ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1325 ทรายดูด (1) ตอนที่ 1326 ทรายดูด (2)
ตอนที่ 1325 ทรายดูด (1) / ตอนที่ 1326 ทรายดูด (2)
ตอนที่ 1325 ทรายดูด (1)
ในป่ากร่อนกระดูกนั้น น้ำค้างแข็งสีขาวปกคลุมต้นไม้ทุกต้น ใบไม้ทุกใบ และเถาวัลย์ทุกเส้น ไม่ว่าจะมองจากที่ไกลๆ หรือยืนอยู่ท่ามกลางพวกมัน ก็จะรู้สึกว่ามันดูงดงามน่าหลงใหลมาก แต่สำหรับคนที่เข้าใจต้นกำเนิดของต้นกร่อนกระดูกจริงๆ พวกเขาจะไม่คิดเช่นนั้นแน่
ในป่ากร่อนกระดูกมีกองกระดูกให้เห็นที่โคนต้นไม้หลายต้น เนื้อเน่าเปื่อยสลายไปนานแล้ว เสื้อผ้าก็ไม่มีเหลือแล้ว เหลือเพียงกระดูกที่ไม่ครบสมบูรณ์
พิษของต้นกร่อนกระดูกนั้นมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง และในกองกระดูกที่เห็นนั้นสามารถพูดได้เลยว่าไม่มีอันไหนที่ครบสมบูรณ์ อาจจะหลงเหลืออยู่บ้างหลังโดนกัดกร่อนละลายไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นกระดูกแตกๆ หักๆ ที่มีคราบสีดำเปื้อนอยู่หลายแห่ง
ที่ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าซ่อนอันตรายไว้ในทุกๆ พื้นที่ ยิ่งรู้เกี่ยวกับสถานที่นี้มากเท่าไร ก็ยิ่งตกใจกับทุกอย่างในนั้นมากขึ้นเท่านั้น
สถานที่ทุกแห่งดูเหมือนจะวางแผนและเตรียมการกันมาอย่างละเอียดรอบคอบ และเป้าหมายของมันก็คือส่งคนที่มารบกวนการพักผ่อนชั่วนิรันดร์ของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิไปสู่ขุมนรก
หากไม่มีแผนที่ การจะค้นหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในเวลาแค่ไม่กี่ปี
กองกระดูกที่เกลื่อนพื้นพวกนั้นเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีที่สุด
ป่ากร่อนกระดูกพิสูจน์แล้วว่าเป็นพื้นที่ที่กว้างใหญ่มาก ใหญ่กว่าธารน้ำแข็งที่เต็มไปด้วยแท่งน้ำแข็งหลายเท่า พวกของจวินอู๋เสียจำเป็นต้องหลบต้นกร่อนกระดูกกันไปตลอดทาง ทำให้การเดินทางของพวกเขาล่าช้าไปมาก พวกเขาใช้เวลาถึงห้าวันเต็มในการเดินผ่านป่า มีหยุดพักช่วงสั้นๆ บ้าง แต่ไม่สามารถนั่งลงได้เลย
ต้นกร่อนกระดูกล้วนมีพิษทุกต้น พูดได้ว่าทั้งป่าเต็มไปด้วยพิษร้ายแรงถึงตาย การแตะต้องสิ่งใดในป่าเป็นเวลานานอาจทำให้พวกเขาเจอกับผลที่คาดไม่ถึงได้ ดังนั้น แม้ว่าจะมีอิงซู่อยู่ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าเสี่ยงนั่งลงอยู่ดี
อุณหภูมิที่หนาวจัดจนถึงกระดูก ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ได้ทำให้สภาพจิตใจของทุกคนแย่ลงเรื่อยๆ แต่ตามเครื่องหมายบนแผนที่ พวกเขาเพิ่งจะเดินทางไปได้แค่หนึ่งในสามเท่านั้น
ด้านล่างของผาสุดขอบฟ้านั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่ทุกคนคาดคิด
ในวันที่หกอุณหภูมิรอบตัวพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ความเย็นจัดที่มากพอจะทำให้โลหิตของพวกเขาแข็งตัวก็ดูเหมือนจะเริ่มอุ่นขึ้น อุณหภูมิที่สูงขึ้นทำให้พวกผู้เยาว์ที่ถูกทรมานมานานโล่งอกขึ้นบ้างเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าลดความระวังตัวลง
ในที่สุดก็ถึงวันที่เจ็ดพวกเขามองเห็นชายป่าแล้วและดีใจกันมาก
แต่ภาพที่เห็นหลังจากนั้นก็ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาค่อยๆ หายไป
ทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากป่ากร่อนกระดูก อุณหภูมิรอบตัวก็พุ่งสูงขึ้นหลายสิบองศาทันที!
เมื่อสักครู่ยังหนาวจัดจนเสียดกระดูกอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับร้อนจัดเหมือนอยู่กลางฤดูร้อน
ที่ชายป่าของป่ากร่อนกระดูกนั้นเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่ง ผืนทรายสีทองที่กว้างใหญ่ไพศาล สายลมที่พัดผ่านความแห้งแล้ง ทรายละเอียดที่ปลิวปะทะใบหน้าทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บแปลบๆ เหมือนโดนมีดเล่มจิ๋วแทง
ครู่ก่อนก็หนาวจนสั่นไปหมด แต่พอก้าวออกมาแค่ก้าวเดียวเท่านั้น พวกเฉียวฉู่ที่อยู่ในเสื้อผ้าหนาๆ ก็เหงื่อไหลชุ่มโชกเหมือนฝนตก!
ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา
“นี่มัน…เรื่องบ้า…อะไรเนี่ย…” เฉียวฉู่มองผืนทรายสีทองตรงหน้า ความร้อนระอุทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงก่ำทันที
เสื้อผ้าที่พวกเขาใช้รักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย ตอนนี้กลายเป็นเตาหลอมโอสถไปแล้ว ทั้งร่างเหมือนอยู่ในหม้ออบไอน้ำ ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบาย
การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างฉับพลันและสุดขั้วแบบนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึง ปรากฏการณ์ที่อธิบายไม่ได้นี้ขัดต่อกฎธรรมชาติมาก มันเหลือเชื่อมากเกินไป!
ตอนที่ 1326 ทรายดูด (2)
ระยะแค่ก้าวเดียว แต่แบ่งระหว่างความหนาวจัดกับร้อนจัดได้อย่างชัดเจนมาก ที่ชายป่ากร่อนกระดูกเหมือนมีใครกางบาเรียกั้นเขตที่สร้างเส้นแบ่งระหว่างสองฤดูกาลที่ตรงกันข้ามกันเอาไว้
หมอกหนาที่อยู่รอบตัวทุกคนมานานได้สลายไป ลมพายุทะเลทรายพัดผ่านพวกเขา เหมือนมีผ้าโปร่งคลุมทะเลทรายตรงหน้าพวกเขาเอาไว้
ในตอนนั้น แม้แต่จวินอู๋เสียก็ยังตกตะลึง
ตลอดชีวิตทั้งชาติก่อนและชาตินี้ นางเคยเห็นสิ่งแปลกๆ มามากมาย แต่ไม่เคยพบเจอปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
พื้นที่ติดกันแบบนี้ แต่อุณหภูมิของทั้งสองฝั่งกลับแตกต่างกันหลายสิบองศา
ก้าวเมื่อสักครู่หนาวจัดเสียดกระดูก ก้าวต่อมาร้อนระอุเหมือนอยู่กลางฤดูร้อน
อุณหภูมิและสภาพแวดล้อมแปลกๆ นี้ ตามปกติแล้วมันเป็นไปไม่ได้ แต่มันกลับเกิดขึ้นตรงหน้านางจริงๆ
“คนจากดินแดนเทพมารไม่ใช่คนแล้ว พวกเขาทำแบบนี้ได้อย่างไร” ใบหน้าของเฟยเยียนเต็มไปด้วยเหงื่อ การเปลี่ยนแปลงจากเย็นไปร้อนอย่างกะทันหันแบบนี้ทำให้ร่างกายของพวกเขาปรับตัวไม่ทัน
มันเหมือนจับคนที่แช่ในทะเลสาบน้ำแข็งมาหลายวันไปย่างไฟอย่างกะทันหัน ทำให้ร่างกายเหมือนกับจะระเบิดออกมา
สถานการณ์เช่นนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้ คนจากดินแดนเทพมารมีพลังมากขนาดที่ควบคุมสภาพอากาศได้เชียวหรือ!
“เป็นพลังกั้นเขตแดน” จวินอู๋เย่ายกมือขึ้นยื่นออกไปข้างหน้าเล็กน้อย ความรู้สึกแปลกๆ สัมผัสกับฝ่ามือของเขา แขนของเขายังรู้สึกเย็นอยู่ แต่นิ้วมือของเขาถูกห่อหุ้มด้วยความร้อนระอุแล้ว
ขั้วตรงกันข้ามของน้ำแข็งและไฟสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสวยงาม
จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วขึ้น
“พลังกั้นเขตแดนหรือ” จวินอู๋เสียถามพลางหันไปมองจวินอู๋เย่า
“สิ่งที่สามารถแบ่งพื้นที่สองแห่งออกจากกันได้ มันไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่การทำให้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้ ต้องใช้ความพยายามอย่างมากเลยทีเดียว” เสียงของจวินอู๋เย่ามีแววชื่นชม
นั่นทำให้เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยยืดอกขึ้นอย่างภูมิใจทันที
“พี่ใหญ่อู๋เย่า นี่ใช่เวลาชื่นชมพวกเขาหรือ” เฉียวฉู่อยากจะร้องไห้ ความหนาวเย็นทรมานเขาแทบตาย เขาอยากได้ความอบอุ่นสักหน่อย แต่นี่มันเกินความอบอุ่นไปไกลแล้วไม่ใช่หรือ
ไม่ต่างอะไรจากอยู่ในเตาหลอมโอสถเลย!
“การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันจากหนาวไปร้อนสามารถสร้างความเสียหายให้กับร่างกายได้อย่างมาก ถ้าปรับตัวไม่ทัน แค่การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอย่างเดียวก็ทำให้ตายได้แล้ว” จวินอู๋เสียอธิบายอย่างจริงจัง ต้องพูดเลยว่าคนจากดินแดนเทพมารนี้ เพื่อที่จะสร้างสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิแล้ว พวกเขาทุ่มสุดตัวจริงๆ แม้แต่อากาศและอุณหภูมิก็ยังเอามาใช้ พวกเขาทำงานหนักจนสุดความสามารถจริงๆ
แม้ว่านางจะยังไม่เคยติดต่อกับดินแดนเทพมาร แต่ในใจจวินอู๋เสียก็เริ่มมีภาพคร่าวๆ ของดินแดนเทพมารแล้วว่าเป็นอย่างไร
สถานที่ที่ภักดีต่อคนเพียงผู้เดียว แข็งแกร่งมากแต่ยังจงรักภักดีอย่างมั่นคง สิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิตายไป ก็ไม่มีใครสักคนในดินแดนเทพมารพยายามจะขึ้นมาแทนที่เขาเพื่อจะได้เป็นผู้นำคนใหม่ กลับกัน ในหลายปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาพยายามปกป้องศักดิ์ศรีเกียรติยศของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิอย่างเต็มที่ จนถึงขั้นยอมถอนตัวจากตำแหน่งผู้นำของสามโลกชั้นกลางมากกว่าจะเลือกผู้นำคนใหม่ขึ้นมาแทน
แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว ก็ทำให้จวินอู๋เสียชื่นชมมากแล้ว
เมื่อมองย้อนกลับไปตลอดชีวิตทั้งชาติก่อนและชาตินี้ของนาง ทุกอย่างที่นางเคยเห็นและได้ยินมานั้น นางไม่เคยพบประเทศไหนที่กล้าทำเช่นนี้
แม้ว่าดินแดนเทพมารจะมีช่วงเวลาที่โหดเหี้ยมดุร้าย แต่ปลายดาบของพวกเขาก็ชี้ไปทางศัตรูของพวกเขาเสมอ ไม่เคยชี้ไปทางผู้บริสุทธิ์เลย นั่นเป็นสิ่งที่หาดูได้ยากมาก