ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1441 มาหาที่ตายอีกแล้ว (1) ตอนที่ 1442 มาหาที่ตายอีกแล้ว (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1441 มาหาที่ตายอีกแล้ว (1) ตอนที่ 1442 มาหาที่ตายอีกแล้ว (2)
ตอนที่ 1441 มาหาที่ตายอีกแล้ว (1) / ตอนที่ 1442 มาหาที่ตายอีกแล้ว (2)
ตอนที่ 1441 มาหาที่ตายอีกแล้ว (1)
เจ้าเมืองกำลังจิบชาชุดใหม่ที่ได้มาอยู่ในจวน ขณะที่นางบำเรอของเขาคุกเข่าบีบนวดขาให้กับเขา ดูผ่อนคลายสบายใจมาก
แต่ผ่านไปไม่กี่อึดใจ คนรับใช้ในจวนเจ้าเมืองก็วิ่งเข้ามาข้างในอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของเขาซีดขาวขณะที่คุกเข่าลงตรงหน้าเจ้าเมือง
“ลุกลี้ลุกลนอะไรขนาดนั้น ไม่มีมารยาท” เจ้าเมืองบ่นด้วยความไม่พอใจ เขาขมวดคิ้วพลางยกถ้วยชาขึ้น
“ท่านเจ้าเมือง! เกิดเรื่องแล้วขอรับ!” คนรับใช้พูดเสียงดัง
“เกิดเรื่อง เมืองชิงเฟิงสงบสุขมาตลอด จะเกิดเรื่องอะไรได้” เจ้าเมืองพูดอย่างไม่สนใจ
“หลิวเอ้อร์…หลิวเอ้อร์ยังไม่กลับมา…”
เจ้าเมืองขมวดคิ้ว หลิวเอ้อร์คืออันธพาลรับจ้างที่เขาเลี้ยงไว้ในจวน ด้วยคำสั่งของท่านผู้นั้น เจ้าเมืองพยายามอย่างหนักที่จะรักษาภาพลักษณ์ผู้มีคุณธรรมของเขาเอาไว้ แต่เรื่องที่ไม่ควรให้ใครรู้ เขาก็จะให้หลิวเอ้อร์ไปจัดการ วันนี้เขาก็สั่งให้หลิวเอ้อร์ไปทางเหนือของเมืองเพื่อสร้างปัญหาให้กับหอพักพวกนั้น
“ยังไม่กลับมา เจ้าหลิวเอ้อร์จอมขี้เกียจนั่นชักจะอู้งานมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว” เจ้าเมืองพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
แต่คนรับใช้กลับตอบว่า “ไม่ใช่…ข้าน้อยเพิ่งส่งคนขึ้นไปดูที่ทางเหนือของเมือง แล้วได้ยินว่าพวกของหลิวเอ้อร์ถูกฆ่าตายหมดแล้วขอรับ!”
เสียงของแตกดังขึ้น ถ้วยชาในมือเจ้าเมืองหล่นกระแทกพื้นแตกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาของเขาเบิกกว้างจ้องมองคนรับใช้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าว่าอะไรนะ ใครฆ่าหลิวเอ้อร์!”
“ข้าน้อยไม่ทราบขอรับ ได้ยินแค่ว่าคนที่หลิวเอ้อร์พาไปที่ทางเหนือของเมืองถูกฆ่าตายทั้งหมด แต่ใครเป็นคนทำนั้นไม่ทราบจริงๆ ขอรับ”
“ไอ้คนไร้ประโยชน์!” เจ้าเมืองลุกพรวดขึ้น หลิวเอ้อร์ช่วยเขาทำงานหลายอย่างจนเรียบร้อย แม้ว่าเขาจะเป็นคนอวดดี แต่ก็หัวไวและรู้วิธีใช้ไม้อ่อนไม้แข็งเป็นอย่างดี ไม่เคยทำเรื่องผิดพลาดใหญ่โตเลยสักครั้ง คิดไม่ถึงว่าการสั่งให้หลิวเอ้อร์ไปสร้างปัญหาให้พวกผู้ลี้ภัยที่อยู่ทางเหนือของเมืองและขับไล่กาฝากพวกนั้นออกไปจากที่นั่น จะทำให้หลิวเอ้อร์ถูกฆ่าตาย!
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นก็คือ คนของเขาไม่สามารถหาคนร้ายที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้ด้วยซ้ำ!
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่! พวกเจ้ามันโง่ เลี้ยงเสียข้าวสุก! คนตายตั้งสิบกว่าคน! แต่ไม่มีใครรู้เรื่องอะไรเลยเนี่ยนะ!” ใบหน้าของเจ้าเมืองเปลี่ยนสีเป็นน่าเกลียด เขาคิดว่าปัญหาทางตอนเหนือของเมืองจะสามารถจัดการได้ง่ายๆ ถึงกับสั่งให้ร้านปล่อยข่าวเรื่องจะมีหอพักวางขาย
แต่หลังจากผ่านไปแค่ครึ่งวัน สิ่งต่างๆ ก็พลิกผันเกินกว่าที่เขาจะคาดคิด!
คนรับใช้ถูกด่าสาดเสียเทเสีย เขาตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าสลดว่า “ข้าให้คนแทรกซึมเข้าไปในนั้นเพื่อพยายามค้นหาความจริงเกี่ยวกับการตายหลิวเอ้อร์จากพวกผู้ลี้ภัยแล้ว แต่คนพวกนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนแรกก็ดูเหมือนจะหลอกได้ง่ายๆ แต่พอพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนก็พากันหลีกเลี่ยงไม่ยอมพูด เราไม่สามารถหาข้อมูลอะไรจากพวกเขาได้เลยขอรับ”
“ไอ้ขยะ! ขยะมันทั้งกลุ่ม!” ความอารมณ์ดีของเจ้าเมืองสลายหายไปกับสายลมทันที เขาไม่สนใจเรื่องการตายของหลิวเอ้อร์ สิ่งที่ทำให้เขาร้อนใจก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นทางตอนเหนือของเมือง ถ้าเขาไม่สามารถไล่ผู้ลี้ภัยพวกนั้นออกจากหอพักได้ ท่านผู้นั้นจะต้องตำหนิเขาอย่างแน่นอน
“ไปเดี๋ยวนี้เลย! ไปเตรียมพร้อมให้ข้าเดี๋ยวนี้! รวบรวมกองทหารของเมืองแล้วตามข้าไปที่ทางเหนือของเมือง! ข้าอยากจะเห็นจริงๆ ว่าใครกันที่บังอาจมาทำเรื่องโหดเหี้ยมในเมืองชิงเฟิง!” เจ้าเมืองพูดเสียงดังด้วยความโกรธ ถ้าเป็นเรื่องอื่นเขาจะไม่สนใจก็ได้ แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของท่านผู้นั้น เขาจะทำเป็นนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้!
ตอนที่ 1442 มาหาที่ตายอีกแล้ว (2)
ไม่นาน เจ้าเมืองพุงใหญ่ก็นำกองทหารเดินขบวนไปทางเหนือของเมือง นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่ และเมื่อเขาเห็นหอพักที่เรียงรายเป็นแถว เขาก็คันยุบยิบในหัวใจจนยากจะทนไหว แต่เขารู้ว่าเขาต้องกำจัดผู้ลี้ภัยพวกนั้นก่อน
เมื่อผู้ลี้ภัยได้ยินว่าเจ้าเมืองนำกองทหารจำนวนมากมาที่เมืองทางเหนือ สีหน้าของทุกคนก็มีความยินดี ไม่ว่าสภาพความเป็นอยู่ที่พวกเขาเคยอยู่จะเป็นแบบไหน แต่ในใจของพวกเขาก็ยังรู้สึกว่าเจ้าเมืองชิงเฟิงที่เต็มใจให้ที่พักพิงกับพวกเขานั้น เป็นคนที่มีจิตใจเมตตาและรักประชาชน แม้ว่าจะเห็นกองทหารขนาดใหญ่ที่เขานำมาที่นี่ ทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกกังวลเลยแม้แต่น้อย
“ท่านเจ้าเมืองมา! ท่านเจ้าเมืองต้องมาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นแน่!”
“เจ้าเมืองเป็นคนดี ถ้าเขารู้ว่ามีอันธพาลมาข่มเหงผู้คน เขาจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเราแน่!”
หลังจากได้เห็นเหตุการณ์นองโลหิตกับตาตัวเอง พวกผู้ลี้ภัยที่ยังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อเห็นเจ้าเมืองปรากฏตัว ทุกคนพากันวิ่งเข้าไปหาทีละคน พลางเอ่ยปากยกย่องสรรเสริญเจ้าเมือง
เจ้าเมืองพยายามอย่างหนักที่จะยิ้มอย่างเป็นมิตร ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความรังเกียจพวกผู้ลี้ภัยที่มารุมล้อมอยู่รอบๆ ตัวเขา พอคิดว่ากาฝากพวกนี้กำลังยึดครองสถานที่ดีๆ แบบนี้และขัดขวางเขาจากการหาเงินจำนวนมาก เขาก็อยากจะสั่งทหารให้ฟันขยะพวกนี้ให้ตายให้หมดจริงๆ!
ในใจเขากำลังสาปแช่งผู้ลี้ภัยทุกคนให้ตายและไปเกิดใหม่ให้เร็วๆ แต่เพื่อรักษาภาพลักษณ์ความเป็นคนดีมีเมตตาเอาไว้ เจ้าเมืองจึงฝืนทำหน้ายิ้มแย้มใจดี และพยายามใช้น้ำเสียงที่เป็นมิตรอย่างเต็มที่
“ช่วงนี้พวกเจ้าทุกคนต้องลำบากกันแล้ว แม้ว่าเมืองชิงเฟิงจะไม่ใช่เมืองที่เจริญรุ่งเรือง แต่ตราบใดที่ข้ายังอยู่ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเจ้าต้องโดนข่มเหงรังแก! วันนี้ข้าได้ยินว่ามีคนมาสร้างความเดือดร้อน ทำให้ข้าโกรธมาก ถึงพวกเจ้าจะไม่ใช่คนที่เกิดและเติบโตที่เมืองชิงเฟิงนี่ แต่ตั้งแต่วันแรกที่พวกเจ้าก้าวเข้ามาในเมืองชิงเฟิง ข้าก็ถือว่าเจ้าเป็นพลเมืองของเราแล้ว ถ้าใครกล้าข่มเหงพวกเจ้า ข้าจะต้องทวงความเป็นธรรมให้พวกเจ้าอย่างแน่นอน!” เจ้าเมืองกล่าวอย่างหนักแน่น ดูเหมือนขุนนางที่เข้มงวดและมีใจเป็นธรรม คำพูดของเขาน่าฟังเป็นอย่างมาก
ผู้ลี้ภัยที่รู้สึกสำนึกในบุญคุณของเจ้าเมืองอยู่แล้วก็พากันแสดงความขอบคุณทันที
“ท่านเจ้าเมือง วางใจได้เจ้าค่ะ อันธพาลพวกนั้นโดนจัดการเรียบร้อยแล้ว!” ใครบางคนพูดด้วยความยินดี ไม่ได้สังเกตเห็นแววตาชั่วร้ายที่แวบขึ้นมาในดวงตาของเจ้าเมืองเลย
เจ้าเมืองเหยียดหยันอยู่ในใจ แต่ใบหน้ายังแสดงสีหน้ายินดี “โอ้ ถูกจัดการแล้วหรือ ข้าเพิ่งได้ข่าวว่ามีพวกอันธพาลมาสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน ก็เลยพาคนของข้ามาที่นี่เพื่อจับพวกมันไปเข้าคุก ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะสามารถจัดการได้เร็วขนาดนี้ แบบนี้ข้าก็โล่งอกแล้ว หวังว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บนะ”
พวกผู้ลี้ภัยต่างแย่งกันเล่าให้เจ้าเมืองฟังถึงการกระทำของอันธพาลพวกนั้น แต่พอพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับหญิงชรากับหลานและสตรีนางนั้นกับบุตรชาย ใบหน้าของพวกเขาก็แฝงความรู้สึกผิดและละอายใจ
“ท่านเจ้าเมืองวางใจได้ เรื่องนี้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณชายจวินก็ส่งคนไปรักษาอาการบาดเจ็บของหญิงชราคนนั้นแล้ว”
เจ้าเมืองยิ้มและพยักหน้า หัวข้อการสนทนาเปลี่ยนไปทันที “ข้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนดูแลจัดการเรื่องนี้ จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของข้าที่เป็นเจ้าเมือง แล้วข้าก็ล้มเหลวไม่สามารถแก้ไขให้ทันเวลาได้ ดังนั้นข้าจึงอยากขอบคุณคนที่ช่วยพวกเจ้าทุกคนอย่างไม่เห็นแก่ตัวเป็นการส่วนตัวเสียหน่อย”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าเมือง ผู้ลี้ภัยสองคนก็กำลังจะเปิดปากพูด แต่พวกเขาก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าของพวกเขาถูกคนอื่นที่อยู่ข้างหลังดึงเอาไว้ พวกเขาจึงปิดปากทันที ไม่มีใครกล้าเปิดเผยเบาะแสเกี่ยวกับผู้ร้ายตัวจริงที่ฆ่าหลิวเอ้อร์เลยแม้แต่น้อย