ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1111 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (13) ตอนที่ 1112 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (14)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1111 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (13) ตอนที่ 1112 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (14)
ตอนที่ 1111 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (13) / ตอนที่ 1112 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (14)
ตอนที่ 1111 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (13)
สิ่งสุดท้ายที่เสิ่นฉือคิดก่อนตายได้ผุดขึ้นมาในใจของชวีซินรุ่ย นางหวาดกลัวมากจนหายใจไม่ออกขณะที่มองดูหมอกโลหิตค่อยๆ บีบอัดเข้าทีละน้อยจนกระทั่งกลายเป็นเม็ดสีแดงที่ขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าเมล็ดข้าวก่อนจะระเบิดออกกลายเป็นฝุ่นผงโปรยปรายหายไปในผืนดิน…
ความตาย…ช่างงดงามเหลือเกิน…
ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่แข็งแกร่งสามคนกลายเป็นฝุ่นสีเลือดที่ช่วยบำรุงดินในเมืองพันอสูรไปแล้ว
ทุกอย่างจบลงในชั่วอึดใจ ก่อนที่ชาวเมืองพันอสูรจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น การต่อสู้ก็จบลงแล้ว
ยกเว้นชวีซินรุ่ยที่นอนโลหิตทะลักออกจากปากอยู่บนพื้นและยังรอดอยู่ เสิ่นฉือกับบุรุษอีกสองคนหายไปจากโลกนี้โดยไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
ชาวเมืองทุกคนต่างเงียบกริบ สิ่งที่เห็นทำให้พวกเขาอึ้งจนพูดไม่ออก
สยงป้าเบิกตากว้างมองชายหนุ่มที่อ้างว่าตัวเองเป็น ‘ข้ารับใช้ส่วนตัว’ ของจวินอู๋เสีย…
เขารู้…ว่าจวินอู๋เย่านั้นแข็งแกร่ง…แต่เขาไม่คิดเลยว่า…เขาจะแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้!
พลังวิญญาณขั้นสีม่วงคือพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในความคิดของพวกเขา เป็นพลังที่ถึงพวกเขาจะพยายามสู้จนสุดชีวิตก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่ต่อหน้าชายหนุ่มผู้งดงามไร้ที่ติคนนี้ ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงก็เป็นแค่แมลงที่เขาสามารถบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย…แค่กระดิกนิ้วหนึ่งทีกับยกมือขึ้นอีกหนึ่งที เขาก็ทำให้ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงคนหนึ่งหมดสภาพและอีกสามคนถูกกำจัดจนไม่เหลือซากได้!
นี่มันเป็นความแข็งแกร่งถึงขนาดไหนกันเนี่ย!
ทุกคนต่างไม่กล้าจินตนาการ!
ถ้าไม่ใช่เพราะกลิ่นโลหิตที่ยังลอยอยู่ในอากาศ ถ้าไม่ใช่เพราะชวีซินรุ่ยยังสั่นกระตุกอยู่ที่พื้น พวกเขาอาจจะคิดว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน!
จวินอู๋เย่าหันหลังกลับแล้วเดินไปหาจวินอู๋เสีย ทันทีที่เขาหันกลับไป เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังชวีซินรุ่ย แล้วลากชวีซินรุ่ยขึ้นจากแอ่งโลหิตของนางเอง
ชวีซินรุ่ยในตอนนี้ไม่เหลือความหยิ่งยโสก่อนหน้านี้อยู่เลย ไม่เหมือนคนที่กุมอำนาจกดขี่เมืองพันอสูรมานานเกินกว่าสิบปีเลยสักนิด
เสื้อผ้าของนางชุ่มโชกไปด้วยของเหลวสีแดง ลิ้นของนางก็เน่าไปจนถึงโคนลิ้น และอาการเน่าก็ยังแพร่กระจายต่อไปเรื่อยๆ ทั่วทั้งปาก ริมฝีปากของนางเน่าไปหมดแล้ว เหงือกก็เน่าจนเละ ตอนที่เยี่ยซากับเยี่ยเม่ยลากตัวนางไป ฟันที่เปื้อนโลหิตก็ร่วงหลุดจากปากนางทีละซี่ ตรงที่น่าเป็นปากบนใบหน้าของนางไม่เหลือเนื้อให้เห็นอีกแล้ว มีเพียงแต่กระดูกสีขาวเปื้อนโลหิตให้ชาวเมืองที่อยู่ตรงนั้นได้เห็น…
ปากของชวีซินรุ่ยดูน่ากลัวราวกับมีใครมาฉีกกระชากเนื้อของนางออกไป
ความเจ็บปวดทรมานอย่างรุนแรงเกือบทำให้ชวีซินรุ่ยหมดสติ แต่ความสนใจของนางไม่ได้อยู่ที่ความเจ็บปวดที่กำลังทำร้ายนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะที่มองไปยังด้านหลังของจวินอู๋เย่า ชายหนุ่มผู้งามสง่าที่ทำให้นางสิ้นหวังถึงขีดสุด ทำลายความหวังของนางจนหมดสิ้น
บุรุษในตำนานผู้นั้น!
เขายังมีชีวิตอยู่จริงๆ!
“อ้า! อ้า! อ้า!!!” นางพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ลิ้นของนางเน่าไปหมดแล้ว ทำให้ความสามารถในการพูดหมดไป เสียงที่ออกจากลำคอจึงเป็นแค่เสียงที่ไร้ความหมาย
แต่ว่า…
ก็ไม่มีใครอยากฟังสิ่งที่นางจะพูดอยู่แล้ว
จวินอู๋เย่าเดินมายืนข้างๆ จวินอู๋เสียอย่างไม่รีบร้อน รอยยิ้มยังคงประดับอยู่บนใบหน้าของเขา
“ตามที่เจ้าต้องการ จับเป็น” จวินอู๋เย่าผายมือไปยังภาพอันน่าสยองของชวีซินรุ่ยแล้วกะพริบตาให้จวินอู๋เสีย
ตอนที่ 1112 ตบหน้าครั้งที่สิบเอ็ด (14)
ชวีซินรุ่ยถูกลากมาอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย ดวงตาของนางเบิกกว้าง ปากที่ไม่อาจปิดได้อีกแล้วของนางยังคงมีชิ้นเนื้อผสมโลหิตหลุดร่วงลงมา กลิ่นโลหิตคาวคลุ้งตลบอบอวลรอบตัวนางขณะที่เสื้อผ้าก็เปื้อนโลหิตจนชุ่มและยังมีโคลนเปื้อนเต็มตัว ผมที่ดูแลอย่างดีบัดนี้ก็ยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ดวงตาที่เคยยั่วยวนก็ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวและเสียสติ
ถ้าบอกว่าชวีซินรุ่ยถูกคิดว่าเป็นปีศาจร้ายที่หยิ่งและยั่วยวนชวนหลงใหล ตอนนี้นางก็ดูไม่ต่างไปจากขอทานสกปรกที่นอนกองอยู่บนพื้น หรือดูแย่กว่าพวกขอทานด้วยซ้ำ
สายตาของจวินอู๋เสียที่มองไปยังชวีซินรุ่ยนั้นทั้งเยือกเย็นและคมกริบราวกับใบมีด ไม่มีความสงสารเห็นใจเลยสักนิด
“รู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่” เสียงเย็นชาของจวินอู๋เสียดังขึ้น
ชวีซินรุ่ยมองจวินอู๋เสียอย่างหวาดกลัว นางคิดว่าจวินอู๋เสียเป็นแค่ฮ่องเต้องค์ใหม่ของรัฐเหยียน แต่เมื่อนางเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของจวินอู๋เสียแล้ว นางก็ตระหนักได้ว่านางทำพลาดไปแล้ว…พลาดไปมากจริงๆ!
จวินอู๋เสียไม่ใช่คนที่นางจะล่วงเกินได้เลยแม้แต่น้อย!
แต่ตอนนี้ถึงจะเสียใจมากเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ ลิ้นของนางเน่าหมดแล้ว ริมฝีปากกับฟันก็ร่วงหลุดทั้งหมด โลหิตทะลักออกมาเต็มช่องปาก นางอยากอ้อนวอน อยากแก้ตัว แต่นางไม่สามารถทำอะไรได้เลย ได้แต่ถูกเยี่ยซากับเยี่ยเม่ยลากตัวไปอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสียเหมือนสุนัขที่ตายแล้ว
“บางครั้งการมีชีวิตอยู่ก็เลวร้ายยิ่งกว่าการตายอีกนะ” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับหรี่ตาลง ตอนแรกนางไม่ได้คิดจะทรมานชวีซินรุ่ยเลย แต่ชวีซินรุ่ยกลับแหย่เกล็ดย้อนของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นางจะไม่ปล่อยให้ชวีซินรุ่ยได้ตายง่ายๆ แน่!
“แต่นี่ก็ช่วยให้ข้าไม่ต้องยุ่งยากดีเหมือนกัน ไม่ต้องลำบากให้ใครมาง้างปากเจ้า” จวินอู๋เสียพูดพร้อมกับยิ้มเย็น นางหยิบเอาโอสถวิเศษออกมาจากถุงเอกภพที่ห้อยอยู่ตรงสะโพก เมื่อจวินอู๋เย่าเห็นโอสถวิเศษนั้น ดวงตาของเขาก็ส่องประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง
โอสถวิเศษเม็ดนั้นไม่ใช่ของแปลกหน้าสำหรับเขา ตอนที่อยู่รัฐชีจวินอู๋เสียได้ใช้โอสถวิเศษแบบเดียวกันนี้กับมั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียน!
เน่าเปื่อยไปเรื่อยๆ สิ้นหวังอย่างต่อเนื่อง…วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชะตากรรมที่ไม่อาจหลบหนีพ้น
จวินอู๋เสียหยิบเอาโอสถวิเศษที่ทำให้อดีตองค์ชายมั่วเซวี่ยนเฝ่ยกลายเป็นกองเนื้อเน่าเปื่อยน่าขยะแขยงโยนเข้าไปในปากของชวีซินรุ่ย ชวีซินรุ่ยคิดที่ถุยมันออกแต่เยี่ยซาก็ยกคางที่มีโลหิตหยดขึ้นเพื่อบังคับให้โอสถวิเศษเข้าไปในลำคอของนาง
“นานแล้วเหมือนกันนะที่ข้าเห็นเจ้าใช้เม็ดยานี้” จวินอู๋เย่าพูดยิ้มๆ เขาเคยเห็นฤทธิ์ของโอสถวิเศษตัวนี้กับตาตัวเองมาแล้ว แม้แต่เขาก็อดประทับใจในฤทธิ์อันโหดร้ายของมันไม่ได้
ทำให้เนื้อคนค่อยๆ เน่าเปื่อยไปจนถึงกระดูก พอใกล้จะตายเนื้อก็กลับคืนมา และถ้าไม่มีโอสถแก้พิษของจวินอู๋เสีย ความเจ็บปวดทรมานแทบขาดใจก็จะวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นไม่รู้จบ
ไม่ตาย และไม่อาจเรียกได้ว่ามีชีวิต…
ความทรมานที่แท้จริงไม่ใช่ความตาย แต่เป็นการต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความหวังใดๆ ไม่มีโอกาสที่จะชดใช้ไถ่ถอนความผิด…
จวินอู๋เสียใช้วิธีที่โหดร้ายที่สุดและเรียบง่ายที่สุดในการลงโทษชวีซินรุ่ย หลังจากเห็นว่าชวีซินรุ่ยกลืนโอสถวิเศษลงไปแล้ว นางก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังสยงป้าที่ยืนตะลึงอยู่กลางฝูงชน
“ข้าจะส่งตัวนางให้ท่าน ขังนางไว้ให้ดี ให้นางมีชีวิตอยู่ตลอดไป อย่าปล่อยให้นางตาย”