ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1061 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (2) ตอนที่ 1062 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1061 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (2) ตอนที่ 1062 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (3)
ตอนที่ 1061 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (2) / ตอนที่ 1062 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (3)
ตอนที่ 1061 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (2)
ถ้านางเลือกรับความช่วยเหลือของจวินอู๋เย่าในการต่อสู้กับศัตรูพวกนี้ อย่างนั้นที่นางสาบานเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็จะกลายเป็นเพียงเรื่องตลกทั้งหมด
“แล้วถ้ากลอุบายยังไม่พอเล่า” จวินอู๋เย่าจ้องจวินอู๋เสียเขม็ง
“ก็ใช้ทุกอย่างที่ข้ามี ทุกอย่างที่ข้าสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ ถ้านั่นยังไม่พออีก ข้าก็จะล่าถอยออกมาก่อน และรอคอยเวลาพร้อมกับทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น พอได้เวลาข้าก็จะบดขยี้ศัตรูให้ราบ!” ดวงตาของจวินอู๋เสียทอประกายมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
การเดินทางที่นางต้องทำเพื่อที่จะได้กลับบ้านนั้น นางต้องทำด้วยตัวเอง เพื่อที่นางจะแข็งแกร่งพอเผชิญหน้ากับศัตรูทั้งหมด เมื่อพลังของนางแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นนางถึงจะสามารถยับยั้งพวกที่จะมาชิงเอาภูติวิญญาณของนางไปได้ นั่นเป็นเพียงหนทางเดียวที่นางสามารถทำได้ด้วยมือของนางเองเพื่อปกป้องครอบครัวที่รักยิ่งของนางจากอันตรายทั้งปวง
ก็เหมือนกับในชาติภพก่อนของนางตอนที่หนีออกจากขุมนรกนั่น นางก็พึ่งแต่ตัวเองเท่านั้น หนทางเดียวในการอยู่รอดของนางสร้างได้ด้วยมือของนางเท่านั้น นางชินกับการต่อสู้ตามลำพังแล้ว และเคยชินกับการเผชิญหน้าความท้าทายต่างๆ ด้วยตัวเอง ถึงแม้คู่ต่อสู้จะแข็งแกร่งกว่านางร้อยเท่า นางก็ต้องเดิมพันและต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่นางมี!
“ถอยออกมาก่อน…รอคอยเวลาเพื่อที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น…” จวินอู๋เย่าพึมพำคำพูดของจวินอู๋เสีย แล้วเขาก็หัวเราะเสียงดัง “ไม่ว่าเจ้าจะอยากทำอะไรก็ตาม อย่าได้ถอยกลับ ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้ข้าช่วย ข้าก็จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น”
เขาเชื่อในความแข็งแกร่งและสติปัญญาของเด็กน้อยของเขา ทุกเรื่องที่ผ่านมา ยังไม่มีใครรอดไปจากแผนการของนางได้เลย
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็อยู่ข้างนางอยู่แล้ว ถ้ามีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นจริงๆ ตอนนั้นก็ยังไม่สายที่เขาจะลงมือ
พูดตามจริงแล้ว จวินอู๋เย่าก็ไม่คิดที่จะเข้าไปแก้ปัญหาทุกอย่างให้จวินอู๋เสีย เขารู้ถึงความดื้อของจวินอู๋เสียและรู้ว่าเด็กน้อยของเขาพยายามอย่างหนักที่จะแข็งแกร่งขึ้น ความมุ่งมั่นพยายามนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทำแทนได้
มุมปากของจวินอู๋เย่ายกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แววตาของเขาก็อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เขาอาจจะไม่สามารถอยู่ข้างกายนางได้ตลอดไป แต่ถ้าเขายังอยู่ คอยดูนางค่อยๆ เดินไปตามเส้นทางที่นำไปสู่ความแข็งแกร่ง จนกระทั่งนางได้พลังที่สามารถปกป้องตัวเองได้ เขาก็คงจะสบายใจขึ้นได้
มีบางอย่างที่จวินอู๋เย่าจะไม่มีวันพูดกับจวินอู๋เสีย เขาจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อปกป้องคุ้มครองนาง ขอแค่นางไม่ได้รับอันตรายร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เขาจะเฝ้าดูนางเดินไปจนถึงจุดสูงสุด
ถอยออกมาก่อน รอคอยเวลาเพื่อที่จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่จวินอู๋เสียพูดคือสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เย่า พวกเขาใช้เวลาด้วยกันไม่นาน แต่นางก็ค่อยๆ รู้สึกถึงความปลอดภัยจากเขา ราวกับว่าตราบใดที่เขาอยู่ด้วย นางจะสามารถทำได้ทุกอย่างที่นางอยากทำโดยไม่ต้องกังวลอะไรเลย
“ถ้าเจ้าโง่เฉียวกับคนอื่นๆ ไม่ได้ไปเจอเรื่องไม่คาดคิดเข้าละก็ พวกเขาก็น่าจะกลับมาในอีกไม่กี่วันนี้ เพราะข้าคิดว่าสถานที่ที่ชวีซินรุ่ยซ่อนคนพวกนั้นไว้ไม่น่าจะอยู่ไกลจากที่นี่มากนัก” จวินอู๋เสียพูด ก่อนที่เฉียวฉู่กับคนอื่นๆ จะส่งข่าวกลับมา นางยังมีเวลาเตรียมตัว
แต่ว่าเรื่องของชวีซินรุ่ยอาจจะไม่สามารถรอนานไปมากกว่านี้ได้
จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว ชวีซินรุ่ยทำนางขยะแขยงมากจริงๆ คราวนี้ ตอนแรกนางตั้งใจจะถ่วงเวลากับชวีซินรุ่ยไปสักพัก แต่ตอนนี้นางไม่อยากทำอย่างนั้นแล้ว!
กระทั่งมองยังขยะแขยงเลย
จวินอู๋เย่าเห็นจวินอู๋เสียขมวดคิ้วอีกครั้งก็ดูเหมือนจะเดาความคิดนางได้ เขายื่นมือออกมาเกลี่ยที่หว่างคิ้วนางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ถ้าขยะแขยงก็อย่าไปคิดถึงมันอีก”
เรื่องอื่นๆ เขาอาจจะไม่อยากยุ่ง แต่ชีวิตของชวีซินรุ่ย…เขาต้องเป็นคนฆ่าด้วยมือของเขาเอง!
ตอนที่ 1062 ความดื้อดึงของจวินอู๋เสีย (3)
คำพูดของจวินอู๋เย่าทำให้จวินอู๋เสียไม่คิดถึงสิ่งที่ชวีซินรุ่ยทำอีก แต่แล้วอยู่ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เมล็ดถั่วสีทองที่ท่านให้ข้ามามันคืออะไรหรือ” จวินอู๋เสียนึกถึงเรื่องของอสรพิษทะยานกับมังกรมายาขึ้นมาได้ นางจึงถามจวินอู๋เย่าทันที
“มีอะไรผิดปกติอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เย่าถามกลับ
จวินอู๋เสียส่ายหน้า “ไม่มีอะไรผิดปกติหรอก ก็แค่มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น”
จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมล็ดถั่วนั่นมีผลดีต่อจิตวิญญาณมาก ไม่เคยส่งผลร้ายใดๆ เลย เขาถึงได้กล้าให้จวินอู๋เสียใช้มัน แต่จวินอู๋เสียกลับบอกว่ามีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น นั่นทำให้เขาสนใจมาก
“เกิดอะไรขึ้น”
“อสรพิษทะยานไม่ได้หายไป” จวินอู๋เสียพูด
“ข้าคิดว่ามันถูกกลืนกินไปหมดแล้ว แต่วันหลายก่อนข้าเจอกับมังกรมายาในเมืองพันอสูร แล้วอสรพิษทะยานก็มีปฏิกิริยากับมังกรมายารุนแรงมาก ความรู้สึกของมันส่งผลกับความรู้สึกของข้าด้วย มังกรมายานั่นถูกใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกินเข้าไปแต่มันก็ขย้อนเอาหินวิญญาณออกมา แล้วอสรพิษทะยานก็มีปฏิกิริยากับหินวิญญาณของมังกรมายารุนแรงมาก ตอนที่ข้าเอาหินวิญญาณนั่นวางลงบนมือ ก็มีรยางค์สีทองปรากฏขึ้นที่มือของข้า มันพันรอบหินวิญญาณของมังกรมายาเอาไว้แล้วดึงหินวิญญาณเข้าไปในร่างกายของข้า หลังจากนั้นอสรพิษทะยานก็ดึงข้าเข้าไปในทะเลจิตวิญญาณของข้า ข้าก็เลยได้รู้ว่ามันยังไม่หายไป มันบอกข้าว่าพลังของเมล็ดถั่วนั่นช่วยรักษาจิตวิญญาณของมัน และมันอยากให้ข้าช่วยมันหามังกรมายาเพื่อที่มันจะได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์” จวินอู๋เสียเล่าทุกอย่างให้จวินอู๋เย่าฟังโดยไม่ได้ปกปิดสิ่งใดไว้เลย
หลังจากฟังนางเล่าจบ จวินอู๋เย่าก็หรี่ตาลง “เมล็ดถั่วนั่นมาจากต้นไม้แห่งจิตวิญญาณ ทุกวิญญาณในโลกนี้มาจากต้นไม้แห่งจิตวิญญาณ ถึงเมล็ดถั่วที่ข้าให้เจ้าจะยังไม่งอกและเทียบกับต้นไม้แห่งจิตวิญญาณไม่ได้ แต่มันก็ส่งผลดีมากๆ ต่อจิตวิญญาณที่เสียหาย เหตุผลที่ข้าฝังมันเข้าไปในร่างของเจ้า ก็เพื่อให้มันช่วยรักษาจิตวิญญาณของเจ้า อสรพิษทะยานเจ้าเล่ห์นักที่ใช้โอกาสนี้เยียวยารักษาจิตวิญญาณของมันไปด้วย”
จวินอู๋เย่าหัวเราะอย่างเย็นชา เขารู้ดีว่าอสรพิษทะยานคิดอะไรอยู่
“อสรพิษทะยานแค่พยายามหลอกเจ้าให้ช่วยมันหามังกรมายาเพื่อที่จะทำให้มันหนีกลับไปที่โลกภูติวิญญาณได้ มังกรมายานั้นสามารถเปิดประตูเข้าสู่โลกภูติวิญญาณได้ แต่…” จู่ๆ รอยยิ้มร้ายกาจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจวินอู๋เย่า
“จิตสำนึกที่รุนแรงของอสรพิษทะยานทำให้เมล็ดถั่วของต้นไม้แห่งจิตวิญญาณมีปฏิกิริยา เมล็ดถั่วของต้นไม้แห่งจิตวิญญาณรวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณของเจ้าแล้ว มันย่อมทำเพื่อผลประโยชน์ของเจ้า มันจะหยุดทุกอย่างที่เป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณของเจ้า ในขณะเดียวกัน…ก็จะทำเมื่อมีอะไรที่เป็นผลดีต่อตัวเจ้า” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับเชยคางของจวินอู๋เสียขึ้น แววตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์ เจ้าคว้าสมบัติของจริงมาได้โดยไม่รู้ตัวเลยนะ”
จวินอู๋เสียกะพริบตาปริบๆ นางไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
“มังกรมายาสามารถเปิดประตูสู่โลกภูติวิญญาณได้ แต่หินวิญญาณของมันกลับถูกเจ้าดูดกลืนเข้าไปแล้ว หมายความว่า…เจ้าจะได้ภูติวิญญาณตนที่สองด้วย” จวินอู๋เย่าพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
จวินอู๋เสียประหลาดใจ
“ภูติวิญญาณตนที่สองหรือ”
จวินอู๋เย่าพยักหน้า “ตำหนักหวนจิตหนึ่งในสิบสองตำหนัก คือตำหนักเพียงหนึ่งเดียวที่ทดลองใช้จิตวิญญาณเป็นสื่อกลางเพื่อยกฐานะของตัวเอง พวกเขามีวิธีใช้จิตวิญญาณอยู่หลายวิธี มีกระทั่งวิธีหนึ่งที่ถึงจะยากเอาเรื่องแต่พวกเขาก็สามารถกลืนกินจิตวิญญาณได้ แต่ก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับของเจ้าหรอก เด็กน้อยที่ทั้งร่างถูกติดตั้งวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุดในการกลืนกินจิตวิญญาณ”