ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1211 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (3) ตอนที่ 1212 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1211 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (3) ตอนที่ 1212 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (4)
ตอนที่ 1211 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (3) / ตอนที่ 1212 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (4)
ตอนที่ 1211 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (3)
จวินอู๋เสียที่ปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่มมองเด็กน้อยที่ดูน่าสงสารคนนั้น ถ้าเป็นเวลาอื่นนางคงไม่ว่าอะไร แต่…หางตาของนางกวาดมองคนทั้งหมดที่มากับเด็กน้อยและรถม้าที่อยู่ด้านหลังเขา
บนรถม้าพวกนั้นแขวนธงแบบเดียวกัน และเครื่องหมายบนธงพวกนั้นก็ดูแปลกตา พวกมันเป็นเครื่องหมายของสถานที่เล็กๆ ที่เรียกว่ารัฐเฉียว ที่ว่าเล็กนี่เล็กแค่ไหนน่ะหรือ
ก็เล็กขนาดที่ว่ารัฐชียังเป็นรัฐใหญ่เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็แล้วกัน!
รัฐเฉียวเล็กมากจริงๆ มันเป็นรัฐที่เล็กที่สุดในโลก ว่ากันว่าดินแดนทั้งหมดของรัฐเฉียวยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเหยียนไม่ได้เลย และเนื่องจากรัฐเฉียวตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขา ภูมิประเทศของมันจึงไม่น่าไว้วางใจ และทรัพยากรก็ขาดแคลน และเนื่องจากภูมิประเทศของมันทำให้มันกลายเป็นสถานที่ที่รัฐอื่นๆ ไม่อยากบุกเข้าไป
จวินอู๋เสียยังเห็นมงกุฏหยกที่ประดับอยู่บนหัวของเด็กน้อย ฮ่องเต้เท่านั้นที่สวมใส่มงกุฏหยกเช่นนี้ และเมื่อมองดูคนคุ้มกันที่อยู่รอบๆ ตัวเด็กน้อย นางก็เห็นว่าพวกเขาเป็นทหารของกองทัพ ไม่ใช่แค่คนคุ้มกันทั่วๆ ไปจากตระกูลคนธรรมดา
จวินอู๋เสียไม่คิดจะติดต่อพบปะกับผู้ครองรัฐจากรัฐอื่นๆ ถึงแม้…อีกฝ่ายจะเป็นแค่เด็กน้อยน่ารักไร้เดียงสาก็ตาม
จวินอู๋เสียไม่คิดจะทำตามคำขอของเด็กน้อย สีหน้าของเด็กคนนั้นจึงดูเศร้าๆ หงอยๆ และมีน้ำตาคลอ ราชครูเหอที่อยู่ข้างๆ เขาจึงอดไม่ได้และพูดขึ้นว่า
“คุณชายโปรดหยุดก่อนได้หรือไม่”
จวินอู๋เสียมองไปที่ชายชรา
“พวกเรามาจากรัฐเฉียว และเด็กคนนี้ก็คือฮ่องเต้แห่งรัฐเฉียวของเรา ฝ่าบาทยังเด็กอยู่มากและชื่นชอบสัตว์วิญญาณตัวเล็กๆ น่ารัก คุณชาย…จะช่วยให้ฝ่าบาทสมหวังได้หรือไม่ พวกเราจะขอบคุณความมีน้ำใจของท่านเป็นอย่างมาก” ราชครูเหอที่รับใช้ฮ่องเต้แห่งรัฐเฉียวมาถึงสามรุ่นรู้สึกประหลาดใจที่ตัวเองสามารถทำเรื่องน่าอายเช่นนี้ได้!
เขาเป็นถึงราชครูที่เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากกลับต้องมาเจรจากับเด็กหนุ่มเพื่อให้ฝ่าบาทได้ลูบขนของสัตว์วิญญาณอย่างที่ปรารถนา มันช่าง…น่าอับอายเหลือทน!
จวินอู๋เสียมองฮ่องเต้น้อยที่น้ำตาจะไหลอยู่รอมร่อ แล้วหันกลับไปมองใบหน้าจริงจังของราชครูเหอ สุดท้ายนางก็ยอมเอ่ยปาก
“ก็ได้”
เมื่อเห็นจวินอู๋เสียยอมตกลง ฮ่องเต้น้อยที่แข็งทื่ออยู่กับที่ก็ยิ้มออกมา
จวินอู๋เสียปล่อยกระต่ายโลหิตลงมาแล้วมองไปทางฮ่องเต้น้อย กระต่ายโลหิตเข้าใจสิ่งที่เจ้านายของมันอยากให้มันทำทันที จึงกระโดดไปอยู่ข้างๆ ฮ่องเต้น้อย!
ฮ่องเต้น้อยมองกระต่ายหูใหญ่ที่กลับมาหาอีกครั้งอย่างดีใจ มือเล็กๆ ของเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่ลูบขนนุ่มๆ ของกระต่ายหูใหญ่อย่างระวัง ลืมเรื่องปิดก้นตัวเองไปเสียสนิท
เมื่อมือของเขาเคลื่อนออกไป มันก็เผยให้เห็นขนกลมๆ เล็กๆ ที่ก้นของเขาซึ่งกระดิกไม่หยุด
ไม่ว่าจะมองอย่างไรลูกบอลขนอันเล็กๆ นั้นก็เหมือนกับหางกระต่ายไม่มีผิด…
สายตาของจวินอู๋เสียมองไปที่มันอย่างไม่ปิดบัง นางมองฮ่องเต้น้อยทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นเพื่อเล่นกับกระต่ายโลหิต หางกระต่ายที่ด้านหลังกระดิกแรงขึ้น ทำให้เด็กน้อยดูเหมือนภูติกระต่ายที่แปลงร่างมา
“อะแฮ่ม” ราชครูเหอที่ทิ้งศักดิ์ศรีตัวเองไปแล้วสังเกตเห็นสายตาของจวินอู๋เสีย เขาพูดอย่างอึดอัดใจว่า “นั่นคือภูติวิญญาณของฝ่าบาท”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว นางไม่เคยได้ยินว่ามีใครในโลกที่มีภูติวิญญาณเป็นลูกบอลขนปุย…
หางนั่น นอกจากน่ารักแล้ว มันยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกหรือไม่เนี่ย
แต่อย่างน้อยนางก็ใจดีพอที่จะไม่พูดอะไรเรื่องนี้ นอกจากเฝ้าดูกระต่ายโลหิตพยายามทำตัวน่ารักต่อหน้าฮ่องเต้น้อย ขณะที่กระต่ายเจ้าเล่ห์พยายามใช้เสน่ห์อันน่ารักที่สุดของมัน มันก็ไม่ลืมหูหลัวปัวที่หล่นอยู่บนพื้นและเอาอุ้งเท้าจับหูหลัวปัวขึ้นมาเคี้ยวกร้วมๆ
ตอนที่ 1212 เด็กดี ขอข้าจับหน่อยนะ (4)
ใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแอบดูการทำตัวน่ารักของกระต่ายเจ้าเล่ห์เพื่ออาหารแล้วน้ำลายของมันก็แทบหยดลงพื้น แต่มันเป็นสัตว์วิญญาณที่มีความหยิ่งสูง
ทั้งๆ ที่ใจอยากกินแทบตาย แต่มันก็แสร้งทำเฉยและหันหน้าหนี พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่พอใจ “แบ๊ะ แบ๊ะ แบ๊ะ”
แต่หางตาของมันยังคงเอาแต่มองไปที่หูหลัวปัวในอุ้งเท้าของกระต่ายโลหิต…
สำหรับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะที่ถือว่าการกินเป็นการแสวงหาของชีวิตนั้น แม้ว่าจวินอู๋เสียจะให้มันกินหญ้าอร่อยๆ แล้วก็ตาม แต่มันก็ยังอดไม่ได้ที่จะอยากได้อาหารมากินอีก
เสียงร้องอย่างไม่พอใจของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะดึงดูดความสนใจของฮ่องเต้น้อย เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะทำหน้าหยิ่งอยู่ตรงเท้าของเด็กหนุ่มคนนั้น ดวงตาของเขาก็เป็นประกายวิบวับอีกครั้ง
เขาเงยหน้าขึ้นมองจวินอู๋เสียด้วยสายตาอยากได้อย่างเต็มที่ สีหน้าของเขาบอกว่า ข้าอยากลูบมาก…อยากลูบมากๆ…อยากลูบมากๆๆๆ…
ครั้งนี้ราชครูเหอทนเอ่ยปากขอแทนฮ่องเต้ของเขาไม่ไหวอีกแล้ว
จวินอู๋เสียดันเจ้าแบ๊ะแบ๊ะที่อยู่ตรงเท้าของนางเป็นสัญญาณให้ออกไป ความหยิ่งของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะทำให้มันแกล้งทำเป็นไม่พอใจและเดินไปช้าๆ ก่อนจะหยุดข้างๆ ฮ่องเต้น้อย สายตาของมันจับจ้องอยู่ที่หูหลัวปัวที่ยังเหลืออีกครึ่งอันในอุ้งเท้าของกระต่ายโลหิต…
ฮ่องเต้น้อยอยากจับใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะแต่มันก็พ่นลมออกทางจมูกสองครั้งแล้วก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว ดูไม่เต็มใจให้ฮ่องเต้น้อยสัมผัสตัวมันอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้น้อยกำลังจะร้องไห้อีกครั้ง ราชครูเหอก็เดินไปที่รถม้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาค้นเอาหูหลัวปัวอีกอันมายัดใส่มือของฮ่องเต้น้อย
ด้วยสิ่งนั้นเอง…
ในที่สุดใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะก็ยอมสนใจเด็กชายขึ้นมาบ้าง
มีสัตว์วิญญาณโง่แทะหูหลัวปัวตัวละอันอยู่ทางด้านซ้ายและขวาแบบนี้ ฮ่องเต้น้อยก็ลูบเจ้ากระต่ายหูใหญ่อย่างอ่อนโยนทีหนึ่งแล้วก็ลูบขนหนาๆ ของใต้เท้าแบ๊ะแบ๊ะอีกทีหนึ่ง สีหน้าของเขามีความสุขอย่างถึงที่สุด หางที่ก้นของเขายิ่งมีความสุขกว่า ดวงตาของเขาเอาแต่จ้องมองสัตว์วิญญาณทั้งสองตัวที่อยู่ตรงหน้าเขา
จากขอแค่ได้แตะสักหน่อยกลายเป็นลูบเท่าไรก็ไม่พอไปแล้ว…
ราชครูเหอกระแอมในลำคออย่างอับอาย เขารู้ว่าฮ่องเต้ของเขาจะไม่พอไปอีกพักใหญ่ จึงหันไปมองจวินอู๋เสียอย่างอายๆ
“ถ้าคุณชายไม่รังเกียจ จะนั่งกินข้าวกับพวกเราก่อนได้หรือไม่”
จวินอู๋เสียนั่งลงข้างกองไฟแบบไม่มีพิธีรีตองอะไรแม้แต่น้อย เพื่อใช้เวลาเดินทางให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ นางจึงแทบไม่ได้พักผ่อนเลยตลอดการเดินทาง กระทั่งกองไฟที่จะช่วยขับไล่ความหนาวเย็นในฤดูหนาวนางก็ไม่ได้จุดเลยสักอัน
ราชครูเหอนำอาหารมาให้จวินอู๋เสีย อาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขารู้สึกอายกับพฤติกรรมงี่เง่าของฮ่องเต้ของพวกเขา ทหารทุกคนจึงลดความไม่เป็นมิตรต่อจวินอู๋เสียลง แต่กลับรู้สึกเก้อเขินแทน
“คุณชายมาจากรัฐจิ้วหรือ” ราชครูเหอถาม พยายามไม่แสดงความเขินออกมาให้มากนัก เขาจึงพยายามหาหัวข้อมาคุยกับจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียส่ายศีรษะ “แค่มาเที่ยวน่ะ”
ราชครูเหอพยักหน้า เขาเห็นด้วยว่าทิวทัศน์ภูเขาและทะเลสาบของรัฐจิ้วนั้นสวยมากจริงๆ”ไม่ทราบว่าคุณชายจะไปที่ไหนต่อ ถ้าไปทางเดียวกันเราสามารถไปส่งท่านได้นะ”
รัฐเฉียวเป็นรัฐเล็กๆ พวกเขามีประชากรไม่มาก ดังนั้นจึงไม่เคร่งเรื่องยศศักดิ์หรือแบ่งแยกชนชั้นระหว่างผู้ครองรัฐและข้าราชบริพารมากนัก ตั้งแต่ฮ่องเต้จนถึงขุนนางระดับล่างสุดพวกเขาต่างเป็นมิตรต่อกันมากและใกล้ชิดกับคนธรรมดาทั่วไปด้วย
“เมืองหลวง” จวินอู๋เสียตอบ
ราชครูเหอยิ้ม “บังเอิญจริงๆ พวกเราก็กำลังจะไปเมืองหลวงเหมือนกัน คุณชายอยากเดินทางไปกับพวกเราหรือไม่” ขณะที่พูด สายตาของราชครูเหอก็มองไปที่ฮ่องเต้น้อย เหตุผลที่เชิญนั้นเห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะฮ่องเต้น้อยของพวกเขาคงทนแยกจากเจ้าตัวเล็กขนปุยสองตัวนั้นไม่ได้
จวินอู๋เสียเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า
รัฐเฉียวเป็นรัฐที่ซื่อตรงมาตลอด พวกเขามีชื่อเสียงที่ดี นอกจากความระมัดระวังตัวในตอนที่เพิ่งพบกันแล้ว ทุกคนก็เป็นมิตรกับนางดี และจวินอู๋เสียก็ไม่ได้ไม่ชอบพวกเขา