ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1433 สมคบคิด (2) ตอนที่ 1434 สมคบคิด (3)
ตอนที่ 1433 สมคบคิด (2) / ตอนที่ 1434 สมคบคิด (3)
ตอนที่ 1433 สมคบคิด (2)
“เจ้า…เจ้าว่าอะไรนะ ช่วยผู้ลี้ภัยหมายความว่าอย่างไร” เจ้าเมืองมองลั่วซีอย่างตกใจ
ทันทีที่ลั่วซีเห็นปฏิกิริยาของเจ้าเมือง เขาก็รู้ว่าเจ้าเมืองไม่รู้เรื่องมาก่อนเลย ลั่วซีขมวดคิ้วเล็กน้อย เริ่มรู้สึกแปลกๆ ถ้าเป็นคำสั่งของท่านผู้นั้น เขากับเจ้าเมืองก็น่าจะได้รับการบอกกล่าวบ้าง ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ควบคุมทุกอย่างในเมืองชิงเฟิงไว้แล้ว สถานการณ์ก็คงที่ไม่มีสะดุด จู่ๆ มีเด็กหนุ่มโผล่มาจากไหนไม่รู้ มันแปลกจริงๆ
“เจ้านั่น หลังจากซื้อบ้าน ก็รื้อบ้านและสร้างหอพักขึ้นมาใหม่ แล้วอนุญาตให้ผู้ลี้ภัยย้ายเข้าไปอยู่ที่นั่น ข้าได้ยินว่าพวกนั้นไม่ได้แค่จัดหาที่พักฟรีให้เท่านั้น แต่ยังไม่เก็บค่าอาหารและน้ำดื่มด้วย” ลั่วซีพูดขณะมองดูเจ้าเมือง
หน้าของเจ้าเมืองเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูขึ้นมาทันที “เจ้านั่นคิดจะทำอะไร ผู้ลี้ภัยที่ข้าอนุญาตให้เข้ามาในเมืองส่วนใหญ่เป็นแค่คนแก่กับสตรีที่มีเด็กเล็ก คนส่วนใหญ่ไม่สนใจพวกนั้นหรอก ขยะอย่างนั้นถ้าโยนลงไปบนถนนก็ไม่ต่างอะไรกับขอทาน แล้วใครจะทำเรื่องทั้งหมดนี้ให้คนพวกนั้นกัน”
เจ้าเมืองหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “หรือจะเป็นคนที่ท่านผู้นั้นส่งมา เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านผู้นั้นมีแผนอื่น”
ลั่วซีส่ายหัวและพูดว่า “ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ที่จริงวันนี้ข้าไปที่นั่นมาแล้ว ตั้งใจจะไปดูเสียหน่อยว่าอีกฝ่ายมีเจตนาอะไร แต่เขาไม่ยอมมาพบข้า บ้านในเมืองชิงเฟิงทั้งหมดถูกขายโดยคนของเจ้า อย่างน้อยคนของเจ้าก็น่าจะรู้สิว่าคนซื้อเป็นคนแบบไหน”
คำเตือนของลั่วซีทำให้เจ้าเมืองคิดได้ เขารีบส่งคนไปพาตัวเจ้าของร้านมาที่นี่ทันที เมื่อเจ้าของร้านเห็นเจ้าเมือง เขาก็คุกเข่าหมอบกราบทันที ใบหน้ามีรอยยิ้มประจบประแจง
“ท่านเจ้าเมืองเรียกข้าน้อยมาวันนี้ ไม่ทราบว่ามีคำสั่งอะไรหรือขอรับ” เจ้าของร้านกระวนกระวายใจเล็กน้อย
“วันก่อน เด็กหนุ่มที่มาซื้อบ้านไปจำนวนมากนั่น เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเขาบ้าง” เจ้าเมืองถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ตอนแรกที่เจ้าของร้านรายงานเรื่องนี้กับเขา เขาก็ทำเหมือนมีไอ้โง่หล่นลงมาจากสวรรค์ หย่อนทองคำลงบนตักเขากองเบ้อเริ่ม จึงไม่ได้ถามถึงตัวตนของเด็กหนุ่มคนนั้นเลย แค่ปัดไปว่าเป็นผู้ลี้ภัยที่ร่ำรวยมหาศาลซึ่งหลบหนีมาจากที่อื่น
แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่ลั่วซีพูดวันนี้ เจ้าเมืองก็ตระหนักได้ว่าผู้ซื้อไม่ได้มีที่มาที่ไปเรียบง่ายแบบนั้น ไม่อย่างนั้นจะอธิบายได้อย่างไรว่า เหตุใดเด็กหนุ่มคนหนึ่งจึงใช้ทองคำจำนวนมหาศาลซื้อบ้านตั้งมากมาย และไม่ได้เอาไว้อยู่เอง แต่กลับมอบให้เป็นที่พักของผู้ลี้ภัยที่ไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอะไรเลย
เจ้าของร้านคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เจ้าเมืองจะถามเรื่องของจวินอู๋เสีย ตอนแรกเขาก็คิดจะตอบไปง่ายๆ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจ้าเมือง เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่จวินอู๋เสียเข้ามาในร้านจนกระทั่งซื้อบ้าน และวิธีที่นางไปหาช่างก่อสร้างเพื่อสร้างหอพัก เปิดเผยทุกอย่างที่เขารู้โดยไม่ตกหล่นรายละเอียดใดๆ เลย
“ตอนแรกลูกค้าคนนั้นบอกว่าอยากหาคนสร้างบ้านใหม่ ข้าน้อยก็คิดว่ามันแปลกๆ อยู่ ด้วยความอยากรู้ ข้าน้อยจึงถามไปสองสามครั้ง แต่ลูกค้าคนนั้นเป็นคนที่เย็นชามาก ไม่ยอมตอบอะไรเลย หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้น ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ”
“จากที่เจ้าพูด คนคนนั้นตั้งใจจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้วน่ะสิ” เจ้าเมืองขมวดคิ้วครุ่นคิดก่อนจะไล่เจ้าของร้านออกไป
“ทุ่มเงินจำนวนมากซื้อบ้าน แล้วลงทุนสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อให้เป็นที่อยู่ของผู้ลี้ภัย เจตนาของคนคนนี้ไม่ธรรมดาแน่” เจ้าเมืองกล่าวอย่างครุ่นคิด
มุมปากของลั่วซียกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน “ข้าไม่รู้หรอกว่ามันมีเจตนาอะไร แต่มีอย่างหนึ่งที่ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้ว”
ตอนที่ 1434 สมคบคิด (3)
“อะไร” เจ้าเมืองถามโดยเร็ว
ลั่วซีส่งเสียงฮึออกมาอย่างเย็นชา “เจ้านั่นไม่ได้ทำงานให้ท่านผู้นั้น”
“เจ้าแน่ใจได้อย่างไร” เจ้าเมืองงงเล็กน้อย
ลั่วซีชำเลืองมองเจ้าเมือง ดวงตาของเขาฉายแววดูถูกแวบหนึ่ง แต่ก็สามารถปกปิดเอาไว้ได้ “ง่ายมาก ท่านผู้นั้นแข็งแกร่งขนาดไหนเล่า และตอนนี้เมืองชิงเฟิงก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้ากับข้าแล้ว ถ้าท่านผู้นั้นอยากได้อะไร ทำไมต้องทำเรื่องยุ่งยากอย่างการให้คนใช้เงินจำนวนมากซื้อบ้านด้วย ถ้าท่านผู้นั้นอยากได้บ้าน ก็แค่บอกเจ้าให้จัดการแทนที่จะใช้ทองคำพวกนั้นก็ได้แล้ว”
ในที่สุดเจ้าเมืองก็เข้าใจ เขานึกถึงจำนวนเงินที่จวินอู๋เสียใช้ไปกับบ้านพวกนั้น มันไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อยเลย!
“นอกจากนี้ ยังมีอีกอย่างหนึ่ง เจ้ากับข้าก็รู้ดีถึงสาเหตุที่ท่านผู้นั้นสั่งให้เราปล่อยผู้ลี้ภัยพวกนั้นเข้ามาในเมือง สิ่งที่พวกผู้ลี้ภัยได้ในตอนนี้ มันขัดกับความต้องการของท่านผู้นั้นไม่ใช่หรือไง อย่าบอกข้านะว่าท่านผู้นั้นอยากดูแลผู้ลี้ภัยจนพวกมันแข็งแรงสุขภาพดี ก่อนจะส่งไปตายด้วยพิษที่อื่น” ลั่วซีกระจ่างทันที ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียใช้เงินไปเท่าไรเพื่อซื้อบ้านพวกนั้น ตอนที่ได้ยินเจ้าของร้านพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็ตกใจมาก นั่นเกือบทำให้เขาแน่ใจว่าคนที่อยู่ทางเหนือของเมืองไม่ใช่คนที่ท่านผู้นั้นส่งมา
“บัดซบ ถ้าท่านผู้นั้นไม่ได้ส่งเจ้านั่นมา อย่างนั้นเจ้านั่นคิดจะทำอะไร” เจ้าเมืองโมโหมาก
ลั่วซีส่ายหน้า เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้อีกฝ่ายแค่จัดหาที่พักให้กับผู้ลี้ภัย ยังไม่ได้เปิดเผยอย่างอื่นออกมา
“ทำไม…ไม่ปล่อยให้เจ้านั่นทำไปเล่า ถึงอย่างไรค่าใช้จ่ายแต่ละวันที่ต้องใช้ไปกับผู้ลี้ภัยก็ไม่ใช่จำนวนเล็กน้อย ในเมื่อมันอยากช่วยเราเลี้ยงผู้ลี้ภัยพวกนั้น เราก็จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้บ้าง ไม่ดีหรือ” เจ้าเมืองทำหน้าเจ้าเล่ห์ ดวงตาไม่สามารถซ่อนความโลภเอาไว้ได้
ลั่วซีส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา สีหน้าเคร่งขึ้นมาทันที “เจ้ามันคิดเอาแต่ได้ ปกติผู้ลี้ภัยพวกนั้นก็กินแต่วอวอโถวแข็งๆ เย็นๆ เจ้าเสียเงินสักเท่าไรเชียว ท่านผู้นั้นสั่งให้เจ้าปล่อยคนแก่ สตรีอ่อนแอกับเด็กเข้าเมืองวันละสามร้อยคน แต่เจ้าก็แอบให้คนของเจ้ารับสินบนปล่อยพวกพ่อค้าที่ร่ำรวยเข้าเมืองมา ใช้โควต้าไปส่วนหนึ่ง เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าท่านผู้นั้นจะไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย”
เจ้าเมืองใจหายวาบ การอนุญาตให้พวกพ่อค้าที่ร่ำรวยเข้าเมืองมานั้น เป็นการแอบตัดสินใจที่เขาทำลับหลังท่านผู้นั้น เมื่อเจ้าเมืองนึกถึงอำนาจของท่านผู้นั้น หลังของเขาก็ชุ่มเหงื่อทันที
“คุณชายลั่ว…ดู…ดูเจ้าพูดเข้าสิ…” เจ้าเมืองฝืนหัวเราะ
“เฮอะ! ข้าจะบอกให้นะ ท่านผู้นั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าในใจเจ้าคิดอะไร แต่ท่านทำเป็นหลับตาข้างหนึ่ง ปล่อยให้เจ้าทำกำไรได้บ้าง แต่ถ้าเจ้าบังอาจทำให้แผนการของท่านผู้นั้นชักช้าขึ้นมาละก็ ผลที่ตามมาไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะรับได้แน่ๆ! ท่านผู้นั้นต้องการพวกที่อ่อนแอขี้โรค ปล่อยให้พวกมันอยู่ที่ค่ายผู้ลี้ภัย แค่ไม่ตายก็พอ ถ้าพวกมันได้กินดีอยู่ดี เจ้าคิดว่ายังจะควบคุมพวกมันได้ง่ายๆ อยู่อีกหรือเปล่า เก็บความคิดนั้นไว้กับตัวเองเถอะ มีผู้ลี้ภัยอยู่แค่พันกว่าคน เจ้ายังอยากประหยัดเงินเล็กน้อยพวกนี้อีก ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือไง!” ลั่วซีทนดูนิสัยโลภมากของเจ้าเมืองไม่ไหวแล้ว ถ้าเขาไม่ได้เป็นเจ้าเมืองชิงเฟิง ลั่วซีก็ไม่อยากจะเกลือกกลั้วกับคนอย่างเขา
หลังจากโดนลั่วซีตักเตือน เจ้าเมืองก็หน้าซีดขาวทันที
“เรื่องนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้าจัดการ ถ้าจัดการไม่ได้ก็ไปอธิบายกับท่านผู้นั้นเอาเอง! อย่าลืมว่าลูกน้องของเจ้าเป็นคนขายบ้านให้เด็กหนุ่มคนนั้น!” พูดจบ ลั่วซีก็ลุกขึ้นและเดินจากไปทันที ไม่อยากจะอยู่ในจวนเจ้าเมืองต่ออีกแม้แต่นาทีเดียว