ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 107 เค้าลางของพายุ (3) ตอนที่ 108 เค้าลางของพายุ (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 107 เค้าลางของพายุ (3) ตอนที่ 108 เค้าลางของพายุ (4)
ตอนที่ 107 เค้าลางของพายุ (3)
ทหารรักษาการณ์จากกองทัพรุ่ยหลินที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด สังเกตเห็นถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติทันที พวกเขาก้าวออกจากเงามืดเพื่อต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“หากพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อจะเข้าพบหลินอ๋อง โปรดกลับมาใหม่พรุ่งนี้เช้า จวนหลินอ๋องไม่ต้อนรับแขกยามวิกาล” ลุงฝูผู้มีผมเส้นผมขาวโพลนยืนไขว้มืออยู่ด้านหลัง ขวางทางผู้บุกรุกด้วยสายตาแข็งกร้าว เขายืนเผชิญหน้ากับนักฆ่าที่รุดเข้ามาหมายมั่นจะทำร้ายผู้คนในจวนหลินอ๋องที่เขารัก ที่ด้านหลังของเขา ทหารกล้าอีกสิบห้าคนผู้เด็ดเดี่ยวและซื่อสัตย์ยืนปิดเส้นทางเดียวที่จะนำไปสู่ด้านหลังของจวน คนทั้งสิบหกคนพร้อมเผชิญหน้ากับภัยที่มายืนอย่างห้าวหาญ!
“พวกเราไม่ได้มาเพื่อเยี่ยมเยียน แต่มีคนต้องการชีวิตของพวกเจ้าในจวนหลินอ๋องทุกคน ให้พวกข้าส่งพวกเจ้าไปลงนรกเถอะ!” ร่างในความมืดตะโกนเยาะเย้ย
ดวงตาของลุงฝูประกายวาบขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มที่อ่อนโยนและใจดีถูกสลัดทิ้งไปจากมุมปากของเขาแทนที่ด้วยสัญชาตญาณนักฆ่า ไอสังหารที่เย็นเยียบแทรกซึมไปทั่วทุกอณูของผิวกาย
“ในเมื่อเป็นศัตรู เช่นนั้นข้าก็จะไม่เกรงใจอีก! ผู้ที่อาจหาญกล้าบุกรุกจวนหลินอ๋องมีโทษสถานเดียวคือ…ตาย!”
ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง ร่างของลุงฝูและทหารกองทัพรุ่ยหลินทั้งสิบห้าคนก็กรูกันเข้าไปที่กลางวงของเงาดำเหล่านั้น ชุดสีสว่างของทหารรุ่ยหลินดูแพรวพราวเปล่งประกายเป็นพิเศษในวงล้อมสีดำมืดของศัตรู
ค่ำคืนที่เงียบสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยลมหายใจแห่งความตาย
กลิ่นคาวเลือดโชยชัดตลบอบอวลไปทั่วอากาศ ทำลายความเงียบสงบของราตรีกาลไปจนสิ้น
ขณะที่ทางด้านหน้าการสู้รบยังคงโหมปะทะอย่างดุเดือด เงาดำสองกลุ่มก็เล็ดลอดเข้าไปในจวนหลินอ๋องจากทางด้านหลัง สังหารทหารรักษาการณ์ที่คุ้มกันอยู่บริเวณนั้นทั้งหมดอย่างรวดเร็ว คมดาบที่ยังมีเลือดสดๆ หยดลงมาของศัตรู มุ่งหน้าเข้าสู่เรือนหลังของจวนหลินอ๋องแล้วโดยไม่ปกปิดเจตนาร้าย
ในเรือนหลังที่ทั้งเงียบและสงบ กลิ่นหอมของสมุนไพรอันเป็นเอกลักษณ์อบอวลไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ดอกบัวที่ลอยอยู่ในสระกระเพื่อมไหวยามที่สายลมอ่อนๆ พัดมา นำพาความหนาวเย็นในยามค่ำคืน
การปรากฏตัวของเงาดำกลุ่มหนึ่ง ฉีกกระชากทำลายความงามของราตรีกาลลงสิ้น ในมือของพวกเขาถือดาบที่เพิ่งคร่าชีวิตผู้คน หยาดโลหิตสีแดงสดหยดไหลเป็นทาง ประทับเป็นร่องรอยดอกไม้สีเลือดบนพื้น
“จิ๊ๆ…มารบกวนเวลาพักผ่อนของอู๋เสียแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ” เสียงอันทรงเสน่ห์ที่ดึงดูดราวกับแม่เหล็กดังขึ้นอย่างกะทันหันในลานที่เงียบสงบ เงามืดเหล่านั้นตกใจเล็กน้อย พวกมันหันมองรอบๆ เพื่อค้นหาแหล่งที่มาของเสียง
ร่างสูงโปร่งก้าวย่างออกมาจากเงามืด ปรากฏตัวท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาอย่างช้าๆ บุรุษผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ท่ามกลางความมืดของราตรีที่โอบล้อมอยู่รอบกาย ช่างเป็นดั่งภาพที่เหมือนฝัน กระนั้นรอยยิ้มบริสุทธิ์ดุจดังละอองหิมะในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิที่หยักขึ้นอยู่ที่มุมปากของเขา กลับสวนทางและดูขัดแย้งกับสายตาที่แผ่รังสีอันตรายและน่ากลัวโดยสิ้นเชิง
จวินอู๋เย่ามองไปยังกลุ่มเงาดำที่ตื่นตัวและตั้งท่าอย่างระมัดระวัง ดวงตาที่ดูสบายๆ ตกลงไปบนใบมีดเปื้อนเลือดในมือของฝ่ายตรงข้าม ดวงตาของเขาเปล่งประกายสีม่วงเข้มขึ้นมาทันที
“บังอาจมาทำให้ลานของอู๋เสียสกปรก เช่นนั้นก็จงชดใช้ด้วย…ชีวิตของพวกเจ้า” รอยยิ้มที่มุมปากของของจวินอู๋เย่าค่อยๆ กว้างขึ้น ทว่ามันกลับเป็นรอยยิ้มน่าขนลุกที่ชวนให้เย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง
ภายใต้แสงจันทร์ กลุ่มเงาดำมองเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน นัยน์ตาสีม่วงสะดุดตาคู่นั้น ราวกับดาบอันคมกริบที่ทิ่มแทงทะลุเข้าไปยังหัวใจของพวกเขา
“ปี…ปีศาจ…”
“ช่างหยาบคายเสียจริง!” จวินอู๋เย่าส่ายศีรษะเล็กน้อย “กล้าเอาปีศาจธรรมดาๆ พวกนั้นมาเทียบกับข้าได้อย่างไร”
เจตนาฆ่าในดวงตาสีม่วงพลันพุ่งสูงขึ้น จากนั้นร่างกายของเขาก็กลายเป็นภาพเคลื่อนไหวอันเลือนราง
พริบตาเดียว หยาดฝนสีแดงสดก็ตกลงมาในลานอันเงียบสงบ และของเหลวอุ่นๆ ก็สาดลงบนพื้นด้วยสีสันอันน่าหลงใหล
ตอนนั้นเอง จวินอู๋เสียที่ยังคงง่วงงุนอยู่ได้เปิดประตูห้องของตน
ร่างที่ไร้ตัวตนยืนอยู่อย่างเงียบๆ ท่ามกลางสายฝนสีโลหิตที่แปลกประหลาด เขาเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขายิ่งทรงเสน่ห์เมื่อเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดงจากของเหลวเหล่านั้น
เขากำลังหัวเราะอยู่ และเมื่อนัยน์ตาสีม่วงซึ่งทอประกายสนุกสนานของเขาเหล่มองมาทางนาง มุมปากที่เปื้อนเลือดของเขาก็ยกโค้งขึ้น
ดวงตาคู่นั้น มันทั้งเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและแฝงด้วยเจตนาฆ่าเปี่ยมล้น รอยยิ้มที่เหมือนไม่ยิ้มนั้น เย็นเยียบซึมลึกลงไปถึงกระดูก เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของเขา ทำให้ผู้คนขนหัวลุกชัน ภาพนี้เป็นภาพที่จวินอู๋เสียจะไม่มีทางลืมเลยตลอดทั้งชีวิตนี้ของนาง!
งดงามอย่างถึงที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็พาให้หวาดกลัวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย
ตอนที่ 108 เค้าลางของพายุ (4)
ฝนโลหิตตกลงมาพร้อมกับกลิ่นฉุนของเลือดที่รุนแรง ชวนให้สำลักจนเกือบจะหายใจไม่ออก จวินอู๋เสียจ้องมองไปยังร่างศพที่นอนระเกะระกะบนพื้น ดวงตาของนางสงบอย่างน่าประหลาด
“อู๋เสีย ข้าคงทำเสียงดังไปสินะ ขอโทษที่ปลุกเจ้านะ” จวินอู๋เย่ายิ้มให้นางอย่างลุแก่โทษ เขาก้มมองลงไปยังคราบเลือดที่เปื้อนอยู่บนร่างกายของตนเอง “จริงๆ เลยเชียว ข้าไม่อยากให้เจ้าเห็นข้าในสภาพเช่นนี้เลย”
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย ทว่าเมื่อนางได้ยินเสียงการต่อสู้ดังมาจากทางส่วนหน้าของจวน ดวงตาของนางก็เปล่งประกายเย็นเยียบ
เจ้านาย! เกิดเรื่องแล้ว! แมวดำตัวน้อยโก่งตัวอย่างประหม่า น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“ฝีมือฮ่องเต้สินะ” จวินอู๋เสียพึมพำขึ้นด้วยนัยน์ตาที่เย็นเยียบผิดปกติ “จวินอู๋เย่า!”
“หืม” จวินอู๋เย่ายิ้มจาง มองไปที่จวินอู๋เสียด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“ฆ่าพวกมันให้หมด”
“ได้ตามที่เจ้าปรารถนา” รอยยิ้มของจวินอู๋เย่ากดลึกลงอีกส่วน และรูปร่างสมส่วนของเขาเลือนหายไปในความมืด จากนั้นก็พุ่งตรงไปยังส่วนหน้าของจวน
เจ้านาย ทางด้านท่านอาเล็กของท่าน! เจ้าแมวดำตัวน้อยร้องอุทานเสียงดังลั่น
ทันใดนั้นจวินอู๋เสียก็เหวี่ยงเจ้าแมวดำตัวน้อยออกไป ร่างกายของมันเหยียดออกและขยายใหญ่ขึ้น กลายเป็นสัตว์ร้ายสีดำที่งามสง่าและน่าเกรงขามปรากฏขึ้นที่ลานบ้าน ยามที่เท้ามันแตะพื้นลาน จวินอู๋เสียก็รีบกระโจนขึ้นไปนั่งบนหลังของมัน ดวงตาที่เรียวคมของนางวาววาบด้วยเจตนาฆ่าข้นขลัก
“ไป!”
ร่างอันมหึมาของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำวิ่งทะยานออกไปเต็มฝีเท้า มันตรงไปหาจวินชิงที่เรือนพักของเขาอย่างรีบเร่ง เสียงอึกทึกครึกโครมและเสียงกรีดร้องอลหม่านดังฝ่าความเงียบสงบของยามค่ำคืน
ค่ำคืนอันเงียบงันถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ ขณะที่กลิ่นสาบของคาวเลือดตลบอบอวลไปทั่ว บรรยากาศแห่งความตายก็ปกคลุมไปทั่วทั้งจวนหลินอ๋อง
จวินชิงนั่งอยู่บนรถเข็นของเขา เหล่มองดูเหล่านักฆ่าที่บุกเข้ามาในจวนยามวิกาล เขาถือดาบอยู่ในมือข้างหนึ่ง และเลือดที่ปลายดาบก็หยดลงมาเป็นสาย ร่างของคนชุดดำห้าร่างนอนตายอยู่รอบรถเข็นของเขา ขณะที่เหล่าศัตรูก็ขยับเข้ามารายล้อมเขามากขึ้น
“ดูเหมือนว่าฝีมือของท่านอ๋องน้อยจะไม่ตกลงไปเลย แต่ไม่รู้ว่าด้วยสภาพเช่นนี้ของท่านจะทนได้อีกนานสักแค่ไหนกันเชียว คิดว่าจะสามารถเอาชนะพวกเราทั้งหมดโดยลำพังได้หรือ” บุรุษในชุดดำเยาะเย้ยพลางจ้องไปยังร่างของจวินชิงที่นั่งอยู่บนรถเข็น
ความแข็งแกร่งของสกุลจวินนั้นชัดเจนมากสำหรับพวกเขา ถ้าจวินชิงยังคงอยู่ในจุดสูงสุดเฉกเช่นเมื่อปีนั้น อีกฝ่ายก็อาจจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้ในพริบตา แต่สภาพของจวินชิงในเวลานี้ เป็นเพียงแค่คนพิการไร้ประโยชน์ที่นั่งอยู่บนรถเข็น แม้ว่าจะมีทักษะดาบที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้อยู่ดี
จวินชิงมองไปยังกลุ่มคนชุดดำที่ล้อมเขาไว้ด้วยดวงตาที่เย็นชา สีหน้าของเขาเย็นเยียบราวกับเหล็ก และดวงตาที่หรี่ลงของเขาก็มีประกายอำมหิตวาบขึ้น
การที่กลุ่มคนชุดดำพวกนี้เลือกที่จะปรากฏตัวขึ้นในจวนหลินอ๋องเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าต้องมีการวางแผนมาก่อนนานแล้ว ยามนี้ทหารส่วนใหญ่ของจวนหลินอ๋องออกไปนอกเมืองหลวงกันหมด ทหารที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนจึงต้องประสบกับความยากลำบากในการรับมือกับกลุ่มศัตรูหลายร้อยคน
ไม่แปลกใจเลยที่กลุ่มคนชุดดำพวกนี้จะหลุดรอดเข้ามาในเรือนหลังได้
“เจ้าพวกคนถ่อยชั้นต่ำ กล้าสะเออะมาวางตัวโอหังในจวนหลินอ๋องของข้า พวกเจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้วกระมัง” จวินชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เขาไม่ได้กลัวพวกที่ล้อมเขาอยู่สักนิด แต่เขาเป็นห่วงจวินเสี่ยนกับจวินอู๋เสียมากกว่า!
จวินเสี่ยนถูกบีบให้ต้องออกไปนอกเมืองหลวง และกลุ่มคนชุดดำพวกนี้ก็บุกเข้ามาปิดล้อมและสังหารคนในจวนหลินอ๋องทันที อุบายทั้งหมดนี้ชี้เป้าตรงมาที่จวนหลินอ๋อง! เขากังวลเหลือเกินว่าจวินเสี่ยนจะยังคงปลอดภัยดีหรือไม่ แล้วจวินอู๋เสียหลานสาวของเขาเล่าจะยังปลอดภัยสบายดีอยู่หรือเปล่า!
จวินอู๋เสียไม่มีวงแหวนภูติวิญญาณ ทั้งยังไม่อาจบ่มเพาะพลังวิญญาณของตนเองได้ ถ้านางพบกับคนเหล่านี้ นางจะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะขัดขืน และจะต้องประสบกับเคราะห์ร้ายอย่างแน่นอน
“ท่านอ๋องน้อยก็ยังคงปากเก่งนัก แต่น่าเสียดายที่ยามนี้ทหารรักษาการณ์ที่เหลืออยู่ในจวนหลินอ๋องคืนนี้มีเพียงไม่กี่คนแล้ว และทหารที่เหลือส่วนใหญ่ก็ยังคงต่อสู้ติดพันอยู่ที่เรือนส่วนหน้า ข้าเกรงว่าป่านนี้าคุณหนูใหญ่ของสกุลท่านอาจจะคอขาดไปแล้วก็เป็นได้ คืนนี้จวนหลินอ๋องจะต้องล่มสลาย! จงยอมแพ้เสียเถอะ แล้วข้าจะมอบความตายที่ไม่เจ็บปวดให้แก่ท่าน” บุรุษชุดดำพูดอย่างย่ามใจ
ทว่าทันใดนั้นเอง ก็มีแสงสีขาวสว่างวาววาบขึ้นผ่านลำคอของเขาไป ดวงตาของบุรุษชุดดำเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่จะล้มลงไปโดยไร้เสียง
แม้ว่าจวินชิงจะตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าคนชุดดำ แต่เขาก็สู้ไม่ถอย ยังคงยืดอกยืนหยัดอยู่ตรงนั้นด้วยความภาคภูมิใจ อาภรณ์ตัวยาวชั้นนอกสีน้ำเงินสะบัดพลิ้วไปตามแรงลม ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามราวกับแม่ทัพที่ยืนอยู่ในสนามรบ มือของเขากุมดาบเอาไว้แน่น ในขณะที่ดวงตาจ้องเขม็งไปทางศัตรูที่อยู่รอบตัว