ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1263 กลับบ้าน (2) ตอนที่ 1264 กลับบ้าน (3)
ตอนที่ 1263 กลับบ้าน (2) / ตอนที่ 1264 กลับบ้าน (3)
ตอนที่ 1263 กลับบ้าน (2)
พระจันทร์รูปร่างเหมือนเคียวยมทูต ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน โลหิตสีแดงไหลนองไปทั่วจากการสังหารหมู่ในป่าทึบ แม้แต่อากาศก็เหมือนจะปนเปื้อนไปด้วยโลหิตที่ข้นเหนียว
ภายใต้แสงจันทร์ ร่างสูงเพรียวยืนอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวที่ชุ่มไปด้วยโลหิตสีแดงสด ดวงตาสีม่วงของเขาแวววับเป็นประกายอย่างครึ้มอกครึ้มใจที่ได้ฆ่า
“นายท่าน!” เยี่ยเม่ยพบอะไรบางอย่างจากการขุดกองศพพวกนั้น เขาส่งมันให้กับจวินอู๋เย่า
จวินอู๋เย่าเหลือบมองผ่านๆ และพูดว่า “เก็บไว้ให้ดี”
“ขอรับ!” เยี่ยเม่ยรับของเปื้อนโลหิตนั่นไปและเก็บมันไว้กับตัว จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ข้าได้ข่าวจากเยี่ยซาว่า คุณหนูใหญ่ทำลายรัฐจิ้วและแบ่งดินแดนของรัฐจิ้วให้รัฐเฉียวกับรัฐชี เยี่ยซากำลังไล่ล่าคนจากตำหนักมังกรสวรรค์ตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ และคุณหนูใหญ่ได้เดินทางไปรัฐชีแล้วขอรับ”
จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง มุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มชั่วร้าย
“การเคลื่อนไหวของเด็กน้อยของข้าราบรื่นขึ้นเรื่อยๆ แค่รัฐของพวกแมลง จะโดนทำลายไปหรือไม่ก็ไม่สำคัญหรอก”
“นายท่าน เราจะกลับไปด้วยหรือไม่ขอรับ” เยี่ยเม่ยถาม
จวินอู๋เย่ากระดิกนิ้ว และโลหิตบนพื้นทั้งหมดก็ถูกพลังที่มองไม่เห็นลากมารวมกัน หมุนวนอยู่รอบปลายนิ้วของจวินอู๋เย่า แล้วค่อยๆ รวมตัวกันเป็นเม็ดโลหิตใสวาววับ
จวินอู๋เย่าโยนเม็ดโลหิตนั้นเข้าปาก แล้วเงยหน้ามองพระจันทร์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน
“ต้องกลับไปอยู่แล้วสิ”
“ยังมีอีกเรื่องขอรับ…” เยี่ยเม่ยลังเล เรื่องนี้เขาไม่กล้าพูดถึงแบบชุ่ยๆ
“ว่ามา” จวินอู๋เย่าสั่ง
“เยี่ยซาพบว่ามีโลหิตแดงกับคนพิษอยู่ในรัฐจิ้วขอรับ…ดูเหมือนตำหนักมังกรสวรรค์จะอยากใช้วิธีการทั้งสองนี้ควบคุมอำนาจในสามโลกเบื้องล่าง”
พอสิ้นเสียงของเยี่ยเม่ย อากาศรอบๆ ก็พลันลดต่ำลงหลายองศาทันที!
แม้แต่เสียงลมก็หายไปด้วย
จวินอู๋เย่าหรี่ตา ดวงตาสีม่วงของเขาเป็นประกายแวววาวน่ากลัว
“ขยะจากสามโลกชั้นกลางบังอาจใช้โลหิตแดงอย่างนั้นรึ”
เยี่ยเม่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมพลังภายในป้องกันตัวเองไม่ให้บาดเจ็บจากรังสีอำมหิตของจวินอู๋เย่า
“สิบสองตำหนักมีความคิดชั่วร้ายมานานมากแล้ว หลายปีที่นายท่านได้ผนึกโลหิตแดง พวกมันก็เชื่อฟังและไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แต่ดูเหมือนพวกมันจะเริ่มมีความคิดต่อต้านขึ้นอีกแล้ว นายท่าน…เราต้องส่งข้อมูลนี้ให้ดินแดนเทพมารหรือไม่ขอรับ”
จวินอู๋เย่าหรี่ตาอย่างใช้ความคิด แล้วยกมือขึ้นโบกปฏิเสธเบาๆ
“ยังไม่ถึงเวลา”
เยี่ยเม่ยกัดฟันและพูดต่อว่า “เดิมทีโลหิตแดงเป็นสิ่งที่เจ้าโง่ของสิบสองตำหนักสร้างขึ้นเลียนแบบมารโลหิตของนายท่าน ของเลียนแบบพรรค์นั้น การมีอยู่ของมันคือการดูหมิ่นนายท่าน ถ้านายท่านไม่คิดจะเผยข่าวของท่านให้ดินแดนเทพมารรู้ เช่นนั้นข้าก็ขอให้นายท่านสั่งให้ข้าไปจัดการกับสวะจากสิบสองตำหนักพวกนั้นเถอะขอรับ”
การที่นายท่านถูกดูหมิ่น มันแสดงถึงการไร้ความสามารถของลูกน้อง!
พวกเขายอมตาย แต่จะไม่ยอมให้ใครทำให้จวินอู๋เย่าต้องได้รับความอัปยศแม้เพียงเล็กน้อย
จวินอู๋เย่ามองเยี่ยเม่ยที่มีสีหน้าโกรธแค้นอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ตอนนี้ข้าไม่มีอารมณ์ไปเล่นกับพวกมดแมลงหรอก เราต้องกลับไปที่รัฐชีก่อน เอาของขวัญชิ้นใหญ่นี้ไปให้เสี่ยวเสียเอ๋อร์ นางกำลังหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิอยู่ไม่ใช่หรือ ได้เวลาแล้ว”
เยี่ยเม่ยระงับความโกรธ แล้วพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ขอรับ นายท่าน!”
ค่ำคืนที่เงียบสงัด เสียงของจวินอู๋เย่าและเยี่ยเม่ยหายไปจากป่าทึบ ทิ้งไว้เพียงพื้นป่าที่เต็มไปด้วยซากศพ สายลมยามราตรีพัดผ่านมา ศพแห้งที่โลหิตทุกหยดถูกดูดออกไปหมดแล้วพลันกลายเป็นฝุ่นผงร่วงหล่นลงบนผืนหญ้า
ตอนที่ 1264 กลับบ้าน (3)
หลังจากผ่านไฟสงครามมา รัฐชีก็ค่อยๆ ฟื้นตัวจากบาดแผลสงคราม ไฟสงครามไม่ได้เผาความตั้งใจของประชาชนรัฐชี พวกเขามุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากความยากลำบาก และได้สร้างบ้านเกิดของพวกเขาขึ้นอีกครั้งด้วยสองมือของตัวเอง
กองทัพรุ่ยหลินเป็นกองกำลังที่สูญเสียหนักที่สุด หลังจากบาดแผลส่วนใหญ่หายแล้ว พวกเขาก็เริ่มรับสมัครทหารใหม่เข้าสู่กองทัพรุ่ยหลิน
พวกผู้เยาว์ที่มุ่งมั่นจะปกป้องรัฐของพวกเขาหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ พวกเขาอยากจะเป็นคนของกองทัพรุ่ยหลินเพื่อที่วันหนึ่งจะได้ต่อสู้ปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาได้
ในช่วงนี้กล่าวได้ว่าหลงฉียุ่งมากจนมือจะหลุดจากตัวอยู่แล้ว ก่อนหน้าที่กองทัพรุ่ยหลินยังไม่ได้ปล่อยข่าว ก็มีคนมากมายในเมืองหลวงรัฐที่มีความกระตือรือร้นสูงมารออยู่แล้ว ตอนนี้ข่าวเรื่องกองทัพรุ่ยหลินเปิดรับสมัครทหารใหม่เพิ่งประกาศออกไป จำนวนคนที่มาสมัครอธิบายได้แค่ว่า ‘ล้นทะลัก’
ทุกๆ วันหลงฉีจะนั่งอยู่หน้าค่ายกองทัพรุ่ยหลิน ทำการประเมินพวกผู้เยาว์ที่มาสมัครเข้ากองทัพอย่างเข้มงวด เขายุ่งมากจนไม่มีเวลาแม้แต่จะจิบน้ำ
ทหารที่กองทัพรุ่ยหลินมองหาในครั้งนี้จะต้องมีอายุระหว่างสิบหกถึงยี่สิบสองปี กองทัพรุ่ยหลินก่อตั้งขึ้นเป็นเวลาหลายปี ผ่านการรบทั้งเล็กและใหญ่มาแล้ว ทหารรุ่นเก่าของพวกเขาล้มตายกันไปทีละคนโดยมีทหารโลหิตใหม่มาเติมเต็มช่องว่างเป็นระยะ แต่หลังสงครามใหญ่เมื่อเร็วๆ นี้ กองทัพรุ่ยหลินสูญเสียคนไปมากกว่าครึ่ง และต้องใช้เวลานานในการสะสมกำลังคนกว่าจะสร้างกองทัพรุ่ยหลินขึ้นมาใหม่ได้ ดังนั้น จวินเสี่ยนจึงตั้งเป้าหมายที่คนหนุ่มๆ และเมื่อพวกเขาถูกลับจนกลายเป็นดาบที่แหลมคมแล้ว พวกเขาก็จะอยู่ในช่วงอายุที่ดีที่สุด
และในการรับสมัครของกองทัพรุ่ยหลินครั้งนี้ มีกฎเหล็กอยู่หนึ่งข้อนั่นคือ…ความจงรักภักดี!
พลังที่อ่อนแอสามารถขัดเกลาได้อย่างช้าๆ ร่างกายที่ไม่แข็งแรงก็สามารถพัฒนาได้ด้วยการฝึกฝนอย่างหนัก แต่ถ้าความเชื่อและอุปนิสัยของคนๆ นั้นมีข้อบกพร่อง ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใด กองทัพรุ่ยหลินก็จะไม่มีวันยอมรับพวกเขา
ตราบใดที่พวกเขาไม่แย่จนเกินเยียวยาและนิสัยผ่านเกณฑ์ ทุกคนก็จะมีโอกาสได้เข้าร่วมกับกองทัพรุ่ยหลิน
บุรุษทุกคนที่อายุเกินกำหนดล้วนแต่เศร้าเสียใจ บางคนถึงกับไปถามหลงฉีว่าพวกเขาต้องการหน่วยพลาธิการหรือไม่ พวกเขาจะยอมทำต่อให้เป็นแค่งานจิปาถะหรืองานทำอาหารให้กับกองทัพรุ่ยหลิน…
คำถามทั้งหมดนี้ทำให้หลงฉีแทบจะเป็นบ้าไปจริงๆ เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หลงฉีกำลังยุ่งอยู่ตอนที่ทหารรุ่ยหลินคนหนึ่งนำข่าวมาบอก ทันทีที่เขาได้ฟัง เขาก็ลุกขึ้นทันทีและมอบหน้าที่ในการรับสมัครทหารให้กับทหารอีกคน ก่อนจะหันกลับและวิ่งเข้าไปในค่ายกองทัพรุ่ยหลิน
ที่ลานฝึก จวินชิงกำลังฝึกทหารกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพ เหตุผลที่กองทัพรุ่ยหลินกลายเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งนั้น ไม่ใช่แค่เพราะบารมีของตัวอักษรที่อ่านได้ว่า ‘กองทัพรุ่ยหลิน’ เท่านั้น แต่มันประสบความสำเร็จได้ด้วยการฝึกฝนอย่างเข้มงวดแบบต่อเนื่อง ไม่มีการอู้หรือเกียจคร้าน กองทัพรุ่ยหลินถึงยังรักษาชื่อเสียงของตัวเองเอาไว้ได้
จวินชิงมองทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพก็ต้องผ่านการฝึกโหดกันแล้ว ในแววตาของเขาไม่มีความเมตตาเลยสักนิด ความยากลำบากที่พวกเขาเผชิญอยู่ในตอนนี้จะเพิ่มโอกาสให้พวกเขารอดชีวิตกลับมาจากสนามรบที่พวกเขาจะต้องเผชิญในอนาคตได้
พวกผู้เยาว์ที่ผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นเหล่านี้ สุดท้ายจะยังอยู่กับกองทัพรุ่ยหลินหรือไม่นั้นก็ยังไม่อาจรู้ได้ เนื่องจากอีกหนึ่งปีข้างหน้ากองทัพรุ่ยหลินจะดำเนินการคัดกรองอีกรอบ ทุกคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์จะต้องออกจากกองทัพรุ่ยหลิน
“ท่านอ๋องน้อย!” หลงฉีวิ่งเข้ามาข้างในอย่างเร่งรีบและกระซิบสองสามคำข้างหูของจวินชิง
ใบหน้าที่ดุดันของจวินชิงพลันเปล่งประกายด้วยความดีใจ เขาสั่งให้พวกทหารใหม่ฝึกฝนต่อไป ก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปจากลานฝึก
กลุ่มผู้เยาว์ที่ถูกจวินชิงฝึกโหดเงยหน้าขึ้นพลางหอบหายใจ พวกเขาเห็นจวินชิงวิ่งจากไป สีหน้าของทุกคนดูงงงวยอย่างมาก