกนั้นเลย ทำไมมันถึงเลือกดูดซับหินวิญญาณของมังกรมายาซึ่งเป็นอันเดียวกับที่อสรพิษทะยานกำลังอยากได้มาก
จวินอู๋เสียลุกขึ้นและหยิบเอาหินวิญญาณที่นางมีในถุงเอกภพออกมาทดสอบด้วยการวางหินทั้งหมดลงบนมือทีละก้อน แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เลย ไม่เหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ไม่ว่านางจะใช้หินวิญญาณก้อนไหน เมล็ดถั่วสีทองก็ไม่ตอบสนองเลยแม้แต่น้อย
“มังกรมายา” จวินอู๋เสียพึมพำชื่อนั้นโดยไม่รู้ตัว นางไม่คุ้นเคยกับสัตว์วิญญาณตัวนั้น ทุกสิ่งที่นางรู้ก็มาจากที่ชิงอวี่เคยบอกนางเท่านั้น
แต่จากสถานการณ์ปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่ามังกรมายามีบางสิ่งที่มากกว่าที่ตาเห็นอย่างแน่นอน อสรพิษทะยานจึงไม่ลังเลที่จะเปิดเผยตัวเองที่ซ่อนอยู่เพื่อที่จะได้มันมา กระทั่งเมล็ดถั่วสีทองลึกลับนั่นก็ยังมีปฏิกิริยากับมัน… ยิ่งกว่านั้นคนจากสิบสองตำหนักที่ควบคุมเมืองพันอสูรอยู่ก็สั่งให้ค้นหามังกรมายาด้วย ความผิดปกติของทั้งสามนี้ดูเหมือนกำลังบอกอะไรบางอย่างแก่จวินอู๋เสีย
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นปริศนาสำหรับจวินอู๋เสียอยู่ดี
ตอนนั้นเองจวินอู๋เสียก็คิดถึงจวินอู๋เย่าขึ้นมา
ถ้าเขาอยู่ที่นี่ เขาอาจจะช่วยนางคลายข้อสงสัยทั้งหมดนี้ได้
ดูเหมือนจวินอู๋เสียจะรู้สึกว่าไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จวินอู๋เย่าไม่รู้ ปัญหาใดๆ ก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ดูเหมือนจะถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
ตัวจวินอู๋เย่าเองก็ลึกลับ เขาเป็นใครกันแน่ และทำไมถึงได้ถูกขังอยู่ในถ้ำแห่งนั้น
เมื่อก่อนจวินอู๋เสียก็ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้เนื่องจากนางไม่ได้สนใจ แต่นางไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้สนใจอยากจะรู้เรื่องของจวินอู๋เย่าให้มากขึ้น อดีตของเขา และทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเขา…
จวินอู๋เสียไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน เมื่อไรก็ตามที่นางคิดเรื่องจวินอู๋เย่า ก็ดูเหมือนนางจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ความรู้สึกและการกระทำของตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงคิดถึงเขา
แม้ว่ามันจะทำให้นางรู้สึกอับจนหนทาง แต่นางก็ไม่ได้เกลียดความรู้สึกนั้น
มันก็แค่…
ดูเหมือนนางกำลังคิดถึงเขา
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อมองออกไปยังเส้นขอบฟ้านอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่า…ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน และเขากำลังทำอะไรอยู่
เขาเป็นเหมือนสายลม รู้ว่าอยู่ที่นั่นแต่มองไม่เห็นจับไม่ได้ ยามโผล่มาก็ไร้เสียง และจากไปโดยไร้ร่องรอย
“พี่อู๋เย่า…” จวินอู๋เสียพึมพำพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ อย่างไรก็ตามเมื่อนางรู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา ความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้นในใจของนาง นางตัดสินใจว่าจะไม่คิดถึงมันอีกและทำแผลของตัวเองต่อ
ตอนที่ 1010 ความคิดถึงก็ถือเป็นอาการป่วยแบบหนึ่ง (2)
เยี่ยซาที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ก็ปล่อยอสรพิษทมิฬจิ๋วออกไปโดยแทบจะไม่รู้ตัว
เขาแอบยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอยู่นอกหน้าต่างแบบไร้เสียง
“นายท่าน รีบกลับมาเร็วๆ เถอะขอรับ”
……
ในวัดเก่าแก่โบราณแห่งหนึ่งที่รอบล้อมไปด้วยผืนน้ำใสกระจ่าง โลหิตสีแดงสดได้เปื้อนสถานที่อันเงียบสงบแห่งนี้
ภายในวัดเก่าแก่มีศพกระจายเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วพื้นวัด โลหิตสีแดงปกคลุมทั่วพื้นและกลิ่นอายแห่งความตายก็แผ่กระจายไปทั่วทุกมุมของสถานที่อันเงียบสงบแห่งนี้
ท่ามกลางทะเลโลหิตนั้นมีร่างสูงเพรียวร่างหนึ่งยืนอยู่ ใต้เท้าของบุรุษผู้นั้นมีศพคนตายกองสูงเป็นภูเขา มันดูเหมือนภูเขาไฟที่กำลังพ่นลาวาเนื่องจากโลหิตที่ไหลลงมาตามแขนขาของศพพวกนั้น ลงมารวมเป็นสายธารโลหิตที่ด้านล่าง
“นายท่าน!” เยี่ยเม่ยวิ่งออกมาจากห้องในวัดเก่าแห่งนั้นพร้อมถือกล่องกำมะหยี่เอาไว้ในมือแน่น
“พบแล้วหรือ” ที่ยืนอยู่บนภูเขาซากศพนั้นก็คือจวินอู๋เย่าที่หายตัวไปนาน! ใบหน้าอันหล่อเหลาสมบูรณ์แบบและร้ายกาจนั้นมีรอยยิ้มกระหายเลือดประดับอยู่ นัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นทอประกายตื่นเต้นสนุกสนานหลังการสังหารนองเลือด จวินอู๋เย่าเตะเท้าเบาๆ ครั้งเดียวก็ร่อนลงจากกองซากศพอย่างสง่างาม
“ขอรับนายท่าน!” เยี่ยเม่ยพยักหน้า
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจวินอู๋เย่า เขามองไปรอบๆ วัดเก่าแก่อันเงียบสงบนั้นด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยาม
“กระทั่งวัดเก่าแก่อายุเป็นพันปีก็ตกอยู่ในมือของคนพวกนั้น ทำให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต้องแปดเปื้อนจริงๆ” จวินอู๋เย่ายกมือขึ้นเล็กน้อย ศพนับไม่ถ้วนที่กระจายอยู่เต็มวัดก็ถูกปกคลุมด้วยหมอกโลหิต หมอกโลหิตกระจายตัวออกและศพทั้งหมดที่ตกลงบนพื้นก็เริ่มสั่นแบบแปลกๆ โลหิตทั้งหมดในศพพวกนั้นและที่นองอยู่บนพื้นทุกๆ หยดก็ถูกหมอกโลหิตดูดเข้าไปรวมกันอย่างรวดเร็ว!
ไม่นานหมอกโลหิตสีจางๆ ก็รวมเข้ากับโลหิตสีแดงกลายเป็นหมอกสีเข้มจัดดูคล้ายกับทะเลโลหิตที่ลอยอยู่กลางอากาศ!
โลหิตทั้งหมดหายไปจากพื้นโดยไม่เหลือร่องรอยอะไรไว้เลยในชั่วพริบตาเดียว ศพจำนวนนับไม่ถ้วนถูกดูดโลหิตจนแห้งและนอนนิ่งไม่ขยับเต็มพื้นวัด
จากนั้นจวินอู๋เย่าก็กำมือพร้อมกับยกขึ้นเล็กน้อย!
หมอกโลหิตสีแดงหดตัวรวมกันเป็นลูกบอลทันที! มันหดลงจนกระทั่งกลายเป็นหยดสีแดงที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือและลอยเข้าสู่มือของจวินอู๋เย่าอย่างช้าๆ
จวินอู๋เย่าโยนหยดโลหิตเล็กๆ นั้นเล่นพร้อมกับหรี่ตาลง เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ศพแห้งที่นอนกองอยู่บนพื้น สะบัดแขนเสื้อเบาๆ สายลมก็พัดกวาดไปทั่ววัดเก่าแก่แห่งนี้ ทุกตารางนิ้วที่สายลมนั้นพัดผ่าน ศพแห้งที่อยู่บนพื้นก็สลายกลายเป็นฝุ่นผงหายไปพร้อมกับสายลม
“ชิ ถ้าเสี่ยวเสียเอ๋อร์รู้เข้า นางต้องรังเกียจแน่” จวินอู๋เย่าเล่นกลิ้งหยดโลหิตนั่นระหว่างนิ้วของเขาอยู่อีกครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มมุมปาก แล้วทันใดนั้นเขาก็โยนหยดโลหิตเข้าปากและกลืนมันลงไป!
หลังจากจวินอู๋เย่ากลืนหยดโลหิตซึ่งจริงๆ แล้วคือโลหิตของคนจำนวนนับไม่ถ้วนที่นั่นมารวมตัวกัน นัยน์ตาสีม่วงของเขาก็ทอประกายแปลกประหลาด
“เถ้าสู่เถ้า ธุลีสู่ธุลี” แล้วจวินอู๋เย่าก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เขายกมือขึ้นเล็กน้อย วัดอายุพันปีก็ถล่มลงในทันที!
เยี่ยเม่ยยืนอยู่ด้านนอกซากของวัดเก่าแก่นั้นและเก็บกล่องกำมะหยี่ให้ปลอดภัย ทันใดนั้นเขาก็เห็นอสรพิษทมิฬที่คุ้นเคยตัวหนึ่งเลื้อยออกมาจากป่าด้านข้าง เขาก้มลงหยิบอสรพิษทมิฬตัวนั้นขึ้นมาวางบนมือแล้วยกนิ้วกดท้องมันเบาๆ อสรพิษทมิฬตัวนั้นคายลูกบอลขี้ผึ้งออกมาจากปาก!
เยี่ยเม่ยบีบลูกบอลขี้ผึ้งให้แตกออกแล้วดึงเอาจดหมายเล็กๆ ข้างในออกมา เขาไม่กล้าเหลือบมองมันเลยสักนิดและพูดกับจวินอู๋เย่าที่ยังลอยอยู่กลางอากาศว่า “นายท่าน เยี่ยซาส่งข่าวมาขอรับ”
จวินอู๋เย่าลอยลงมาตรงหน้าเยี่ยเม่ยโดยไม่รอช้า และรีบหยิบจดหมายจากในมือของเยี่ยเม่ยไปโดยไม่พูดอะไร
ข่าวจากเยี่ยซาก็มีแต่เรื่องของนางเท่านั้น