ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1341 สมบัติของสุสานเท) ตอนที่ 1342
ตอนที่ 1341 สมบัติของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ (3) / ตอนที่ 1342 สมบัติของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ (4)
ตอนที่ 1341 สมบัติของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ (3)
ยิ่งเห็นมากเท่าไร จวินอู๋เสียก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นว่าเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่เสียชีวิตไปนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด ทุกอย่างที่สลักไว้บนภาพจิตรกรรมฝาผนังแสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์และความสำเร็จอันน่าทึ่งของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่ไม่มีใครในสามโลกชั้นกลางเทียบได้เลย ในบรรดาภาพบนฝาผนังทั้งหมด มีภาพหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้กับจวินอู๋เสีย บุรุษสวมหน้ากากนั่งหลังตรงอยู่บนเก้าอี้สูง ตรงหน้าเขามีคนยี่สิบห้าคนคุกเข่าอยู่
เป็นการคุกเข่าเรียงตามลำดับชั้น
คนสี่คนคุกเข่าอยู่หน้าสุด โดยมีอีกเก้าคนอยู่ข้างหลัง และแถวที่สามก็คือสิบสองคนเป็นแถวสุดท้าย
ถ้าจวินอู๋เสียเดาไม่ผิดละก็ นั่นน่าจะเป็นยี่สิบห้าคนที่ยืนอยู่ปลายยอดปิรามิดในสามโลกชั้นกลาง
สี่โลก เก้าวัง และสิบสองตำหนัก…
ก่อนที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจะปรากฏตัวขึ้น คนพวกนี้แต่ละคนมีอำนาจเหนือส่วนหนึ่งของสามโลกชั้นกลาง แต่เมื่อเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมาพร้อมกับดินแดนเทพมาร บรรดาผู้มีอำนาจเหล่านี้ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องสละตำแหน่งจากจุดสูงสุดและยอมจำนนแทบเท้าของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ
นั่นคือความยิ่งใหญ่ของเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ
ผู้ปกครองที่มีอำนาจเพียงคนเดียวได้รับการยอมรับจากคนทั้งยี่สิบห้าคน เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษคนเดียวนั้น ทุกคนก็ทำได้แค่หมอบราบคาบแก้วต่อเขาโดยที่ไม่อาจโต้แย้งได้
จวินอู๋เสียเคยสู้กับคนจากสิบสองตำหนักมาก่อน นางรู้ว่าความแข็งแกร่งของสิบสองตำหนักนั้นไม่ใช่การพูดโอ้อวดเกินจริงเลย และคนที่นางเจอก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของสิบสองตำหนักเท่านั้น ยกเว้นบุรุษชุดเทาแล้ว ความแข็งแกร่งของคนอื่นๆ ก็น่าจะต่ำกว่าระดับกลางๆ ของสิบสองตำหนัก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ตอนที่ปะทะกัน พวกเขาก็ยังสู้ลำบากเลย
และระดับที่เหนือกว่าคนพวกนั้นผู้อาวุโสและจ้าวตำหนักของสิบสองตำหนัก
พลังระดับนั้นไม่ใช่สิ่งที่จวินอู๋เสียและสหายของนางจะเอาชนะได้ในเวลานี้
หนึ่งภูมิ สี่โลก เก้าวัง สิบสองตำหนัก…
สิบสองตำหนักอยู่อันดับล่างสุดในบรรดากลุ่มอำนาจทั้งหมดนี้ แต่เนื่องจากพวกเขามีจำนวนมากที่สุด และปกติจะร่วมมือกันต่อต้านคนภายนอก จึงสามารถรักษาชื่อสิบสองตำหนักเอาไว้ได้ ถ้าแค่ตำหนักเดียวลำพังละก็ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งภูมิเลย แค่กลุ่มอำนาจเดียวจากสี่โลกหรือเก้าวังก็สามารถบดขยี้พวกเขาให้ตายได้แล้ว!
จากปัจจัยเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าอำนาจของดินแดนเทพมารนั้นน่ากลัวจริงๆ ตามที่เขาลือกัน
ไม่เช่นนั้น หลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิตายไป ทำไมกลุ่มอำนาจต่างๆ ในสามโลกชั้นกลางถึงยังกลัวดินแดนเทพมารอยู่ และไม่กล้าที่จะให้เรื่องเกี่ยวกับการตามหาสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเปิดเผยออกไป
พวกเขามีชิ้นส่วนของแผนที่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่กล้าตามหาไปมากกว่านี้ แต่กลับแอบส่งมันลงไปที่สามโลกเบื้องล่างเพื่อให้คนจากสามโลกเบื้องล่างจัดการแทน ความกลัวที่มีต่อดินแดนเทพมารของพวกเขาต้องฝังรากลึกจนไม่กล้าแม้แต่จะเก็บแผนที่ไว้ในครอบครอง
“คนที่กดขี่ข่มเหงผู้อ่อนแอจะต้องได้รับผลกรรมตามมาแน่” จวินอู๋เสียอดเยาะเย้ยไม่ได้ สิบสองตำหนักโหดเหี้ยมไร้ความปรานีจนถึงขีดสุด แต่พวกเขาก็ยังต้องยอมสยบต่อดินแดนเทพมาร
โลกดำเนินไปด้วยกฎเดียวกันสำหรับทุกคน ถ้าไม่สามารถพัฒนาความแข็งแกร่งและปีนขึ้นไปยังตำแหน่งที่สูงกว่าได้ละก็ พวกเขาก็จะถูกคนอื่นขย้ำตายในที่สุด
เรือที่แล่นทวนกระแสน้ำจะไม่เดินหน้าไปได้ แต่จะถอยหลังแทน
จวินอู๋เสียเดินไปตามทาง แล้วจู่ๆ นางก็สังเกตเห็นแสงไฟเหนือหัวโอนเอนเล็กน้อย แสงไฟริบหรี่อยู่ช่วงหนึ่ง แล้วไฟที่ส่องทุกอย่างในทางเดินทั้งหมดก็สับสนวุ่นวายขึ้นมา
ประสาทสัมผัสของจวินอู๋เสียตื่นตัวขึ้นมาทันที ทุกๆ เซลล์ในร่างกายของนางตึงเครียดขึ้นด้วยความวิตกกังวล
เมื่อคำนวณจากช่วงเวลาที่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิถูกสร้างขึ้นและถูกผนึกเอาไว้ทุกด้าน ก็ไม่น่าจะมีใครเฝ้าอยู่ในนี้ เมื่อไม่มีทั้งอาหารและน้ำ การจะอยู่อาศัยที่นี่เป็นเวลาหลายร้อยปีถึงเกือบพันปีนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่มีสิ่งหนึ่งได้สร้างความสงสัยขึ้นในใจของจวินอู๋เสีย และทำให้นางไม่กล้าที่จะมั่นใจในเรื่องนี้มากเกินไปนัก
มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเวินอวี่…
เวินอวี่บังเอิญเข้ามาในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้ แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเองไปอยู่บนยอดผาสุดขอบฟ้าได้อย่างไร!
ตอนที่ 1342 สมบัติของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ (4)
นั่นเป็นจุดหนึ่งที่จวินอู๋เสียรู้สึกแปลกๆ ด้วยสภาพของเวินอวี่ในเวลานั้น ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขาจะสามารถออกจากสุสานได้ เนื่องจากตัวเขาไม่สามารถคงสติเอาไว้ได้ด้วยซ้ำ
อะไรที่ส่งเขาออกจากสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ
ถ้าเป็นคน อย่างนั้นก็น่าจะเป็นผู้พิทักษ์สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ แต่เวินอวี่เป็นผู้บุกรุกเข้าไปในสุสาน ทำไมผู้พิทักษ์ถึงไม่ฆ่าเขา แต่กลับส่งเขาออกไปข้างนอกแทนเล่า
และถ้าไม่ใช่ผู้พิทักษ์สุสาน เขาจะสามารถเคลื่อนไหวอย่างอิสระในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิได้อย่างไร
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง เงาสีดำก็ปรากฎขึ้นที่ปลายสุดของทางเดิน!
“เหมียว!!!” ขนบนหลังของเจ้าแมวดำตั้งชันขึ้น! สิ่งที่มันกลัวที่สุดก็คือ ‘ผี’ ที่หลายคนพูดถึง! มันกางกรงเล็บออกและเกาะไหล่ของจวินอู๋เสียแน่น มันกลัวจัดจนขนจะร่วงหมดแล้ว
“ผี! เหมียววว ผี!!!” เสียงร้องโหยหวนอย่างขวัญหนีดีฝ่อดังออกมาจากปากของเจ้าแมวดำตัวน้อย
ตอนแรกจวินอู๋เสียก็ไม่ได้ตกใจกลัว แต่พอได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากเจ้าแมวดำ นางก็ตกใจขึ้นมา
ตัวเองเป็นร่างวิญญาณแท้ๆ ยังจะกลัว ‘ผี’ อีกหรือ
บ้าหรือเปล่าเนี่ย
จวินอู๋เสียตัดสินใจในตอนนั้นว่า ถ้านางยังคงเดินในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิกับเจ้าแมวดำตามลำพัง ต่อให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าเจ้าแมวดำเล่นตกใจกับเรื่องเล็กน้อยทุกอย่างแบบนี้ละก็ แก้วหูของนางคงแตกในไม่ช้า
ทันใดนั้น จวินอู๋เสียก็สะบัดมือเรียกอิงซู่และดอกบัวขาวน้อยออกมา
เมื่อดอกบัวขาวน้อยปรากฏตัวและเห็นจวินอู๋เสีย ใบหน้าของเขาก็มีรอยยิ้มสดใสขึ้นทันที เขากางแขนอวบอ้วนออก อยากจะกระโจนเข้าใส่อ้อมแขนของจวินอู๋เสีย แต่สุดท้ายเขาก็เห็นอิงซู่ที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสีย เด็กน้อยหัวหดตัวสั่น แข็งทื่ออยู่กับที่ทันที
“เอ๋ ท่านผู้นั้น…ไม่ได้ตามเจ้านายมาด้วยหรือ” สายตาของอิงซู่กวาดมองไปรอบๆ ทางเดินที่มืดสลัว แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของจวินอู๋เย่า รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“หยุดไร้สาระได้แล้ว ที่นี่คือสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ ถ้าไม่อยากตายก็ทำตัวดีๆ” จวินอู๋เสียไม่มีอารมณ์มารับมือกับความเป็นเด็กของพวกเขา นางไม่กล้าผ่อนความระมัดระวังลงจากเงาที่เห็นเมื่อครู่ ถ้ามีคนจากดินแดนเทพมารอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยพลังของนางในตอนนี้ นางไม่แน่ใจว่าพวกนางจะสามารถรอดชีวิตไปได้หรือเปล่า
คนจากดินแดนเทพมารเคารพนับถือเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมาก ผู้พิทักษ์ที่พวกเขาให้ทำหน้าที่ปกป้องสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิย่อมไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน ถ้าพวกเขาเจอกันขึ้นมา จะต้องเกิดการต่อสู้รุนแรงขึ้นแน่
นางไม่กล้าหวังที่จะชนะด้วยซ้ำ แต่กำลังคิดว่านางจะรอดหรือเปล่ามากกว่า
สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมีขนาดใหญ่เกินไป ผลึกอัญมณีที่นางทุบทำลายก่อนหน้านี้ต้องเชื่อมโยงกับสวิตช์ที่ทำให้นางหล่นลงไปในสุสาน แต่ทางเข้านั้นถูกปิดผนึกทันที นางรออยู่ที่นั่นพักหนึ่งก็ไม่เห็นคนอื่นๆ ทำลายประตูหินเข้ามา จึงสันนิษฐานว่าทางนั้นถูกปิดผนึกอย่างสมบูรณ์ แม้แต่จวินอู๋เย่าก็ไม่สามารถเปิดได้
รอที่นั่นต่อไปก็คงไม่ช่วยอะไร นางจึงตัดสินใจหาทางออกจากสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิแทน
ในตอนนั้น จวินอู๋เสียรู้สึกขอบคุณที่ตัวเองมีภูติวิญญาณหลายตน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ นางอาจจะพอทำอะไรได้บ้าง
เมื่อมีอิงซู่กับดอกบัวขาวน้อยมาร่วม เจ้าแมวดำก็กล้าขึ้นเล็กน้อย แต่มันยังคงซ่อนตัวอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียไม่ยอมไปไหน
แต่พวกเขาเพิ่งจะก้าวไปได้สองก้าว ก็มีเงาดำแวบผ่านหน้าพวกเขาไปประมาณสิบเมตร!
ก่อนที่จวินอู๋เสียจะทันได้พูดอะไร อิงซู่ก็พุ่งตัวออกไปแล้ว ร่างสีแดงของเขากลายเป็นแสงฟ้าแลบสีแดงเพลิงภายใต้แสงไฟสลัว พุ่งตรงไปยังเงาดำ
“จี๊ด!”
เสียงร้องแหลมสูงแต่แผ่วเบาดังขึ้นทันที!