ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 131 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (5) ตอนที่ 132 ของขวัญแทนคำขอบคุณ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 131 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (5) ตอนที่ 132 ของขวัญแทนคำขอบคุณ (1)
ตอนที่ 131 นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น (5)
จวินเสี่ยนสูดลมเย็นเข้าปอด แม้ว่าเขาจะคาดเดาแผนการของจวินอู๋เสียได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่านางจะสามารถจัดการได้อย่างเฉียบขาด ไร้ที่ติ และรุนแรงเช่นนี้
นางเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กันเชียว
แม้ว่าจวินอู๋เสียจะเป็นหลานสาวของตัวเอง มันก็ยังทำให้เขาตกใจจนไม่อาจสรรหาคำใดมาบรรยายได้
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่ค่อยได้ออกไปไหนในอดีต บัดนี้ได้เติบโตและกลายเป็นคนที่เด็ดขาดและโหดเหี้ยมมากกว่าบุรุษหลายคนเสียอีก นี่หัวใจของนางต้องแข็งแกร่งมากแค่ไหนกัน
จริงอยู่ที่ว่าคนพวกนั้นไม่ใช่จวินอู๋เสียเป็นผู้ลงมือสังหารด้วยมือของนางเอง แต่นางก็เป็นคนออกคำสั่งทั้งหมด ทำให้เมืองหลวงแห่งนี้ถูกย้อมไปด้วยเลือด
ไม่เพียงแค่จวินเสี่ยนเท่านั้น แม้กระทั่งจวินชิงและมั่วเฉี่ยนยวนเองต่างก็รู้สึกตกตะลึงกับวิธีการจัดการควบคุมสถานการณ์ของจวินอู๋เสีย
มั่วเฉี่ยนยวนจ้องมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความตกใจระคนชื่นชมยินดี
นับเป็นโชควาสนาของเขาที่ได้เป็นพันธมิตรกับจวินอู๋เสียตั้งแต่เนิ่นๆ มิฉะนั้นยากจะจินตนาการได้ว่าตัวเขาจะถูกนางสังหารไม่ช้าก็เร็ว
“เจ้า…ที่เรียกให้ข้ากลับมากับเจ้าด้วย คงไม่ใช่เพื่อให้ฟังเรื่องพวกนี้เท่านั้นกระมัง เจ้ากำลังพยายามปกป้องข้าอยู่ใช่หรือไม่” มั่วเฉี่ยนยวนตระหนักรู้ได้ในทันทีว่าเหตุผลที่จวินอู๋เสียขอให้เขามาพักที่จวนหลินอ๋องเป็นการชั่วคราว มิได้ง่ายดายอย่างเช่นที่ตาเห็น
จวินอู๋เสียปรายตามองเขาอย่างเงียบๆ ถือเป็นการยอมรับโดยปริยาย
“เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าหลังจากเสร็จสิ้นเรื่องทั้งหมดในคืนนี้ คนผู้นั้นจะต้องพิโรธหนักอย่างแน่นอน แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่กล้าแตะต้องจวนหลินอ๋อง ทว่ากับข้านั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง หากข้ายังรั้งอยู่ที่ตำหนักหลินยวนต่อ พระองค์จะต้องคิดหาวิธีพยายามกำจัดข้าแน่ ยิ่งเมื่อเจ้าประกาศแสดงตัวออกไปว่าได้จับมือร่วมเป็นพันธมิตรกับข้าแล้ว ในสถานการณ์ล่อแหลมเช่นนี้ ย่อมไม่มีเวลาเหลือเฟือมาคิดสนสิ่งอื่นอีก มีแต่ต้องกำจัดข้าออกไปโดยเร็วที่สุดเท่านั้น และนี่ก็คือเหตุผลที่เจ้าเรียกให้ข้ากลับมาที่จวนหลินอ๋องกับเจ้าด้วย ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของข้า เพื่อปกป้องข้าจากเสด็จพ่อกระมัง” มั่วเฉี่ยนยวนเอ่ยสิ่งที่ตนคิดออกไป ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจวินอู๋เสียถึงได้อ้างข้ออ้างเช่นนั้นแล้วเรียกให้เขาตามกลับจวนมาพร้อมกับนาง
จวนหลินอ๋องได้ฉีกหน้าทำลายความสัมพันธ์ทั้งหมดกับฮ่องเต้อย่างสมบูรณ์แล้ว ฮ่องเต้เองแต่เดิมก็มิได้โปรดปรานมั่วเฉี่ยนยวน พอทั้งสองคนนี้เริ่มมีการติดต่อกันบ่อยครั้ง แน่นอนในค่ำคืนนี้พระองค์ย่อมเลือกกำจัดเสี้ยนหนามที่อยู่ข้างพระวรกายอย่างมั่วเฉี่ยนยวนก่อน
“เจ้าเองก็ไม่ได้โง่นี่” จวินอู๋เสียตอบกลับไปด้วยเสียงเบา
สีหน้าของมั่วเฉี่ยนยวนน่าเกลียดมากขึ้นทุกขณะ เขาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของเขา ไม่รู้ว่าควรตกใจกับเรื่องที่ผู้เป็นบิดาคิดสังหารเขาอย่างไม่ลังเลก่อนดี หรือว่าตกใจกับความคิดที่ละเอียดอ่อนมองการณ์ไกลของจวินอู๋เสียก่อนดี
“แค่ก…อู๋เสีย” จวินเสี่ยนกระแอมในลำคอเบาๆ เอ่ยปรามนางไปด้วยเสียงเข้ม สีหน้าขณะมองไปทางมั่วเฉี่ยนยวนฉายแววกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
หลานสาวของเขานี่ก็จริงๆ เลยเชียว นางไม่คิดไว้หน้าองค์รัชทายาทสักนิดเลยหรืออย่างไรกัน!
“ไม่เป็นไร ที่นางทำไปทั้งหมดก็เพื่อข้า อู๋เสียเป็นผู้มีพระคุณของข้า หากไม่มีนาง เกรงว่าป่านนี้ข้าคงกลายเป็นกระดูกสีขาวนอนอยู่ในโลงแล้ว” มั่วเฉี่ยนยวนกล่าวด้วยความรู้สึกเศร้าใจ ในน้ำเสียงฉายแววเย้ยหยันตัวเองเด่นชัด บิดาผู้ให้กำเนิดคิดแต่จะสังหารเขาให้รู้แล้วรู้รอด กลับเป็นคนนอกที่ยื่นมือเข้ามาช่วยชีวิตเขาไว้ นี่เป็นเรื่องตลกน่าเศร้าประเภทไหนกัน!
จวินเสี่ยนถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับราชวงศ์มาอยู่บ้าง
“ดูจากท่าทางของพวกเจ้า เหมือนว่าพวกเจ้าเคยหารือกันมาก่อนแล้วใช่หรือไม่” จวินชิงที่เงียบฟังอยู่ด้านข้างมานาน ตั้งข้อสังเกตหลังจากที่เห็นจวินอู๋เสียและมั่วเฉี่ยนยวนสนทนากัน ก่อนหน้านี้เขาเคยคิดว่ามีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือระหว่างทั้งคู่ จึงเข้าใจว่าสองคนนี้กำลังพัฒนาความสัมพันธ์กันอยู่ เนื่องจากเขาเห็นจวินอู๋เสียเดินทางไปที่ตำหนักหลินยวนขององค์รัชทายาทบ่อยครั้ง ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะลงเอยในรูปแบบนี้ ดูท่าก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเขาที่เข้าใจผิดคิดมากไปเอง
“ประมาณนั้นเจ้าค่ะ แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันจะถูกนำมาใช้จริงรวดเร็วเช่นนี้” จวินอู๋เสียตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งสงบ ไม่ทันสังเกตเห็นแววตาแปลกๆ ของจวินชิงเลยแม้แต่น้อย
กลับเป็นมั่วเฉี่ยนยวนที่ตระหนักถึงความเข้าใจผิดของจวินชิง ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาก้มศีรษะลงอย่างเขินอาย พยายามซ่อนมันจากสายตาของผู้อื่น
จวินชิงเห็นปฏิกิริยาที่แตกต่างกันของทั้งสองคนนี้ แต่ปัดเรื่องนี้ทิ้งไปก่อนเนื่องจากเวลานี้มีสิ่งสำคัญกว่าที่ต้องทำ
“อู๋เสีย เจ้ามีความคิดเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” จวินชิงไม่เข้าใจ จวินอู๋เสียเป็นเพียงเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อยู่แต่ในเรือนหลัง แทบไม่ค่อยได้ย่างเท้าออกจากจวนด้วยซ้ำ แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นางเริ่มคิดการใหญ่อย่างการเปลี่ยนตัวฮ่องเต้!
“ไม่กี่เดือนก่อนนี้เองเจ้าค่ะ” ความคิดนี้ปรากฏขึ้นตั้งแต่ที่นางกลับมาที่จวนหลินอ๋อง เพียงแต่แตกต่างกันเล็กน้อยที่ในคราแรกนางทำเพื่อตัวเอง แต่ทว่าตอนนี้นางทำเพื่อสกุลจวินทั้งหมด!
ตอนที่ 132 ของขวัญแทนคำขอบคุณ (1)
ทั้งจวินชิงและจวินเสี่ยนต่างก็เงียบไป พวกเขากำลังหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างเงียบๆ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเหตุการณ์มันจะบานปลายมาถึงขั้นนี้
ในเวลานั้น จวินอู๋เสียแทบไม่ได้ก้าวเท้าออกจากประตูจวนหลินอ๋องเลยด้วยซ้ำ แล้วความคิดอุกอาจเช่นนี้ของนางมีต้นตอมาจากไหน
สองพ่อลูกดึงจวินอู๋เสียให้นั่งพูดคุยกันต่ออีกพักหนึ่ง หลังจากระดมถามคำถามใส่นางไม่ยั้งและได้รับรู้ถึงแผนการทั้งหมดที่จวินอู๋เสียวางไว้ ทั้งสองคนก็ตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง จวินอู๋เสียไม่สนใจพวกเขา ปล่อยให้ทั้งคู่จมอยู่ในภวังค์ต่อไป ขณะที่ตนเองออกจากห้องเพื่อกลับไปพักผ่อน
ไม่รู้ว่าเป็นความบังเอิญหรือตั้งใจกันแน่ แต่เรือนพักที่จัดเตรียมไว้ให้มั่วเฉี่ยนยวนแม้จะอยู่ในตัวจวนหลินอ๋อง ทว่ากลับตั้งอยู่ที่ลานอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งมีระยะทางห่างจากเรือนพักของจวินอู๋เสียชนิดที่ว่าอยู่ไกลกันคนละโยชน์!
หลังจากรอดพ้นมาจากการสอบปากคำของจวินเสี่ยนและจวินชิง จวินอู๋เสียก็ผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก กลิ่นคาวเลือดรุนแรงที่ติดอยู่บนตัวของนางทำเอานางแทบจะประสาทเสียอยู่แล้ว สัตว์ร้ายสีดำขนาดมหึมาที่นอนขดอยู่ที่หน้าประตูห้อง เมื่อเห็นจวินอู๋เสียออกมาเสียทีมันก็รีบลุกขึ้นยืน ร่างใหญ่ของมันเข้ามาถูไถกับขาของจวินอู๋เสีย
เมี้ยววว
เจ้านาย วันนี้ท่านดูยิ่งใหญ่มากเลย!
“อย่าสร้างปัญหา ถอยไป สกปรกจะตายอยู่แล้ว” จวินอู๋เสียที่ก้มมองชุดกระโปรงเปื้อนเลือดของตัวเองย่นจมูกพลางขมวดคิ้วแน่น รีบสาวเท้ากลับไปให้ถึงเรือนพักของตัวเองโดยเร็วที่สุด
ร่างของสัตว์ร้ายสีดำเซไปด้านข้าง มันเปร่งแสงออกมาครั้งหนึ่ง ก่อนที่ร่างนั้นจะค่อยๆ หดตัวลงกลายเป็นลูกแมวสีดำตัวเล็ก แล้วกระโดดขึ้นไปเกาะไหล่ของจวินอู๋เสีย
ในที่สุดหนึ่งคนและหนึ่งแมวก็กลับมาถึงเรือนพัก แม้ศพของมือสังหารพวกนั้นจะถูกนำไปโยนทิ้งไว้ที่หน้าประตูวังหลวงหมดแล้ว แต่คราบเลือดบนพื้นยังคงหลงเหลืออยู่ ทั้งลานจึงเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นของคาวเลือดจนทำเอาหายใจไม่ออก บ่าวรับใช้หลายคนกำลังใช้แปรงขัดและพยายามล้างคราบเลือดด้วยน้ำสะอาด แต่เนื่องจากคราบเลือดที่ติดอยู่บนแผ่นหิน ซอกหิน และบนพื้นนั้นมีมากเกินไป เกรงว่าอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งกว่าจะทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย
เมื่อเห็นจวินอู๋เสียกลับมา บ่าวรับใช้จำนวนหนึ่งที่กำลังทำความสะอาดอย่างขะมักเขม้นก็ลุกขึ้น แล้วทำความเคารพนางอย่างนอบน้อม “พ่อบ้านได้สั่งให้พวกบ่าวเตรียมน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำไว้ให้คุณหนูแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูจะเข้าไปอาบน้ำตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ”
จวินอู๋เสียพยักหน้า ลุงฝูช่างรู้ใจนางเสียจริง กลิ่นคาวเลือดที่ติดอยู่ทั่วร่างของนางทำเอานางแทบจะคลั่งอยู่แล้ว
กลิ่นคาวเลือดที่หมุนเวียนอยู่รอบตัวนาง กระตุ้นเตือนให้จวินอู๋เสียนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนที่นางจะได้กลับมาเกิดใหม่ ฉากที่เต็มไปด้วยโลหิตสีแดงสด แม้จะถูกกลบฝังไว้ยังส่วนลึกของความทรงจำแล้ว แต่เมื่อกลิ่นคาวเลือดลอยขึ้นมาเตะจมูกอีกครั้ง ภาพเหล่านั้นก็ลอยขึ้นมาในหัวอย่างไม่อาจห้ามได้
ร่างบางเดินตรงกลับไปที่ห้องของนางอย่างไม่หยุดพัก จวินอู๋เสียวางแมวดำตัวน้อยลงในห้องนั่งเล่น แล้วเดินตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำที่มีน้ำร้อนเติมอยู่เต็มอ่าง ไอน้ำสีขาวขุ่นลอยขึ้นมาเหนืออ่างไม้
จวินอู๋เสียถอดเสื้อผ้าออกจนหมดสิ้น ผิวขาวเรียบเนียนราวกับหยกชั้นดีของนางสัมผัสกับอากาศหนาว นางตัวสั่นเล็กน้อย และรีบกระโดดลงไปในอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็ว น้ำอุ่นทำให้รูขุมขนทั้งร่างของนางเปิดออก หญิงสาวนอนแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำอย่างผ่อนคลายสบายใจยิ่ง
ความอุ่นของน้ำที่กำลังดี ทำให้ร่างกายที่ผ่อนคลายจนถึงขีดสุดเริ่มเกิดอาการง่วงนอนขึ้นมา จวินอู๋เสียแช่ตัวอยู่ในน้ำ ขณะที่เปลือกตาของนางก็ค่อยๆ หย่อนลงเรื่อยๆ
ขณะที่นางผล็อยหลับไปอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ตัวว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว แต่ที่แน่ๆ อุณหภูมิของน้ำที่นางแช่อยู่บัดนี้เริ่มให้ความรู้สึกเย็นขึ้น นางสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ขณะที่นางลืมตา จวินอู๋เสียก็ต้องตกตะลึง!
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับสวรรค์ประทานพรให้ เกยอยู่บนขอบอ่างไม้ที่นางนอนแช่อยู่ มุมปากของเขายกขึ้นบางเบา เป็นรอยยิ้มคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ดวงตาสีม่วงทรงเสน่ห์จ้องมาที่นางตาไม่กะพริบ
“…” จวินอู๋เสียจ้องตาเขากลับไป ไม่รู้ตัวเลยว่าจวินอู๋เย่าเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน
“ข้าคิดว่า ในเวลาแบบนี้เจ้าควรกรีดร้องนะ” จวินอู๋เย่ายกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง ส่วนมืออีกข้างก็ไล้นิ้วไปตามขอบอ่างไม้ นิ้วเรียวของเขาจะจุ่มลงในน้ำอุ่น ดวงตาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มมองผ่านไอน้ำจางๆ ไปทางจวินอู๋เสียอย่างร้อนแรง นัยน์ตาสีม่วงเข้มที่เคลื่อนไปมาช้าๆ เหมือนกำลังวาดคิ้วของนางอยู่
“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่” จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย นางถามขณะพยายามรวบรวมกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำมาปกคลุมตัวนางให้ได้มากที่สุด
“ถ้าข้าไม่อยู่ที่นี่ แล้วข้าควรไปอยู่ที่ไหนเล่า” จวินอู๋เย่าหัวเราะและถามกลับ
“เมื่อสักครู่เจ้าเพิ่งจากไป” จวินอู๋เสียไม่เห็นจวินอู๋เย่าระหว่างทางกลับ นางเคยชินกับการที่เขาหายตัวไปเป็นเวลานานแบบนี้แล้ว
จวินอู๋เย่าหัวเราะเบาๆ นิ้วที่เรียวยาวและสวยงามของเขาแตะอยู่บนน้ำอุ่น “กลิ่นเลือดบนตัวข้ามันแรงเกินไป หากไม่ชำระร่างกายให้สะอาดก่อนข้าจะกล้ามาเจอหน้าเจ้าได้อย่างไรกัน”