ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 101 แผนการชั่วร้ายของราชวงศ์ (2) ตอนที่ 102 โอสถล้ำค่า (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 101 แผนการชั่วร้ายของราชวงศ์ (2) ตอนที่ 102 โอสถล้ำค่า (1)
ตอนที่ 101 แผนการชั่วร้ายของราชวงศ์ (2)
“ลูกเองก็ไม่ได้อยากกล่าวหาพวกเขาพล่อยๆ เพียงแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีความเป็นไปได้มาก ไม่อย่างนั้นทำไมจวินชิงถึงยังมีชีวิตอยู่เล่า จวินอู๋เสียไปเรียนรู้วิธีการหลอมเม็ดยาน้ำค้างหยกมาจากที่ไหน กระทั่งหลังจากที่องค์รัชทายาทเริ่มติดต่อกับจวินอู๋เสีย ร่างกายของเขาก็ดีวันดีคืน! ทั้งหมดนี้ทำให้ลูกเป็นกังวลเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ!” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยตะโกน ก่อนจะโขกศีรษะลงกับพื้นอย่างหนัก ส่งผลให้ประโยคนี้หนักอึ้งขึ้นมาในชั่วพริบตา
ฮ่องเต้ไม่ตรัสสิ่งใด ทรงไตร่ตรองขณะจ้องมองไปที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ย
“แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับไป๋อวิ๋นเซียนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง” ฮ่องเต้ตรัสถาม
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยรีบทูลตอบไปทันทีว่า “นางมีใจให้แก่ลูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ และลูกก็ควบคุมนางไว้ในกำมือได้แล้ว เพียงแต่เหตุการณ์พิพาทกับจวินอู๋เสียที่ตำหนักหลินยวนก่อนหน้านี้ทำให้นางไม่พอใจอย่างมาก นางเลยปั้นปึ่งเย็นชาใส่ลูกมาตั้งแต่ตอนนั้น”
แต่เดิมนางก็แสร้งทำเป็นว่าเย็นชาและหยิ่งผยอง เว้นระยะห่างมาตลอดอยู่แล้ว ตอนนี้จึงยิ่งเข้าใกล้ได้ยากขึ้นกว่าเดิมอีก
ฮ่องเต้ขมวดพระขนงแน่น
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยยืนกรานต่อไปด้วยน้ำเสียงฟังชัด “เสด็จพ่อ! รัชทายาทกับจวนหลินอ๋องติดต่อกันบ่อยครั้ง ถ้าหากพวกเขาสมรู้ร่วมคิดกันจนรู้ความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้น…”
“พอได้แล้ว!” ฮ่องเต้กระแทกม้วนฎีกาลงบนโต๊ะอย่างแรง พระขนงขมวดแน่นด้วยโทสะ ทรงจ้องไปที่มั่วเซวี่ยนเฝ่ยด้วยแววตาดุร้าย
“เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง แล้วการสืบสวนเกี่ยวกับคดีทุจริตรับสินบน และยึดที่ดินมาเป็นของตนเองของใต้เท้าหลินเล่าคืบหน้าไปถึงไหนบ้างแล้ว” ฮ่องเต้ตรัสเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยชะงักไปครู่ใหญ่ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮ่องเต้ถึงยกเรื่องใต้เท้าหลินขึ้นมาพูดอย่างกะทันหัน
ใต้เท้าหลินแต่เดิมเป็นทหารเฝ้าระวังความปลอดภัยอยู่ที่แถบชายแดน วันหนึ่งเขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวผิดปกติในพื้นที่ และได้รีบรายงานแก่ฝ่ายสืบสวนเพื่อแจ้งแก่ผู้บัญชาการสูงสุดในยามนั้นหรือก็คือจวินกู้ ส่งผลให้กองทัพศัตรูถูกบดขยี้สังหารสิิ้น นำมาซึ่งชัยชนะของรัฐชี เรื่องนั้นทำให้เขาได้รับคำชื่นชมอย่างมากจากฮ่องเต้ และได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากทหารเฝ้าระวังชายแดนมาเป็นขุนนางตำแหน่งไม่เล็กไม่ใหญ่ในเมืองหลวงแทน
นามเต็มของใต้เท้าหลินคือหลินเย่ว์หยาง เขาเป็นบุรุษที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา ออกจะดื้อรั้นและหัวแข็งด้วยซ้ำในบางครั้ง เขาอยู่ในเมืองหลวงมานานหลายปีแล้ว ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างขันแข็ง ยึดมั่นในความถูกต้องและทำตัวติดดิน ไม่เคยเผลอไผลหลงระเริงในอำนาจของตนเองเลย อย่างไรก็ตามแม้ว่าการที่เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งนั้นจะเป็นเพราะการรายงานต่อจวินกู้ที่ถูกจังหวะก็ตามที ทว่าเขาก็ไม่เคยติดต่อกับจวนหลินอ๋องเลย กระทั่งยามที่จวินกู้เสียชีวิตในสนามรบ เขาก็ยังไม่ได้มาคำนับศพด้วยเองแต่กลับส่งตัวแทนมาแทน
แม้ตำแหน่งอย่างเป็นทางการของหลินเย่ว์หยางในเมืองหลวงนั้นไม่ได้ใหญ่โตนัก แต่เขาก็ซื่อสัตย์มาก ทั้งยังไม่เคยทำการทุจริตเลย ทว่าอุดมการณ์และบุคลิกที่ตรงไปตรงมาของเขา กลับไปล่วงเกินและขัดผลประโยชน์ขุนนางคนอื่นในเมืองหลวงไม่น้อย
“ลูกได้ส่งคนไปสืบสวนเรื่องนี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ด้วยอุปนิสัยราวกับท่อนไม้ตรงดิ่งของหลินเย่ว์หยาง จึงทำให้ลูกยังไม่อาจสืบหาพยานและหลักฐานได้มากพอ” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยรีบอธิบาย
“โง่เขลา!” ฮ่องเต้พ่นพระปัสสาสะอย่างเย็นชา ทรงหรี่พระเนตรลงอย่างครุ่นคิดเงียบๆ ก่อนจะตรัสต่อว่า “เซวี่ยนเฝ่ยเอ๋ย เจ้ายังเยาว์วัยนัก ในโลกนี้ยังมีโทษทัณฑ์ที่จับกุมได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานใดๆ มากมาย”
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นสบกับแววมาดร้ายในสายพระเนตรของฮ่องเต้
“หลินเย่ว์หยางผู้นั้นได้รับความดีความชอบก็เพราะสกุลจวิน เขาเคยช่วยชีวิตจวินกู้ไว้ครั้งหนึ่ง หากผู้มีพระคุณเช่นนี้ถูกกล่าวหาว่าไม่ภักดีต่อราชวงศ์ และถูกจับกุมเนื่องจากข้อหากดขี่ข่มเหงชาวบ้าน เจ้าว่าจวนหลินอ๋องจะปล่อยผ่านไปโดยไม่สนใจหรือแยแสเลยรึ ไม่! พวกเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยชีวิตผู้มีพระคุณคนนี้อย่างแน่นอน!” พระโอษฐ์ของฮ่องเต้ยกโค้งขึ้น พระเนตรของพระองค์ราวกับอสรพิษที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในป่าทึบ
มั่วเซวี่ยนเฝ่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากพยายามทำความเข้าใจ ในที่สุดก็เข้าใจความหมายของฮ่องเต้อย่างกระจ่างแจ้งแล้ว รอยยิ้มชั่วร้ายน่ารังเกียจพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา จากนั้นเขาก็จรดศีรษะลงพื้น คำนับฮ่องเต้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแสดงความเห็นพ้องต้องกัน
“วันนี้ลูกได้รับการสั่งสอนแล้ว ลูกจะรีบไปจับกุมตัวหลินเย่ว์หยางเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ!”
“ช้าก่อน!” ฮ่องเต้ตรัสพร้อมกับยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย
“หลินเย่ว์หยางมีวรยุทธสูงส่ง ฝีมือไม่เบาเลย องครักษ์ทั่วไปย่อมมิใช่คู่มือของเขา หากว่าเขาหนีรอดการจับกุมไปได้…เจ้าต้องระวังตัวไว้ให้ดี อย่าทำให้ตัวเองบาดเจ็บหรือตกอยู่ในอันตราย” ฮ่องเต้ทรงชี้แนะ
รอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าของของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยกว้างขึ้น
“ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงชี้แนะ!”
จวินอู๋เสียเอ๋ย คราวนี้แหละเจ้าหนีไม่รอดแล้ว! รอความตายได้เลย!
ตอนที่ 102 โอสถล้ำค่า (1)
ภายในเมืองหลวงอันแสนสงบสุข พายุโลหิตลูกใหญ่กำลังพัดใกล้เข้ามาแล้ว
ในที่สุด หลังจากจวินอู๋เสียจัดเตรียมเม็ดยาขยายเส้นลมปราณทั้งหมดเสร็จ นางก็ออกคำสั่งให้คนขนหีบไม้ที่บรรจุยาเหล่านั้นไปส่งให้แก่จวินชิงที่เรือนพักของเขา
ทว่าก่อนจากไป จวินอู๋เสียได้เดินไปยังอ่างบัวก่อน มองดูดอกบัวสีขาวพิสุทธิ์ที่ลอยเด่นอยู่เหนือผิวน้ำที่นิ่งสงบท่ามกลางเหล่าดอกบัวสีชมพูแสนสวยทั้งหลาย ความหนาวเย็นในดวงตาของนางก็จางลงเล็กน้อย
“เจ้านาย” ดอกบัวขาวน้อยเปลี่ยนร่างกลับมาเป็นร่างเด็กน้อยอ้วนจ้ำม่ำ แล้วใช้แขนตีน้ำเพื่อว่ายมายังขอบอ่าง เจ้าดอกบัวขาวใช้พลังทั้งหมดของเขาในการดันแขนเล็กๆ ของตนเพื่อที่จะสามารถดึงตัวขึ้นมาบนพื้นกรวดริมขอบอ่างได้ เขาหอบหายใจอยู่สักพัก จ้องมองไปยังจวินอู๋เสียด้วยดวงตาสุกใสพลางหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง” จวินอู๋เสียถามดอกบัวขาวตัวน้อยที่กำลังยิ้มอย่างร่าเริง
“ลูกประคำประดับนี้ใช้งานง่ายมากขอรับ มันเยี่ยมมากเลย! เพราะมันตอนนี้ข้าเลยสามารถชำระพลังของโลกนี้ได้แล้ว ยามนี้ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าอยู่ในระดับเดียวกันกับตอนที่อยู่ที่โลกภูติวิญญาณแล้วล่ะขอรับ” ดอกบัวขาวน้อยส่งยิ้มกว้างให้แก่นาง เขายังหัวเราะคิกคักไม่หยุด
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย ตราบเท่าที่การบ่มเพาะพลังของนางและของเจ้าดอกบัวขาวน้อยยังคงเป็นความลับ แม้ว่าความคืบหน้าจะช้าไปบ้าง แต่สักวันหนึ่งมันจะต้องเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
“เช่นนั้นเจ้าก็บ่มเพาะพลังของเจ้าต่อไปเถอะ ข้าขอไปหาท่านอาเล็กก่อน” คล้อยหลังจวินอู๋เสียที่เดินออกจากลานบ้านไป ร่างทารกน้อยอ้วนฉุน่าหยิกก็แปลงร่างกลับไปเป็นดอกบัวขาวลอยอ้อยอิ่งอยู่ท่ามกลางกอบัวสีชมพูตามเดิม
ยามที่จวินอู๋เสียมาถึงเรือนของจวินชิง ที่แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยหีบบรรจุเม็ดยาจำนวนมากที่นางส่งมา พวกมันก็ถูกนำไปซ้อนเรียงกันไว้ด้านนอกเรีอนพัก เมื่อเหล่าบ่าวรับใช้มองเห็นว่าจวินอู๋เสียมาถึงแล้ว พวกเขาก็รีบกล่าวทักทายนางทันทีและมองมาที่นางด้วยสายตาอับจนหนทาง
“คุณหนูใหญ่ ท่านอ๋องและท่านอ๋องน้อยกำลังอยู่ระหว่างการหารือ พวกข้าน้อยไม่กล้าเข้าไปรบกวนขอรับ…หีบไม้เหล่านี้…” บ่าวรับใช้ผู้หนึ่งกล่าวรายงานนางอย่างระมัดระวัง
จวินอู๋เสียยกมือขึ้นบอกให้พวกเขาวางใจ ก่อนจะเดินไปเคาะประตูที่กำลังปิดอยู่บานนั้น
“นั่นใคร” เสียงของจวินเสี่ยนดังออกมาจากด้านในห้อง
“ท่านปู่ นี่ข้าเองเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียพูด
ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกทันที เผยให้เห็นจวินเสี่ยนที่ส่งยิ้มใจดีและอบอุ่นให้แก่จวินอู๋เสีย แต่เมื่อสายตาของเขาเลื่อนไปเห็นหีบไม้มากมายข้างหลังนาง ร่างของเขาก็แข็งทื่อ แววตาฉายแววตกใจเล็กน้อย
“สิ่งนี้สำหรับท่านอาเล็กเจ้าค่ะ”
“เจ้า…เด็กคนนี้นี่ เจ้าคิดถึงแต่ท่านอาเล็กของเจ้าเท่านั้นรึ มีของดีอะไรก็ส่งมาที่นี่จนหมด ข้ายังจำได้ว่าเจ้าเพิ่งมอบสุรารสเลิศให้แก่เขาไปไหหนึ่งมิใช่รึ แล้วทำไมถึงไม่มีของปู่ผู้นี้บ้างเล่า” จวินเสี่ยนแสร้งทำเป็นโกรธ แต่แววตาที่มองไปทางผู้เป็นหลานสาวนั้นกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู
จวินอู๋เสียกะพริบตาปริบๆ “ท่านปู่ หากท่านชื่นชอบสุรา ข้าก็สามารถ…”
“เด็กโง่เอ๋ย…ข้าเพียงแต่หยอกเจ้าเล่นเท่านั้น เจ้าจะจริงจังไปไย” หลังกล่าวจบ จวินเสี่ยนก็ดึงตัวจวินอู๋เสียเข้าไปในห้อง
จวินอู๋เสียยังคงรู้สึกสับสนงุนงง นางจ้องไปที่จวินชิงที่กำลังส่งยิ้มให้จางๆ แล้วพยักหน้าขึ้นลง นางไม่เข้าใจการกระทำเหล่านั้นเลย
ท่านปู่…มิใช่ว่าต้องการสุราหรอกหรือ
“นั่งลงก่อนเถอะ” จวินเสี่ยนกล่าว
จวินอู๋เสียนั่งลงอย่างเชื่อฟัง
“เอาล่ะ ไหนพูดมาสิว่าหีบไม้ใหญ่ๆ มากมายพวกนั้นมันคืออะไรกัน สมบัติล้ำค่าชนิดใดที่เจ้านำมาให้ท่านอาเล็กของเจ้าอีก” จวินเสี่ยนหัวเราะอย่างเบิกบานใจขณะจ้องมองไปที่จวินอู๋เสีย ในที่สุดหลานสาวของตนก็เลิกสร้างปัญหาให้พวกเขาตามเก็บกวาดเสียที
“ก็ไม่เชิงว่าเป็นของท่านอาเล็กเสียทีเดียวเจ้าค่ะ แต่เป็นของกองทัพรุ่ยหลิน” นางเอ่ยตอบ
ภายในห้องนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินเสี่ยนและจวินชิงแข็งค้างไป ในขณะที่ดวงตาของหลงฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ
“อู๋เสีย เจ้าพูดว่าอย่างไรนะ หมายความว่าอย่างไรที่ว่ามันเป็นของกองทัพรุ่ยหลิน!” จวินเสี่ยนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย
จวินอู๋เสียมองปฏิกิริยาตอบสนองของสองพ่อลูกสกุลจวินแล้วค่อยๆ อธิบายอย่างช้าๆ ว่า “นี่คือเม็ดยาขยายเส้นลมปราณที่ข้าปิดเรือนหลอมในช่วงนี้เจ้าค่ะ เม็ดยาพวกนี้มีประโยชน์มาก เพราะมันจะช่วยขยายเส้นเลือดและเส้นลมปราณของผู้ที่โตเต็มวัยแล้ว ทำให้สามารถฝึกฝนได้สะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้นเจ้าค่ะ”
“…” ทั้งจวินเสี่ยนและจวินชิงต่างก็เบิกตากว้างมองไปที่นางอย่างเหลือเชื่อ
เม็ดยาที่สามารถช่วยขยายเส้นเลือดและเส้นลมปราณของผู้ที่โตเต็มวัยแล้วหรือ
นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน!
“อู๋เสีย สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ ในโลกนี้…มียาที่สามารถเปลี่ยนเส้นเลือดและเส้นลมปราณของผู้ที่โตเต็มวัยแล้วได้จริงหรือ” เสียงของจวินชิงสั่น เต็มไปด้วยความตื่นเต้น