ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1059 ขอโทษ ข้าอารมณ์ไม่ดี (5) ตอนที่ 1060 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1059 ขอโทษ ข้าอารมณ์ไม่ดี (5) ตอนที่ 1060 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (1)
ตอนที่ 1059 ขอโทษ ข้าอารมณ์ไม่ดี (5) / ตอนที่ 1060 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (1)
ตอนที่ 1059 ขอโทษ ข้าอารมณ์ไม่ดี (5)
ได้เห็นนายท่านหักห้ามใจตัวเองกับตาแบบนี้ ทำเอาทั้งสองคนซาบซึ้งจนแทบหลั่งน้ำตากันเลยทีเดียว
พวกเขาไม่เคยเห็นนายท่านหักห้ามตัวเองจากความอยากฆ่าคนได้เลย!
ใครก็ตามที่เขาอยากให้ตายก็ต้องตายทันที ไม่เคยมีแค่ข้อมือหักแบบนี้หรอก นั่นเป็นการยั้งตัวเองไว้ได้อย่างถึงที่สุดแล้ว!
อย่างไรก็ตาม…
การควบคุมตัวเองของจวินอู๋เย่าเวลาอยู่ต่อหน้าจวินอู๋เสียนี่เกินคำบรรยายจริงๆ!
จวินอู๋เสียเอียงคอมองจวินอู๋เย่าด้วยสายตาสงสัย
จวินอู๋เย่าไม่อยากให้จวินอู๋เสียเห็นรังสีอำมหิตที่รุนแรงในตัวเขา จึงเดินเข้ามาตรงหน้าจวินอู๋เสียพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมาและพูดว่า “ถ้าเสี่ยวเสียเอ๋อร์ตำหนิข้าเรื่องนั้น อย่างนั้นข้าจะหักมือนี้เป็นการชดใช้ให้เจ้าก็แล้วกัน”
พูดจบจวินอู๋เย่าก็ตั้งท่าจะหักมือของตัวเอง!
จวินอู๋เสียคว้ามือจวินอู๋เย่าเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาทำอะไรที่น่ากลัวแบบนั้น
จวินอู๋เย่ายิ้ม
“ไม่อยากให้ข้าหักมันหรือ ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าเสี่ยวเสียเอ๋อร์จะไม่ตำหนิข้าแล้วใช่หรือไม่”
“…” จวินอู๋เสียรู้สึกเหมือนนางถูกพาวกวนไปมาให้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่นางก็ไม่อยากคิดอะไรไปมากกว่านี้จึงพูดว่า “สยงป้ากับคนของเขายังมีประโยชน์ต่อข้า ท่านอย่าทำร้ายพวกเขาอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่อยู่ใกล้ห้องของข้า”
อาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ในสายตาของนางหรอก แต่มันรบกวนนางเพราะกลิ่นโลหิตจางๆ นั้นไม่ได้หายไปในเวลาอันสั้น
จวินอู๋เย่าตวัดสายตามองไปที่เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยที่กำลังถูพื้นอย่างแข็งขัน เยี่ยเม่ยหายวับไปแทบจะทันทีที่สายตานั้นจ้องมองมาที่เขา แล้วนาทีต่อมาเขาก็พุ่งเข้ามาในห้องของจวินอู๋เสียพร้อมกับหอบเอาช่อดอกเหมยที่บานเต็มที่แล้วเข้ามาด้วย
“คุณหนูใหญ่ขอรับ กลิ่นของดอกเหมยจะช่วยกลบกลิ่นโลหิตได้ ขอให้คุณหนูใหญ่อดทนอีกสักครู่นะขอรับ เราจะเช็ดโลหิตพวกนั้นออกให้สะอาดเลย” เยี่ยเม่ยพูดอย่างระมัดระวัง พอเห็นจวินอู๋เย่าถอนสายตากลับไปแล้ว เขาก็ถอยออกจากห้องไปขัดถูพื้นกับเยี่ยซาต่อ
กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกเหมยแพร่กระจายไปในอากาศช่วยกลบกลิ่นโลหิตไปได้เล็กน้อย จวินอู๋เสียมองช่อดอกเหมยที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเอื้อมมือไปหยิบเอากิ่งเล็กๆ มากิ่งหนึ่งแล้ววางมันลงบนมือของจวินอู๋เย่า
จวินอู๋เย่ายิ้มออกมาทันที
“กลิ่นจากตัวท่านมันแย่มากเลย” จวินอู๋เสียพูดอย่างจริงจัง
เมื่อรู้ว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เด็กน้อย ‘ให้ดอกไม้’ กับเขาไม่ใช่เพราะรักแต่เป็นเพราะรังเกียจ แววตาปลาบปลื้มใจของจวินอู๋เย่าก็ถูกแทนที่ด้วยความซึมเศร้า
“ข้าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้” พูดจบจวินอู๋เย่าก็ยิ้ม แล้วกำกิ่งดอกเหมยนั้นเอาไว้ในมือก่อนจะออกจากห้องของจวินอู๋เสียไป
ดอกไม้นั้นเห็นอยู่ชัดๆ ว่าถูกยัดใส่มือของเขาด้วยความรังเกียจ แต่จวินอู๋เย่าก็ยังคงกำมันเอาไว้ในมือแน่น
จวินอู๋เสียมองตามแผ่นหลังของจวินอู๋เย่าแล้วยิ้มบางๆ ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ห้องที่จวินอู๋เสียพักอยู่ เป็นห้องที่อยู่ในเรือนพักหลังหนึ่งซึ่งตึกเพลิงพิโรธจัดเตรียมไว้ให้แขกโดยเฉพาะ ตอนนี้นอกจากจวินอู๋เสียก็ไม่มีใครพักอยู่ที่นี่เลย
ในที่สุดชิงอวี่ก็ช่วยพาสยงป้ากลับมาถึงห้องของเขา แต่ก่อนที่เขาจะทันได้นั่งลง ฝันร้ายที่สุดของเขาก็มาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง
ตุ้บ!
สยงป้าล้มหงายหลังลงกับพื้น!
“ทะ…ท่าน…ท่านต้องการอะไร” สยงป้าหน้าซีดขาวราวกับกระดาษขณะมองไปที่จวินอู๋เย่า
“ข้าจะพักอยู่เรือนพักเดียวกับคุณชายจวินตั้งแต่วันนี้ไป” จวินอู๋เย่าพูดพร้อมกับมองสยงป้า
สยงป้ากลืนน้ำลายเสียงดังก่อนจะพูดว่า “ข้าจะให้คนเตรียมที่พักให้ท่านเดี๋ยวนี้!”
จวินอู๋เย่าพยักหน้าอย่างพอใจและพูดต่อว่า “ให้พวกเขาเตรียมน้ำอุ่นให้อาบด้วย”
“ได้ขอรับ! จัดให้! เดี๋ยวนี้เลย!” สยงป้าตอบกลับแทบจะอัตโนมัติ
จวินอู๋เย่าหมุนตัวเดินจากไป ทิ้งสยงป้าที่หวาดกลัวจนแทบบ้าและชิงอวี่ที่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ตรงนั้นพักใหญ่…
ตอนที่ 1060 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (1)
สยงป้าไม่เคยเห็น ‘ข้ารับใช้ส่วนตัว’ ที่มีรัศมีแห่งอำนาจมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ใครจะไปทำให้คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นมาเป็นข้ารับใช้ได้ แม้แต่ชวีเหวินเฮ่าเจ้าเมืองแห่งเมืองพันอสูรก็เทียบไม่ได้สักเศษเสี้ยว กระทั่งชวีซินรุ่ยก็ทำให้สยงป้ารู้สึกอ่อนแอขนาดนี้เมื่ออยู่ต่อหน้านางไม่ได้
พอจวินอู๋เย่าเอ่ยปากก็ดูเหมือนจิตใต้สำนึกของสยงป้าจะอยากคุกเข่ารับคำสั่งเขาในทันที สถานการณ์แบบนี้ทำให้สยงป้าอยากจะร้องไห้
เขาจะเอาศักดิ์ศรีของหัวหน้าตึกไปไว้ที่ไหน!
แต่สยงป้าก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเช็ดน้ำตาแห่งความอัปยศแล้วรีบสั่งการให้คนไปทำความสะอาดห้องให้จวินอู๋เย่าโดยไม่กล้าชักช้าเลยแม้แต่น้อย
การปฏิบัติแบบนี้กับข้ารับใช้นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน นี่มันเป็นการปฏิบัติต่อบรรพบุรุษชัดๆ!
ในที่สุดเยี่ยซากับเยี่ยเม่ยก็ทำความสะอาดคราบโลหิตออกจากหน้าห้องของจวินอู๋เสียได้หมด หินตรงบริเวณนั้นถูกขัดเสียจนเงาวับเรียบลื่นทั้งสองคนถึงยอมหยุด
จวินอู๋เย่าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็พาตัวเองที่หอมสดชื่นแล้วมาที่ห้องของจวินอู๋เสียอีกครั้ง
“เอาล่ะ ข้ายังเหม็นอยู่หรือไม่” เขาถามพร้อมกับยิ้มกว้างให้จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียส่ายหน้า
จวินอู๋เย่านั่งลงข้างๆ จวินอู๋เสียและไวพอที่จะจับความรู้สึกของเด็กน้อยได้ ดูเหมือนนางจะเย็นชากับเขาน้อยลงแล้ว
“เรื่องของเมืองพันอสูร เสี่ยวเสียเอ๋อร์คิดจะจัดการกับมันอย่างไร” จวินอู๋เย่าถาม หันกลับมาสนใจปัญหาหลักที่มีอยู่ตอนนี้ เป้าหมายที่จวินอู๋เสียมาที่เมืองพันอสูรเยี่ยซาได้บอกเขาแล้ว แต่กระทั่งเยี่ยซาก็ยังไม่เข้าใจความคิดของจวินอู๋เสียได้อย่างกระจ่างชัด
ก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย ไม่มีใครสักคนรู้ว่าจวินอู๋เสียได้วางแผนอะไรไว้
“เจ้าโง่เฉียวกับคนอื่นๆ กำลังหาสถานที่ที่ชาวบ้านถูกขังอยู่ พอพวกเขาส่งข่าวกลับมา เราก็จะลงมือได้” การแก้ไขวิกฤตที่เมืองพันอสูรเผชิญหน้าอยู่นั้น ทางแก้ไม่ได้อยู่ในเมือง แต่เป็นนอกเมือง
“เจ้าอยากให้ข้าช่วยหรือไม่” จวินอู๋เย่าถามพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าคางแล้วมองจวินอู๋เสียยิ้มๆ
“ไม่” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับมองจวินอู๋เย่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามักจะหายตัวไปบ่อยๆ แต่ทุกครั้งที่นางต้องการ เขาก็จะปรากฏตัวขึ้นเสมอและช่วยแก้ปัญหาที่นางกำลังเผชิญอยู่ นางต้องยอมรับว่าจวินอู๋เย่าแข็งแกร่งมากจริงๆ ปัญหาทุกอย่างที่จวินอู๋เสียเจอเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาก็ดูเหมือนจะง่ายดายไปหมด
แต่นางไม่อยากพึ่งพาพลังของจวินอู๋เย่าไปตลอด ถ้านางต้องให้เขาช่วยไปเสียทุกอย่าง แล้วนางจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมเล่า
นางไม่อยากเป็นนกน้อยที่อยู่ใต้ปีกของคนอื่น นางอยากจัดการศัตรูของนางด้วยมือของตัวเอง อยากมีความสามารถปกป้องตัวเองได้ ไม่ใช่คนที่เป็นภาระต้องคอยพึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอด
นี่เป็นความดื้อรั้นของจวินอู๋เสียและเป็นศักดิ์ศรีของนาง
“อย่างนั้นหรือ ในเมืองพันอสูรมีคนของตำหนักหวนจิตอยู่หลายคนเลยนะ ถึงคนพวกนั้นจะไม่ใช่ยอดฝีมือที่เก่งที่สุดในตำหนัก แต่พลังของพวกนั้นก็ยังเหนือกว่าที่เจ้าในตอนนี้จะรับมือได้ เจ้าอาจจะมีวิธีกระตุ้นพลังวิญญาณชั่วคราว แต่คนพวกนั้นเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงของจริง เจ้าน่าจะรู้ดีว่ามีช่องว่างใหญ่ขนาดไหนระหว่างผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงของจริงกับพลังวิญญาณขั้นสีม่วงชั่วคราว” จวินอู๋เย่าพูดพร้อมกับหรี่ตาลงมองจวินอู๋เสีย เขาชี้ให้เห็นความด้อยกว่าศัตรูของนางออกมาอย่างไม่ถนอมน้ำใจเลย
“ข้าไม่เคยคิดจะไปสู้กับคนพวกนั้น” จวินอู๋เสียพูด “ถ้าแข็งแกร่งไม่พอก็ต้องใช้กลอุบาย หากข้าไม่สามารถจัดการคนของตำหนักหวนจิตพวกนี้ได้ ข้ายังจะกล้ามีหน้าไปพูดอีกหรือว่าข้าจะจัดการกับพวกสิบสองตำหนักน่ะ”
ถ้านางเลือกรับความช่วยเหลือของจวินอู๋เย่าในการต่อสู้กับศัตรูพวกนี้ อย่างนั้นที่นางสาบานเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องตลกทั้งหมด