ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1161 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (2) ตอนที่ 1162 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1161 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (2) ตอนที่ 1162 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (3)
ตอนที่ 1161 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (2) / ตอนที่ 1162 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (3)
ตอนที่ 1161 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (2)
การปรากฏตัวของจวินอู๋เสียและจวินอู๋เย่าทำให้ทั้งสนามรบที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดตกอยู่ในความเงียบอย่างน่าขนลุก มีเพียงเสียงหวีดหวิวของลมพายุที่ดังเข้าหูของทุกคน
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงมองสนามรบที่โกลาหลวุ่นงาน การได้เห็นกองทัพของทั้งสามรัฐบุกเข้าใส่ประตูเมืองหลวงราวกับคลื่นยักษ์ทำให้ความโกรธของนางพุ่งทะลุจุดเดือด!
ถ้านางมาถึงช้ากว่านี้แค่นิดเดียว เมืองหลวงรัฐชีคงถูกกองทัพทั้งสามรัฐบุกเข้าไปได้แล้ว และครอบครัวของนางก็คงถูกทหารม้าเกราะพวกนั้นเหยียบขยี้อย่างโหดร้ายไปแล้ว!
ความโกรธทำให้สายตาของจวินอู๋เสียเย็นยะเยียบจนน่ากลัว นางหันไปมองหาคนที่คุ้นเคยในเมืองหลวง
และเมื่อนางสบตาเข้ากับจวินเสี่ยน สายตาเย็นชาเฉยเมยอย่างที่เคยเป็นอยู่เสมอก็สั่นไหวเล็กน้อย
ท่านปู่…
จวินอู๋เสียอยากวิ่งเข้าไปหาจวินเสี่ยนมาก นางอยากถามว่าเขาสบายดีหรือไม่ในช่วงที่ผ่านมานี้ แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาทำเช่นนั้น นางหันหน้ากลับไปมองกองทัพที่ส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัวตรงหน้าแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
สายตาของกองทัพพันธมิตรทั้งสามรัฐทั้งหมดจับจ้องไปที่จวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่า พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อน ทหารหลายพันคนกลายสภาพเป็นฝนโลหิตในชั่วพริบตา และพายุพวกนั้นก็ยังไม่หยุดหมุน พวกเขายังคงส่งเสียงร้องโหยหวนขณะที่ถูกหมุนอยู่ในนั้นไม่หยุด ราวกับมีกำแพงเหล็กสูงใหญ่ที่ไม่อาจผ่านไปได้อยู่ตรงหน้า กั้นขวางกองทัพพันธมิตรทั้งสามรัฐเอาไว้ด้านนอก ไม่อาจเข้าไปยังเมืองหลวงของรัฐชีได้!
“พวกเจ้าเป็นใคร! ทำไมถึงทำตัวเป็นศัตรูกับรัฐทั้งสามของพวกเรา!” แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วแผ่พลังวิญญาณไปทั่วร่างและตะโกนถามจวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่าที่ลอยอยู่กลางอากาศ
จวินอู๋เสียเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตาเย็นชาของนางกวาดมองกองทัพศัตรูแล้วพูดอย่างสง่าผ่าเผยว่า “เราคือฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียน พวกเจ้าไม่ต้องฝันว่าจะได้ย่างเท้าเข้าเมืองหลวงรัฐชีแม้แต่ก้าวเดียว!”
เสียงของจวินอู๋เสียเย็นเยียบและมีอำนาจ มันดังไปทั่วเป็นบริเวณกว้าง
คำพูดของนางทำให้ทุกคนตกใจจนอ้าปากค้าง!
รัฐเหยียน รัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก!
ทำไมฮ่องเต้ของรัฐเหยียนถึงปรากฏตัวที่รัฐชีได้ แล้วทำไมเขาถึงขัดขวางการบุกโจมตีของทั้งสามรัฐ
คำถามมากมายวิ่งวนอยู่ในหัวของทุกคน คำว่า ‘รัฐเหยียน’ เป็นเหมือนภูเขาสูงที่กดลงมาบนหน้าอกของพวกเขา
นอกจากรัฐจิ้วแล้ว แม่ทัพของอีกสองรัฐที่ได้ยินคำประกาศของจวินอู๋เสียก็พบว่าตัวเองกำลังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ พวกเขาไม่ใช่รัฐที่แข็งแกร่งและจำเป็นต้องร่วมมือกันโจมตีรัฐชี ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงเลยว่าพวกเขาจะกระจอกขนาดไหนเมื่ออยู่ต่อหน้ารัฐเหยียนที่ยิ่งใหญ่
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งพวกเขาจะกลายเป็นศัตรูของรัฐเหยียน!
ตอนนี้แม่ทัพอีกสองคนกำลังตื่นตระหนก การบุกโจมตีรัฐชีไม่ได้ทำให้พวกเขารู้สึกกดดัน แต่ถ้าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับรัฐเหยียน…พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิด!
แทบจะทันทีที่รู้ว่าจวินอู๋เสียเป็นใคร พวกเขาก็ควบม้าอย่างเร็วไปตรงหน้าแม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วและถามอย่างร้อนใจมากว่า “นั่นคือฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนจริงๆ หรือ ทำไมรัฐเหยียนถึงเข้ามายุ่งเรื่องของรัฐชีเล่า!”
รัฐเล็กๆ อย่างรัฐชีไม่เคยสร้างสัมพันธ์ใดๆ กับรัฐเหยียนได้เลย แต่เด็กหนุ่มคนนี้กลับอ้างตัวว่าเป็นฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนและนั่นทำให้พวกเขารู้สึกตระหนกตกใจมาก
“สิ่งที่เขาสวมอยู่บนศีรษะเป็นมงกุฎของฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนจริงๆ” แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วกัดฟันยอมรับ
เมื่อไม่นานมานี้รัฐเหยียนได้ส่งข่าวเรื่องการเปลี่ยนตัวฮ่องเต้จริงๆ และยังมีข่าวลือว่าผู้ที่ขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นเพียงเด็กหนุ่มเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าปลอมตัวเป็นฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนหรอก
ตอนที่ 1162 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (3)
คำพูดของแม่ทัพใหญ่รัฐจิ้วดับความหวังสุดท้ายของแม่ทัพอีกสองคนจนหมดสิ้น
เมื่อฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนปรากฏตัวขึ้นที่นอกเมืองหลวงรัฐชีและแสดงจุดยืนอย่างชัดแจ้งว่าไม่อนุญาตให้ใครเหยียบเข้าไปในเมืองหลวงของรัฐชีแม้แต่ก้าวเดียว และปกติก็ไม่มีใครกล้าท้าทายอำนาจของรัฐเหยียนอยู่แล้ว กับรัฐที่ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจขนาดนั้น ถ้าพวกเขาทำให้รัฐเหยียนโกรธ การทำลายรัฐของพวกเขาทั้งสองให้สิ้นซากก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก
“ไม่มีเหตุผลเลย ทำไมรัฐเหยียนถึงได้เอาตัวเองมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ รัฐชีอยู่ห่างจากรัฐเหยียนตั้งเยอะ ทำไมพวกเขาถึงยื่นมือมาไกลขนาดนี้” แม่ทัพคนหนึ่งถามขึ้นด้วยใบหน้าซีดขาว
“แล้วนี่พวกเราจะทำอย่างไรกันดี เราจะต่อต้านฮ่องเต้แห่งรัฐเหยียนจริงๆ หรือ นั่น…นั่นอาจจะไม่เหมาะนัก” แม่ทัพอีกคนพูดด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ
แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วขมวดคิ้ว สถานการณ์ตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดเอาไว้เลย ถึงรัฐจิ้วจะแข็งแกร่ง แต่เมื่อเทียบกับรัฐเหยียนที่ยิ่งใหญ่และเจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแล้ว พวกเขาก็ยังตามหลังอยู่ ถ้าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับรัฐเหยียนจริงๆ พวกเขาก็จะไม่ได้อะไรจากมันเลย
กระทั่งแม่ทัพใหญ่แห่งรัฐจิ้วก็ยังอดมีท่าทีลังเลใจไม่ได้
“แค่ฮ่องเต้คนเดียวพวกเจ้าก็พากันตัวสั่นงันงกแล้วรึ ตลกน่า” ชายหนุ่มที่ดูแม่ทัพทั้งสามอยู่ด้านข้างเห็นสีหน้าซีดเผือดของพวกเขาก็พูดขึ้นเยาะๆ
แม่ทัพจากอีกสองรัฐหันไปมองเขาทันที ใบหน้าของพวกเขาบึ้งตึงเล็กน้อย
คนผู้นี้อยู่กับกองทัพรัฐจิ้วมาตั้งแต่แรก เขาหน้าตาดีมาก ร่างสูงเพรียว ดูไม่เหมือนคนของกองทัพรัฐจิ้วเลยแม้แต่น้อย ตอนแรกพวกเขาก็ไม่สนใจอะไรมากนัก แต่แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วให้ความเคารพชายหนุ่มคนนี้มาก ถึงขั้นพูดได้ว่าเชื่อฟังทีเดียว ทำให้แม่ทัพอีกสองคนไม่กล้าดูถูกชายหนุ่มคนนี้
แต่ตอนนี้รัฐเหยียนเข้าร่วมสงครามแล้ว ถึงฮ่องเต้จะมาพระองค์เดียว แต่ทุกคนที่นั่นก็รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไร แต่กระนั้นชายหนุ่มคนนี้ก็ยังพูดพล่อยๆ แบบนั้นออกมาทำให้แม่ทัพทั้งสองไม่พอใจมาก
“แค่ฮ่องเต้พระองค์เดียวอย่างนั้นหรือ พูดง่ายไปหรือเปล่า! รู้หรือไม่ว่ารัฐเหยียนมีอำนาจมากแค่ไหน ตั้งแต่รัฐเหยียนก่อตั้งมา พวกเขาก็อยู่เหนือรัฐทั้งหมดมาตลอด พวกที่ประเมินตัวเองสูงเกินไปและไปล่วงเกินพวกเขาจบที่เสียบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองทุกราย และรัฐของพวกเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัฐเหยียนและถูกลบหายไปจากโลกตลอดกาล!” แม่ทัพคนหนึ่งอดตอบโต้คำสบประมาทไม่ได้
ชายหนุ่มคนนั้นมองเขา ดวงตาฉายแววไม่พอใจ แม่ทัพใหญ่ของรัฐเหยียนรู้สึกกลัวขึ้นมา เขารีบพูดขึ้นว่า “นายท่านหลินเซียวอย่าเพิ่งโกรธเลย สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง รัฐเหยียนจัดการไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ”
ชายหนุ่มที่ชื่อหลินเซียวหัวเราะอย่างเย็นชาและตวัดสายตาไปมองแม่ทัพที่เถียงเขาอย่างดูถูก “โกรธหรือ ทำไมข้าต้องโกรธพวกสวะอย่างนี้ด้วย ข้าแค่คิดว่าพวกเจ้าทุกคนไม่อาจต่ำไปกว่านี้ได้แล้ว กองทัพพันธมิตรทั้งสี่รัฐมาบุกรัฐเล็กๆ อย่างรัฐชียังต้องใช้ความพยายามมากขนาดนี้ แล้วตอนนี้แค่คนจากรัฐเหยียนสองคนปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้พวกเจ้ากลัวกันถึงขนาดนี้แล้ว พวกเจ้ามันก็แค่ตัวตลกนั่นแหละ”
สีหน้าของแม่ทัพใหญ่รัฐจิ้วไม่ค่อยดีนักแต่เขาก็ยั้งตัวเองเอาไว้ ขณะที่ใบหน้าของแม่ทัพอีกสองคนถมึงทึงไปแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่ารัฐจิ้ว แต่ในฐานะแม่ทัพใหญ่ของกองทัพ พวกเขาไม่เคยโดนดูถูกเช่นนี้เลย!
“แค่สองคนอย่างนั้นหรือ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่เห็นว่าตอนที่สองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น ทหารหลายพันคนของเราที่อยู่นอกประตูเมืองหลวงตายกันหมดแบบศพไม่ครบสามสิบสองด้วย! เจ้าโง่หรืออย่างไรถึงคิดว่าฮ่องเต้รัฐเหยียนจะมาที่นี่เพียงลำพัง ชายหนุ่มคนที่อยู่ข้างๆ เขาแข็งแกร่งแบบเหลือเชื่อเลยนะ!” แม่ทัพคนหนึ่งกัดฟันพูด