ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1405 ฮองเฮาเหล็ก (3) ตอนที่ 1406 เจรจา
ตอนที่ 1405 ฮองเฮาเหล็ก (3) / ตอนที่ 1406 เจรจา
ตอนที่ 1405 ฮองเฮาเหล็ก (3)
ภายในท้องพระโรง นอกจากจวินอู๋เสียแล้ว ก็มีจวินอู๋เย่าและพวกของเฉียวฉู่ยืนอยู่ทางด้านหนึ่ง สายตาของชวีหลิงเย่ว์มองไปทางพวกเขาแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย
เฉียวฉู่มองชวีหลิงเย่ว์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงในช่วงปีที่ผ่านมา สมองของเขาก็ดูเหมือนจะประมวลผลไม่ทันขึ้นมาทันที เขาหันหน้าไปกระซิบข้างหูของฮวาเหยาเบาๆ ว่า “นี่ใช่คนเดียวกับสาวน้อยจากเมืองพันอสูรคนนั้นหรือเปล่าเนี่ย ทำไมข้ารู้สึกว่านางกลายเป็นคนละคนกันเลยเล่า”
ชวีหลิงเย่ว์เปลี่ยนแปลงมากเกินไป จะโทษเฉียวฉู่ที่มีปฏิกิริยาเช่นนั้นไม่ได้หรอก แม้แต่พวกฮวาเหยาก็ยังสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของชวีหลิงเย่ว์ได้อย่างชัดเจน
“น้องเสียมองคนไม่ผิดจริงๆ” ฮวาเหยาพูดเสียงเบา
เฉียวฉู่พยักหน้าเห็นด้วยรัวๆ
ชวีหลิงเย่ว์ต้องใช้ความพยายามอย่างมากกว่าจะระงับความตื่นเต้นในใจลงได้ นางอยากถามมากว่า หนึ่งปีที่ผ่านมา จวินอู๋เสียเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่ แต่นางก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ นางเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฝ่าบาทเสด็จกลับวังครั้งนี้ เป็นเพราะเรื่องสัตว์ประหลาดพวกนั้นใช่หรือไม่เพคะ”
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่”
ชวีหลิงเย่ว์เข้าใจทันทีและไม่ได้พูดอะไรอีก นางตบมือและให้พวกข้าหลวงที่รออยู่ข้างนอกนำม้วนกระดาษทั้งหมดที่นางเตรียมเอาไว้เข้ามา
“นี่คือบันทึกการเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เชิญฝ่าบาททอดพระเนตรเพคะ” ชวีหลิงเย่ว์ให้ข้อมูลที่จวินอู๋เสียต้องการมากที่สุดโดยไม่ต้องเสียเวลาพูดจาทักทายหรือถามคำถามที่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย
ม้วนกระดาษพวกนั้นถูกส่งถึงมือของจวินอู๋เสีย และด้วยความทรงจำแบบภาพถ่ายของนางที่สามารถจำทุกอย่างที่เห็นผ่านตาได้ การตรวจสอบเอกสารทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับนาง
เอกสารทั้งหมดมีการจัดหมวดหมู่อย่างชัดเจน มันบันทึกรายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ที่พวกคนพิษปรากฏตัวครั้งแรก และสถานที่ทั้งหมดทุกครั้งที่กองทัพคนพิษเปิดฉากการต่อสู้ ในบันทึกได้รวมถึงจำนวนของพวกคนพิษและการสูญเสียของทั้งสองฝ่ายในการต่อสู้ ตัวอักษรเส้นเล็กและประณีตสวยงามทุกตัว ชวีหลิงเย่ว์เป็นคนเขียนด้วยตัวเอง เครือข่ายข้อมูลของรัฐเหยียนครอบคลุมไปทั่วทุกแห่ง ชวีหลิงเย่ว์ได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพวกคนพิษทั้งหมดมาจัดเรียงและทำเครื่องหมายอย่างเป็นระบบ ทำให้จวินอู๋เสียเข้าใจได้ทั้งหมดเพียงแค่มองผ่านเพียงครั้งเดียว
“รัฐที่พวกคนพิษปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก คือรัฐที่รัฐจิ้วเชิญไปในตอนนั้นทุกรัฐ หม่อมฉันได้ยินว่าเมืองหลวงของรัฐจิ้วมีสิ่งชั่วร้ายที่สามารถเปลี่ยนร่างกายคนได้ แต่จากการตรวจสอบของหม่อมฉัน พวกคนพิษไม่ได้ถูกสร้างจากกองกำลังที่เหลืออยู่รัฐจิ้ว แต่ถึงจะไม่เป็นเช่นนั้น มันก็น่าจะเชื่อมโยงกับรัฐจิ้วไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเพคะ” ชวีหลิงเย่ว์กล่าวด้วยเสียงที่ชัดเจน
จวินอู๋เสียมองบนเอกสารซึ่งเป็นแถวที่ระบุจำนวนผู้เสียชีวิต และนางก็ค้นพบอย่างรวดเร็วว่าที่ไหนก็ตามที่มีกองทัพของรัฐเฉียว รัฐเหยียน หรือรัฐชีไปเป็นกำลังเสริม ยอดคนเสียชีวิตถูกควบคุมให้อยู่ในจำนวนที่ยอมรับได้ ดีกว่าที่นางเคยคิดเอาไว้มาก
“ทุกแห่งที่มีทหารของรัฐเหยียน รัฐชี และรัฐเฉียวอยู่ จำนวนการรบลดลงมาก พวกเจ้าค้นพบวิธีจัดการคนพิษพวกนั้นแล้วหรือ” จวินอู๋เสียมองไปที่ชวีหลิงเย่ว์ นางเชื่อในความแข็งแกร่งของกองทัพรัฐเหยียนและรัฐชี แต่กระทั่งสถานที่ที่มีการกำลังเสริมจากรัฐเฉียวก็ยังเกิดปรากฏการณ์แบบเดียวกัน มันจึงเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงพอสมควร
ถึงอย่างไร รัฐเฉียวก็ไม่ได้มีรากฐานที่มั่นคงและไม่ได้มีกองทัพที่ร้ายกาจเหมือนกองทัพรุ่ยหลิน ดังนั้นความแข็งแกร่งที่พวกเขาแสดงออกมาจึงค่อนข้างน่าแปลกใจ
ชวีหลิงเย่ว์มองจวินอู๋เสียอย่างประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากงงอยู่ครู่หนึ่ง นางก็หัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าเป็นสีชมพูระเรื่อ นางมองจวินอู๋เสียพลางพูดว่า
“ฝ่าบาททรงลืมไปแล้วหรือเพคะ”
“อะไร” จวินอู๋เสียถามอย่างสงสัย
“ก็ของที่ฝ่าบาททิ้งเอาไว้ให้อย่างไรเล่าเพคะ” ชวีหลิงเย่ว์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนที่ 1406 เจรจา
“ครั้งสุดท้ายที่ฝ่าบาทออกจากวัง ท่านไปที่รัฐชีและมอบของสำคัญมากให้แก่หลินอ๋องแห่งรัฐชี เป็นเพราะของสิ่งนี้แหละเพคะที่ทำให้รัฐเหยียนเราและอีกสองรัฐแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนฝ่าบาทจะลืมเรื่องนี้ไปหมดแล้ว” ชวีหลิงเย่ว์พูด ทันใดนั้นนางก็ปล่อยพลังวิญญาณออกมา นางมีพรสวรรค์ไม่เลวเลย แต่เมื่อเทียบกับปีศาจอย่างจวินอู๋เสีย ก็ยังไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึง ในตอนที่นางปล่อยพลังวิญญาณออกมา พลังวิญญาณรอบตัวนางก็พลันเปลี่ยนเป็นสีม่วง!
พลังวิญญาณขั้นสีม่วงนั้นไม่ได้รุนแรงและบริสุทธิ์เท่าพลังวิญญาณของพวกจวินอู๋เสีย และคงอยู่ได้ไม่กี่วินาทีก่อนจะหายไป
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือพลังวิญญาณขั้นสีม่วง!
“เพิ่มระดับพลังวิญญาณชั่วคราวอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียขมวดคิ้ว เข้าใจทันทีว่าชวีหลิงเย่ว์กำลังพูดถึงอะไร
ตอนที่นางออกจากรัฐชี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น นางจึงมอบวิธีการเพิ่มระดับพลังวิญญาณชั่วคราวให้กับจวินเสี่ยน และขอให้เขาส่งต่อทักษะนี้ให้กับคนในรัฐพันธมิตรทั้งสามรัฐ เพื่อให้พวกเขามีพลังที่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้
มันเป็นการกระทำที่รอบคอบมากของจวินอู๋เสีย ที่ทำให้กองทัพของทั้งสามรัฐมีอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อต้านคนพิษ
สำหรับพลังวิญญาณขั้นสีแดง เวลาที่จะคงพลังวิญญาณขั้นสีม่วงเอาไว้ได้นั้นจะสั้นมากๆ แต่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย พลังที่ระเบิดออกมาแค่นาทีเดียวก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้!
“หลินอ๋องมอบทักษะนี้ให้กับหม่อมฉันและท่านราชครูของรัฐเฉียว และกระตุ้นให้พวกเราสอนทักษะนี้ให้กับประชาชนด้วย แม้ว่าพวกเราจะมีเวลาเรียนรู้ค่อนข้างสั้น แต่ก็เห็นแล้วว่ามันได้ผล” ชวีหลิงเย่ว์ยิ้ม ตอนแรกที่นางเห็นทักษะนี้ นางแทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีทักษะที่น่าอัศจรรย์แบบนี้อยู่ในโลกด้วย
แทบทุกคนในกองทัพรัฐเหยียนได้เรียนทักษะนี้ แม้ว่าพลังวิญญาณของพวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังสามารถระเบิดพลังวิญญาณได้ในทันที
และเมื่อผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงนับล้านคนรวมตัวกัน ต่อให้พวกเขารักษาระดับพลังวิญญาณไว้ได้แค่สามสิบวินาที มันก็เพียงพอที่จะทำให้แผ่นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว!
รัฐชีและรัฐเฉียวได้รับสืบทอดรัฐจิ้วมา ทำให้ความแข็งแกร่งของกองทัพพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อรวมกับกองทัพรัฐเหยียน ก็อาจกล่าวได้ว่า พวกเขาคือกองกำลังพันธมิตรที่น่าเกรงขาม เป็นเพราะกองทัพของทั้งสามรัฐมีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ จึงสามารถยกทัพไปเป็นกำลังเสริมให้กับรัฐอื่นๆ ได้ ไม่อย่างนั้น ด้วยความโหดของพวกคนพิษ แค่จะปกป้องตัวเองยังยากเลย
จวินอู๋เสียพยักหน้า นางรู้ดีว่าผลของทักษะนั้นรุนแรงแค่ไหน ทักษะที่นางไขออกมาได้จากคำพูดสุดท้ายที่ “อาจารย์” ของนางทิ้งอาไว้
ไม่ใช่แค่กองทัพของสามรัฐเท่านั้น แม้แต่ประชาชนทั่วไปที่ไม่เคยเข้าร่วมกองทัพก็ได้เรียนทักษะนี้ ทักษะนี้ได้แพร่หลายไปทั่วทั้งสามประเทศ เด็กที่เพิ่งเริ่มฝึกพลังวิญญาณก็ได้รับการสอนทักษะนี้แล้ว
อาจกล่าวได้ว่า ต่อให้ทั้งสามรัฐไม่มีกองทัพคอยดูแลพรมแดนของตัวเอง แค่ประชาชนของพวกเขาก็เพียงพอที่จะเอาชนะกองทัพคนพิษได้
พวกคนพิษแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับคนทั่วไป แต่เมื่อมีทักษะเพิ่มระดับขั้นพลังวิญญาณชั่วคราว ถึงแม้จะแค่ครู่เดียวก็ตาม ก็เพียงพอที่จะทำลายพวกคนพิษได้แล้ว!
ขณะที่พวกเขากำลังคุยกัน ราชครูเวินอวี่และเหลยเซินก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ บุรุษทั้งสองก้าวเข้าไปในท้องพระโรง และมองจวินอู๋เสียที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยความประหลาดใจ พวกเขาคุกเข่าลงทำความเคารพทันที
ในขณะเดียวกัน สายตาสงบนิ่งของเวินอวี่ก็ตื่นตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นจวินอู๋เสีย คนอื่นๆ อาจไม่ได้สังเกต แต่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังของจวินอู๋เสียในตอนนี้ได้ขึ้นถึงขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้ว!
ในช่วงเวลาสั้นๆ แค่หนึ่งปี นางได้พัฒนาจากพลังวิญญาณขั้นสีครามไปเป็นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงจริงๆ!