ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1417 ผู้ใจบุญ (2) ตอนที่ 1418 ผู้ใจบุญ (3)
ตอนที่ 1417 ผู้ใจบุญ (2) / ตอนที่ 1418 ผู้ใจบุญ (3)
ตอนที่ 1417 ผู้ใจบุญ (2)
บุรุษที่ยืนอยู่ด้านหน้ากลุ่มนั้นหน้าตาดีและท่าทางสง่างาม เขามีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับอยู่บนใบหน้า ขณะที่มองพวกผู้ลี้ภัยที่มารวมตัวกันใกล้ๆ
“อืม” จากนั้นบุรุษคนนั้นก็พยักหน้าให้กับคนของเขาที่อยู่ข้างๆ
คนพวกนั้นถือกล่องไม้อยู่ในมือ และเมื่อพวกเขาได้รับสัญญาณจากบุรุษคนนั้น ก็เปิดกล่องออกเผยให้เห็นหมั่นโถวสีขาวราวหิมะที่ยังมีไอร้อนอยู่ ดูน่ากินมาก
ผู้ลี้ภัยทั้งสองฝั่งฮือฮาขึ้นทันทีเมื่อเห็นหมั่นโถวสีขาวพวกนั้น พวกเขาถูกจัดให้อยู่ที่นี่ชั่วคราว แม้ว่าจะไม่ต้องกังวลเรื่องการโจมตีจากพวกคนพิษอีก แต่ชีวิตที่นี่ก็ไม่ได้ดีอะไรนัก แค่เรื่องอาหารในแต่ละวันก็เป็นปัญหาที่ทำให้พวกเขาปวดหัวมากแล้ว แม้ว่าเมืองชิงเฟิงจะแจกจ่ายวอวอโถวให้พวกเขาทุกวัน แต่มันก็มีปริมาณไม่มากนัก
ทุกคนสามารถรับวอวอโถวได้วันละไม่เกินสองชิ้น วอวอโถวที่มีขนาดครึ่งฝ่ามือจะทำให้พวกเขาอยู่ได้ทั้งวันนั้นเป็นเรื่องยากจริงๆ จำนวนอาหารที่เมืองชิงเฟิงส่งมาทำให้พวกเขาหลายคนยังหิวกันอยู่
หลังจากกินไม่พอในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา จู่ๆ ก็มีคนนำอาหารมาให้มากมาย พวกผู้ลี้ภัยจึงไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้
พวกเขาอยากจะกระโจนเข้าไปฉกหมั่นโถวพวกนั้นเต็มที แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรั้งตัวเองเอาไว้และจ้องมองกลุ่ม ‘ผู้ใจบุญ’ ที่แต่งกายหรูหราด้วยความอยาก
พวกผู้ติดตามรีบส่งหมั่นโถวให้ผู้ลี้ภัยที่รออยู่รอบๆ คนละหนึ่งก้อน แม้ว่ามันจะไม่มาก แต่หมั่นโถวก็ทำให้พวกเขาอิ่มได้มากกว่าวอวอโถวแห้งๆ แข็งๆ ที่ทางการแจก
ผู้ลี้ภัยถือหมั่นโถวเอาไว้ในมือ และรีบขอบคุณผู้นำกลุ่มที่หน้าตาดีคนนั้น ทุกคนแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
บุรุษคนนั้นพยักหน้าและยิ้มให้พวกคนแก่และเด็ก รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
นอกจากหมั่นโถว ในกล่องยังมีพวกติ่มซำอีกด้วย มันถูกส่งให้พวกเด็กๆ ติ่มซำไม่ใช่ของหรูหราอะไร แต่สำหรับเด็กๆ ยากไร้ที่ไม่มีที่อยู่ พวกมันเป็นของดีที่หายากมาก เสียงหัวเราะที่ไร้เดียงสาอย่างมีความสุขของพวกเด็กๆ ดังขึ้นในค่ายผู้ลี้ภัย
“ช่วงนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง” หัวหน้ากลุ่มมองดูผู้ลี้ภัยเกือบสองร้อยคนที่อยู่รอบๆ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ได้รับอนุญาตให้เข้ามาในเมืองก็ดีมากแล้ว เราจะบ่นได้อย่างไรว่าที่นี่ดีหรือไม่ดี พวกเราแก่แล้ว ขอแค่มีข้าวกินก็พอ เราแค่สงสารเด็กๆ พวกนี้ พวกเขายังเด็กมาก…” หญิงชราบางคนอดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ พวกเขาแก่แล้ว ใกล้จะลงโลงเต็มที แต่เด็กๆ ที่เป็นหลานของพวกเขาซึ่งเข้าเมืองมาพร้อมพวกเขา มีจำนวนไม่น้อยที่ล้มป่วยระหว่างทางจากความเหนื่อยยากในการเดินทางที่ต้องเร่งรีบหลบหนี
ตอนนี้พวกเขาเข้ามาในเมืองชิงเฟิงแล้ว แต่เพราะสถานการณ์ที่น่าอับอายในกระเป๋าเงินของพวกเขา พวกเขาจึงไม่สามารถพาเด็กๆ ไปหาหมอได้
บุรุษคนนั้นมองเด็กๆ ที่ป่วย แล้วหรี่ตาลง แววตาทอประกายชั่วร้ายขึ้นมาแวบหนึ่ง มันเร็วมากจนคนอื่นไม่ทันเห็น จากนั้นก็กลับเป็นรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนเดิม
“เด็กพวกนี้ป่วยอย่างนั้นหรือ” บุรุษคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
สตรีหลายคนที่อุ้มเด็กเล็กไว้ในอ้อมแขนพากันเช็ดน้ำตา
“ใช่แล้ว เด็กพวกนี้ยังเล็ก ร่างกายยังอ่อนแอ เจอเรื่องหวาดผวาไม่หยุดหย่อน เกรงว่าลมร้ายจะเข้าไปในร่าง…” หญิงชราพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด นางมอง ‘ผู้ใจบุญ’ ตรงหน้าอย่างลังเล
บุรุษคนนั้นดูเหมือนจะรู้ว่าหญิงชราต้องการอะไร จึงพูดขึ้นว่า “ข้ามีโอสถวิเศษอยู่ ก็ไม่ใช่ของดีอะไรนัก แต่อาจจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยของเด็กได้บ้าง” พูดจบ เขาก็ให้ผู้ติดตามของเขานำขวดบรรจุโอสถวิเศษไปวางในมือของหญิงชราคนนั้น
“เอ้า ให้เด็กกินโอสถวิเศษนี้พร้อมกับน้ำ หลังจากนั้นพวกเขาก็น่าจะดีขึ้น” บุรุษคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หญิงชราขอบคุณชายคนนั้นไม่หยุด นางไม่ได้มีความหวังมากนัก แต่เขาก็ตอบสนองคำขอที่ไม่ได้พูดของนางอย่างไม่คาดคิด
ตอนที่ 1418 ผู้ใจบุญ (3)
“ท่านผู้ใจบุญ! ท่านเป็นคนดีจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน เด็กๆ พวกนี้คงทรมานมาก ข้าขอขอบคุณท่านผู้ใจบุญแทนทุกคนด้วย พวกเราเป็นหญิงแก่กับเด็กที่อ่อนแอ ไม่มีอะไรตอบแทนท่านได้เลย ขอท่านรับการคารวะจากข้าด้วย!” พูดจบหญิงชราก็จะคุกเข่าลงคำนับ แต่บุรุษคนนั้นก็รั้งแขนทั้งสองข้างของนางเอาไว้
“คำพูดของแม่เฒ่าทำให้ข้าละอายใจนัก โลกเกิดกลียุคขึ้น แต่ข้ากลับอ่อนแอเกินกว่าจะต่อสู้กับศัตรูเพื่อปกป้องประเทศ ทำได้แค่อยู่ที่นี่คอยช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ แม่เฒ่าไม่ต้องเกรงใจ ถ้าในอนาคตต้องการอะไรก็ไปหาข้าที่ฝูหยวนถังที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองได้ทุกเมื่อ ข้าชื่อลั่วซี เป็นเจ้าของฝูหยวนถัง” ลั่วซีพูดด้วยรอยยิ้ม
หญิงชรารู้สึกซาบซึ้งใจมาก นางมองลั่วซีที่หน้าตาดีและอ่อนโยน เชื่ออย่างแท้จริงว่าเขาคือคนที่ดีที่สุดในโลก
หลังจากสตรีที่มีลูกป่วยคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดของลั่วซีก็รู้สึกประหลาดใจมาก ตั้งแต่หนีภัยมา พวกนางไม่ได้พบเจอคนดีมีน้ำใจเช่นนี้มานานแล้ว
“ท่านผู้ใจบุญเป็นเจ้าของฝูหยวนถังนี่เอง ฝูหยวนถังเป็นร้านขายโอสถวิเศษที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชิงเฟิง ข้าเคยได้ยินมาว่าฝูหยวนถังมักจะช่วยผู้ลี้ภัยบ่อยๆ ไม่นานมานี้เด็กของครอบครัวหนึ่งป่วยหนัก พวกเขาเป็นผู้ลี้ภัยที่หนีมาจากเมืองอื่น ไม่มีเงินติดตัวเลย แต่หลังจากขอร้องฝูหยวนถัง ฝูหยวนถังก็ช่วยเด็กโดยไม่เก็บเงินเลยสักอีแปะ แถมยังรับครอบครัวนั้นให้ช่วยงานที่ร้านด้วย ตอนนี้ครอบครัวนั้นก็สบายเลย” คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็ประกาศความดีของลั่วซีให้ผู้คนรับรู้ทันที
กลุ่มคนที่เพิ่งเข้าเมืองรู้สึกอิจฉาอย่างมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น ดูจากการแต่งกายของลั่วซีก็รู้ได้ว่าธุรกิจบ้านเขารุ่งเรืองทีเดียว แถมยังเป็นคนใจดีอีกด้วย พวกเขาจึงไว้ใจลั่วซีอย่างเต็มที่โดยไม่รู้ตัว
ถึงอย่างไร พวกเขาที่เป็นผู้ลี้ภัยก็ไม่มีทั้งเงินและอำนาจ ดังนั้นลั่วซีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเสแสร้ง เนื่องจากพวกเขาไม่มีอะไรจะให้เขาได้
ลั่วซีอยู่ในค่ายผู้ลี้ภัยอีกพักหนึ่งก่อนจะจากไปพร้อมผู้ติดตาม ตอนที่เขากลับออกไป ผู้ลี้ภัยต่างพากันมาส่งเขาตลอดทาง คำพูดขอบคุณดังเข้าหูลั่วซีอย่างต่อเนื่อง
แต่ทว่า หลังจากลั่วซีเดินออกจากค่ายผู้ลี้ภัยได้ไม่นาน รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาขมวดคิ้วมองมือทั้งสองข้างของตัวเองพร้อมพูดด้วยความรังเกียจว่า “สกปรกชิบหาย!”
“คุณชาย นี่ขอรับ” ผู้ติดตามคนหนึ่งส่งผ้าเช็ดหน้าสะอาดให้เขาทันที
ลั่วซีดึงผ้าจากมือของผู้ติดตามและเช็ดมืออย่างโกรธเกรี้ยวอยู่พักหนึ่ง “สะอิดสะเอียนจนแทบอ้วก ทำไมที่นี่มันถึงได้เหม็นขนาดนี้ ให้ตายเถอะ ยัยแก่หนังเหี่ยวนั่นจะคุกเข่าทำบ้าอะไร บังคับให้ข้าต้องแกล้งพยุงมันขึ้นมา โคตร…ขยะแขยง”
ใบหน้าของลั่วซีแสดงความรังเกียจออกมาอย่างโจ่งแจ้ง แตกต่างจากภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนในค่ายผู้ลี้ภัยก่อนหน้านี้ราวกับคนละคน
“คุณชายระงับความโกรธหน่อยเถอะขอรับ ทำไมต้องทำให้ตัวเองหัวเสียกับยัยแก่แบบนั้นด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าน้อยจะให้คนมาจัดการนางนะขอรับ” ผู้ติดตามที่ยืนอยู่ข้างๆ พูด
ลั่วซียังคงขมวดคิ้ว “ไม่ต้อง”
“ปล่อยให้ยัยแก่นั่นมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหน่อย รอจนกว่าคนใหม่ที่เข้ามารู้ว่าข้าดีแค่ไหนก่อน ตอนนั้นค่อยฆ่ามันก็ยังไม่สาย ตอนนี้มันยังมีประโยชน์อยู่”
“ขอรับ”
“เอาล่ะ รีบกลับกันเถอะ อย่าปล่อยให้นายท่านรอนาน” ลั่วซีโยนผ้าเช็ดหน้าลงบนพื้นถนนแล้วก้าวยาวๆ จากไป
พวกลูกสมุนของเขาก็รีบตามไปอย่างกระตือรือร้น
น่าเสียดายที่ลั่วซีผู้ชั่วร้ายไม่ได้สังเกตเห็นเลยแม้แต่นิดเดียวว่า ทุกคำพูดและทุกการกระทำของเขา ถูกคนอื่นเห็นเข้าเสียแล้ว
จวินอู๋เสียยืนอยู่ในเงามืด เฝ้ามองลักษณะท่าทางที่แตกต่างกันทั้งก่อนและหลังของลั่วซี มุมปากของนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็นชา
“พวกหน้าไหว้หลังหลอก” เจ้าแมวดำที่นอนอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียพูดขึ้น “บุรุษคนนี้จิตใจชั่วร้ายจริงๆ นางแค่แสดงความขอบคุณ แต่เขากลับอยากฆ่านาง เลวจริงๆ! เจ้านาย เจ้าหมอนี่ต้องมีอะไรสักอย่างแน่ เขาต้องเป็นไอ้สารเลวจากสิบสองตำหนักแน่ๆ!”