ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1167 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (8) ตอนที่ 1168 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (9)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1167 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (8) ตอนที่ 1168 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (9)
ตอนที่ 1167 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (8) / ตอนที่ 1168 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (9)
ตอนที่ 1167 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (8)
คำพูดของจวินอู๋เย่าทำให้คนของกองทัพรุ่ยหลินเงียบกริบ
การบุกโจมตีของกองทัพพันธมิตรทั้งสี่รัฐสร้างความสูญเสียให้แก่กองทัพรุ่ยหลินอย่างสาหัส พวกเขาไม่อาจนับจำนวนพี่น้องที่เสียไปในสนามรบได้และจำไม่ได้ว่าพวกเขาปีนออกจากกองซากศพที่ไร้ชีวิตพวกนั้นได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ได้เกลียดชัง แต่พวกเขาไม่มีเวลาปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเจ็บปวด
ความห่วงใยของจวินอู๋เสียมีต่อพวกเขาทำให้หัวใจของพวกเขากระตุก พวกเขาเข้าใจว่าทำไมจวินอู๋เสียจึงคิดเช่นนั้น นางยอมต่อสู้เพียงคนเดียวดีกว่าสูญเสียใครไปอีก
“แต่…” ดูเหมือนหลงฉีอยากจะพูดอีก
แต่จวินอู๋เย่าส่ายหน้าและพูดว่า “เชื่อในตัวนางสิ”
หลงฉีอ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาทอง พูดอะไรไม่ออกอีกเลย
ตอนนั้นเองจวินเสี่ยนก็เดินเข้ามา เขาวางมือลงบนบ่าของหลงฉีและเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เย่า
“เจ้ารับรองได้หรือไม่ว่า…นางจะปลอดภัย” ในฐานะคนของสกุลจวิน จวินเสี่ยนรู้สึกภูมิใจอย่างถึงที่สุดที่เขามีหลานสาวที่น่ายกย่องเช่นนี้ แต่เขาก็อดเป็นห่วงในฐานะปู่ไม่ได้
จวินอู๋เย่ายิ้มให้ “ข้ารับรอง”
“ก็ได้” จวินเสี่ยนพยักหน้าและระงับความกังวลในใจเอาไว้ แล้วหันไปมองพวกทหารที่อยู่ในเมือง
“ทางกองทัพใช้เวลานี้ประเมินสถานการณ์ใหม่ให้ดี แบกคนเจ็บไปทำการรักษา แล้วเก็บพลังเอาไว้!” การต่อสู้ยังไม่จบ ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม ก็ใช่ว่านางจะไม่มีขีดจำกัด สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้ไม่ใช่เอาแต่ยืนกังวลอยู่ที่นี่ แต่เป็นการใช้เวลาที่จวินอู๋เสียให้มาอย่างเต็มที่เพื่อจัดกองทัพที่เหน็ดเหนื่อยหมดสภาพใหม่อีกครั้งให้พร้อมสำหรับการต่อสู้ที่ใกล้เข้ามา
ด้วยคำสั่งของจวินเสี่ยน ทหารทุกคนในเมืองจึงรีบใช้เวลาช่วงนั้นเตรียมตัวเองใหม่ให้พร้อม พวกชาวเมืองรีบช่วยกันแบกคนเจ็บไปยังที่ปลอดภัย ขณะที่หมอทุกคนในเมืองก็ทำการรักษาบาดเจ็บให้เหล่าวีรบุรุษที่ต่อสู้เพื่อปกป้องพวกเขา
มั่วเฉี่ยนยวนเรียกหมอหลวงทุกคนในวังหลวงออกมา พวกเขานำสมุนไพรทั้งหมดกับโอสถวิเศษที่สามารถใช้ประโยชน์ในสถานการณ์นี้ได้มาด้วย
ในตอนนี้สิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญไม่ใช่โอสถวิเศษพวกนั้น แต่เป็นการที่พวกเขาจะสามารถช่วยชีวิตนักรบของรัฐชีไว้ได้มากแค่ไหน!
ที่นอกเมือง จวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่าหยุดการโจมตีของกองทัพพันธมิตรทั้งสามรัฐเอาไว้ได้ แต่พวกนั้นยังไม่ยอมยกเลิกการบุกเข้ามาในเมืองหลวง ลูกธนูติดไฟถูกยิงเข้าใส่เมืองหลวงไม่หยุด ลูกธนูลอยเหนือกำแพงสายลมไปตกลงด้านใน ก่อให้เพลิงไหม้ในเมืองหลวง
พวกทหารที่ร่างกายอ่อนล้าอยากไปดับไฟ แต่ก็ถูกพวกชาวเมืองกดตัวเอาไว้และขอให้พวกทหารพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วพวกชาวเมืองก็พากันไปช่วยดับไฟ
พวกทหารเห็นชาวเมืองมากมายวิ่งวุ่นไปทั่วและพวกเด็กๆ ช่วยกันแบกถังน้ำตามหลังผู้ใหญ่ที่กำลังยุ่ง พวกทหารที่ผ่านสงครามอันดุเดือดมาก็รู้สึกตื้นตันใจมาก
นี่คือชาวเมืองที่พวกเขาเสี่ยงชีวิตปกป้องเอาไว้ การเสียสละนั้นคุ้มค่าแล้ว!
ทุกคนระดมกำลังกันช่วยอย่างเต็มที่ โอสถวิเศษ อาหาร น้ำ ผ้าห่ม…ทุกสิ่งทุกอย่างอะไรก็ได้ที่พวกทหารจะเอาไปใช้ได้ถูกชาวเมืองนำมายัดใส่มือเหล่านักรบ
มั่วเฉี่ยนยวนยืนสั่งการทุกอย่าง ชุดคลุมสีทองของเขาไหม้ไฟหลายแห่งทำให้อยู่ในสภาพที่น่าสมเพช มงกุฎบนหัวที่เป็นสัญลักษณ์อำนาจของเขาก็ตกลงบนพื้นท่ามกลางกลุ่มคนที่กำลังวิ่งวุ่นช่วยกัน และเขาก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะเก็บมันขึ้นมา
คนจะเห็นธาตุแท้กันในยามทุกข์ยาก ในเวลาที่รัฐชีตกอยู่ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ความมุ่งมั่นและความเชื่อที่ซ่อนอยู่ในจิตวิญญาณของประชาชนในรัฐก็ลุกโชนขึ้น พวกเขารวมกันเป็นหนึ่งเดียว และไม่มีใครพูดยอมแพ้ออกมาเลยสักคน!
ในสนามรบ จำนวนคนที่จวินอู๋เสียฆ่าไม่สามารถนับได้อีกต่อไป โลหิตสีแดงสดได้ย้อมเกราะสีเงินของนางให้กลายเป็นสีแดงล้วนสีเดียวกับดวงตาของนาง ขณะที่นางจัดการสังหารหมู่พวกศัตรู
ตอนที่ 1168 ตบหน้าเป็นหมู่คณะครั้งที่สอง (9)
ฆ่า!
นั่นคือสิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดของจวินอู๋เสีย
การที่จวินอู๋เสียทะลวงเข้าสู่ขั้นสีน้ำเงินเรียบร้อยแล้ว รวมกับการประสานงานที่สมบูรณ์แบบกับสัตว์ร้ายสีดำ ทำให้พวกเขาวิ่งผ่านสนามรบที่วุ่นวายโกลาหลได้อย่างง่ายดาย ความเร็วของสัตว์ร้ายสีดำเป็นสิ่งที่ทหารพวกนั้นไม่มีวันตามทันได้
กลิ่นคาวโลหิตที่รุนแรงได้ทำให้ประสาทรับกลิ่นของจวินอู๋เสียด้านชาไปแล้ว
นางไม่ใช่คนที่ชื่นชอบการฆ่า แต่เพื่อแก้แค้นให้วิญญาณของทหารกองทัพรุ่ยหลินแปดหมื่นคนนั้น เพื่อแก้แค้นให้แก่ทหารของรัฐชีและประชาชนที่ถูกฝังอยู่ใต้เปลวไฟแห่งสงครามครั้งนี้ นางไม่รังเกียจที่จะกลายเป็นปีศาจร้ายที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก!
ฆ่าเพื่อหยุดยั้งการฆ่า!
แม่ทัพจากอีกสองรัฐวิ่งมาหาแม่ทัพใหญ่รัฐจิ้วอย่างตื่นตระหนก พวกเขาเห็นกับตาว่าหลินเซียวถูกจับไปทั้งๆ ที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่กลางอากาศไม่ได้ทำอะไรมากเลย สถานการณ์เสียเปรียบถึงขนาดนี้แล้ว พวกเขาจึงไม่กล้าบุกโจมตีต่อ!
“เราควรทำอย่างไรดี นายท่านหลินเซียวของท่านถูกจัดการด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียว ถ้าเราบุกโจมตีต่อไป ความสูญเสียของเราจะต้องมากเกินรับไหวแน่!” จากน้ำเสียงของแม่ทัพก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเขากำลังกลัวมากแค่ไหน
“เราไม่สู้แล้ว! ท่านอยากบุกก็บุกเองเถอะ! ฮ่องเต้รัฐเหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นแล้ว เขาไม่ได้มาที่นี่คนเดียวแน่ กองทัพใหญ่ของรัฐเหยียนจะมาถึงตอนไหนก็ไม่รู้ ข้าจะถอนกำลังจากที่นี่! พวกเราถูกรัฐจิ้วลากเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นเพราะ…” แม่ทัพอีกคนคิดที่จะล่าถอยแล้ว เขาเกือบจะด่าออกไปแล้วแต่อำนาจของรัฐจิ้วทำให้เขาหยุดความคิดที่จะด่าออกไป
แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วได้สติขึ้นมา เสียงบ่นจากชายอีกสองคนทำให้เขาหวั่นไหวขึ้นมา
พวกเขาควรจะสู้ต่อหรือเปล่า
แม้แต่หลินเซียวก็ถูกจัดการไปแล้ว แถมเขายังมีพลังวิญญาณขั้นสีม่วงซึ่งเป็นขั้นสูงสุดอีกด้วย กับศัตรูที่สามารถบดขยี้ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น พวกเขาจะยังมีโอกาสชนะอีกหรือ
ตอนนี้แม้แต่เขาเองก็ยังคิดที่จะล่าถอย ในที่สุดเมื่อหางทั้งเก้าของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะโยนทหารหลายร้อยคนลอยขึ้นไปในอากาศด้วยการวาดหางเพียงครั้งเดียว แม่ทัพใหญ่ของรัฐจิ้วก็ตัดสินใจในทันที!
“ถอย! ทุกคนถอย!” เขาให้เป่าแตรสัญญาณล่าถอยทันที ทหารทุกคนที่ล้อมเมืองหลวงอยู่ก็เริ่มถอยกลับไป
ไม่มีใครคิดว่าการปรากฏตัวของจวินอู๋เสียกับจวินอู๋เย่าไม่เพียงแต่ทำให้กองทัพพันธมิตรทั้งสามรัฐเข้าโจมตีเมืองหลวงไม่ได้เท่านั้น แต่ยังทำให้ข้าศึกล่าถอยไปอย่างเร่งรีบในช่วงเวลาสั้นๆ อีกด้วย
การฆ่าอย่างไม่หยุดยั้งของจวินอู๋เสีย พลังอันร้ายกาจของบัวหิมะมัวเมา และการปรากฏตัวของสัตว์วิญญาณขนาดยักษ์ทั้งสองได้บดขยี้ความตั้งใจที่จะสู้ของพวกเขาลงจนหมดสิ้น
และอีกอย่างที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวมากกว่าอย่างอื่นๆ ทั้งหมดเลยก็คือจวินอู๋เย่าที่ยังไม่ได้ลงมืออะไรกับพวกเขามากไปกว่านี้!
พายุหมุนจำนวนมากที่ล้อมรอบเมืองหลวงไม่ใช่พลังของมนุษย์แล้ว ใครจะรู้ว่าถ้าเขาลงมือขึ้นมาจริงๆ มันจะน่ากลัวมากแค่ไหน
บนกำแพงเมืองหลวง พวกทหารของรัฐชีเห็นว่ากองทัพพันธมิตรทั้งสามรัฐกำลังล่าถอยกลับไป ในที่สุดพวกเขาก็ส่งเสียงโห่ร้องอย่างยินดีออกมาได้หลังจากตกอยู่ภายใต้ความหดหู่เศร้าสลดอยู่เป็นเวลานาน พวกเขาชูดาบในมือขึ้นโบกไปมา ธงของรัฐชีที่ไหม้ไฟถูกดึงลงมาและแทนที่ด้วยธงผืนใหม่อย่างรวดเร็วซึ่งถูกชักขึ้นสูงเหนือเมืองหลวงของรัฐชีอีกครั้ง!
ธงนั่นก็เหมือนกับรัฐเล็กๆ แต่ฟื้นตัวได้เร็วแห่งนี้ มันโบกสะบัดอยู่ท่ามกลางสายลมแรงอย่างเฉิดฉายและจะไม่ห้อยตกลงมา
กองทัพศัตรูล่าถอยไปอย่างเร่งรีบ แต่จวินอู๋เสียไม่คิดจะไว้ชีวิตพวกเขาง่ายๆ แบบนั้น
นางนำใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะกับตัวอื่นๆ ไล่ตามไป แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวนางก็ถูกจวินอู๋เย่าเอาแขนกอดจากด้านหลังอุ้มลอยขึ้นมา
“ดูนั่น” จวินอู๋เย่าพูดพร้อมยกมือขึ้นชี้ไปทางกองทัพข้าศึกที่กำลังล่าถอย