ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1451 ใครสอบสวนใครกันแน่ (3) ตอนที่ 1452 ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1451 ใครสอบสวนใครกันแน่ (3) ตอนที่ 1452 ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง (1)
ตอนที่ 1451 ใครสอบสวนใครกันแน่ (3) / ตอนที่ 1452 ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง (1)
ตอนที่ 1451 ใครสอบสวนใครกันแน่ (3)
คนที่ได้รับเลือกให้เป็นพาหะ ส่วนใหญ่เป็นคนอ่อนแอขี้โรค เนื่องจากร่างกายของพวกเขาอ่อนแอ ความต้านทานยาและแบคทีเรียของพวกเขาจึงไม่แข็งแรง หลังจากถูกฉีดแบคทีเรียเข้าไปไม่นาน พวกเขาก็จะตาย พอพวกเขาตาย แบคทีเรียก็จะแพร่กระจายอย่างเงียบๆ ไม่มีใครทันสังเกต แล้วพวกเขาก็จะบรรลุวัตถุประสงค์ที่ชั่วร้าย
การที่ท่านผู้นั้นให้เมืองชิงเฟิงรับคนสูงอายุ สตรีอ่อนแอ และเด็กเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เจตนาของเขาคงเหมือนกับสงครามแบครีเรียนั่น เพียงแค่แบคทีเรียจากชาติก่อนของจวินอู๋เสียถูกแทนที่ด้วยยาชนิดหนึ่งซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายเพื่อให้ได้ผลแบบเดียวกัน ถ้านางคิดถูก คนถูกให้กินยาพวกนั้นต้องถูกส่งไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วสามโลกเบื้องล่างอย่างลับๆ
ภายใต้ความสับสนวุ่นวายของสงครามและการต่อสู้ จึงเกิดผู้ลี้ภัยจำนวนนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน การได้เจอผู้ลี้ภัยที่สับสนและเจ็บป่วยไม่ใช่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจจากใคร และเนื่องจากคนเหล่านั้นมีภูมิคุ้มกันและความต้านทานยาต่ำ การตายของพวกเขาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านผู้นั้นเรียกร้องเอาแต่คนแก่ สตรีอ่อนแอ และเด็กให้เข้ามาในเมือง นอกจากนั้นสภาพเลวร้ายที่ผู้ลี้ภัยจำเป็นต้องอยู่ยิ่งทำให้พลังชีวิตของผู้ลี้ภัยเหล่านั้นหมดลงไปอีก เมื่อครบเจ็ดวัน ร่างกายของพวกเขาก็อ่อนแอถึงที่สุด มันจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการใช้พวกเขาให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เลวทรามต่ำช้า!
ใช้มนุษย์เป็นพาหะในการแพร่กระจายพิษ วิธีการที่ชั่วร้ายเช่นนั้นทำให้เย็นยะเยือกไปทั้งสันหลังจริงๆ เมื่อนางนึกภาพผู้ลี้ภัยสามร้อยคนที่มีพิษอยู่ในร่างกายถูกส่งไปตามที่ต่างๆ ในสามโลกเบื้องล่างทุกวัน จวินอู๋เสียก็รู้สึกได้ถึงไฟโทสะที่โหมกระหน่ำอยู่ภายในอก กองทัพคนพิษได้รับการเสริมกำลังทุกวัน พวกมันจึงมีมาเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด และที่มาของทั้งหมดก็คือคนที่นี่
ขนาดคนอย่างจวินอู๋เสียก็ยังอดรู้สึกโกรธไม่ได้
“ตอนนี้ท่านผู้นั้นอยู่ที่ไหน” จวินอู๋เสียถามด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกน่ากลัว
“ข้า…ข้าไม่รู้…ท่านผู้นั้นเคยเจอกับข้าแค่ครั้งเดียว หลังจากนั้นคำสั่งทั้งหมดที่ท่านผู้นั้นสั่งข้าก็ส่งผ่านมาทางลั่วซี เรื่องเกี่ยวกับท่านผู้นั้น…ลั่วซีรู้ดีกว่าข้ามาก! ข้า…ข้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ …” เจ้าเมืองเริ่มโอดครวญ
จวินอู๋เสียนิ่งเงียบ คำพูดของเจ้าเมืองฟังดูเหมือนไม่ได้โกหก ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ลั่วซีสามารถสั่งเจ้าเมืองได้จริงๆ ไม่อย่างนั้น พอพบว่าผู้ลี้ภัยย้ายออกจากค่าย คนแรกที่มาปรากฏตัวในสองคนนี้ไม่ใช่เจ้าเมือง แต่เป็นลั่วซีที่มาก่อปัญหา
“วันนี้เจ้าจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ข้าไม่เคยมาที่จวนเจ้าเมืองและไม่เคยได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด” จวินอู๋เสียพูด
เจ้าเมืองมองจวินอู๋เสียอย่างมึนงง น้ำมูกน้ำตายังคงเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า
“หมาย…หมายความ…ว่าอย่างไร…”
“บอกลั่วซีว่าวันนี้เจ้าทำไม่สำเร็จ ให้เขาหาวิธีอื่น” จวินอู๋เสียลุกขึ้น เจ้าเมืองชิงเฟิงเป็นแค่หมากตัวหนึ่งบนกระดานหมากรุก หากจะตกปลาใหญ่ นางต้องจัดการลั่วซี
เจ้าเมืองยังคงมองจวินอู๋เสียอย่างประหลาดใจ
“เจ้าต้องให้ข้าสลักคำพูดพวกนี้ลงบนตัวของเจ้าหรือเปล่า” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงอย่างน่ากลัว ดวงตาทอประกายอำมหิต
เจ้าเมืองหมอบราบลงกับพื้นทันที ตัวสั่นระริกเหมือนลูกเจี๊ยบที่บาดเจ็บ เขารีบพูดว่า “ข้าน้อยจำได้ขอรับ! ข้าเข้าใจสิ่งที่คุณชายพูด ข้าจะทำตามคำสั่งของคุณชายขอรับ!”
จวินอู๋เสียพอใจ นางหันหลังเดินจากไป และหายตัวไปจากจวนเจ้าเมืองพร้อมเยี่ยซาราวกับว่าไม่เคยมาที่นี่มาก่อน
จนกระทั่งจวินอู๋เสียและเยี่ยซาจากไปแล้ว เจ้าเมืองก็ยังนอนกองหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่บนพื้น ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา ดูเหมือนเขาจะรู้สึกว่าเด็กหนุ่มตัวเล็กที่เย็นชาและสงบนิ่งคนนี้น่ากลัวกว่าท่านผู้นั้นที่มีพลังอำนาจมหาศาลเสียอีก!
ตอนที่ 1452 ข้าจะเล่นกับเจ้าเอง (1)
อย่างที่คาดไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ลั่วซีตรวจสอบแล้วว่าสิ่งต่างๆ ที่ทางเหนือของเมืองยังคงเหมือนเดิม เขาก็บุกเข้ามาในจวนเจ้าเมืองด้วยสีหน้าถมึงทึง
เมื่อวานเจ้าเมืองได้รับความตกใจอย่างมากจนล้มป่วยนอนอยู่บนเตียง ข้อเท้าของเขาที่ถูกเยี่ยซากระทืบนั้น พันเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลอย่างแน่นหนา มีอนุภรรยาคอยดูแลอย่างดีจนแทบจะเห่กล่อมให้เขานอนอยู่แล้ว
เมื่อลั่วซีเข้ามา ใบหน้าของเขาบึ้งตึงอย่างน่ากลัว
“ทำไมงานที่ข้าให้เจ้าไปทำยังไม่เรียบร้อยอีก!” ลั่วซีมองเจ้าเมืองอ้วนพุงพลุ้ยด้วยสายตารังเกียจ
เจ้าเมืองมองไปที่ลั่วซี ในใจของเขาเย้ยหยัน แต่ใบหน้าดูตื่นตกใจ
“พวกเจ้าออกไปให้หมด” เจ้าเมืองไล่ทุกคนในห้องออกไป ก่อนจะเริ่มสะอื้นคร่ำครวญต่อหน้าลั่วซี “ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจัดการมัน แต่ข้าทำอะไรไม่ได้จริงๆ! ข้าอยากหาข้ออ้างยึดหอพักพวกนั้นมาเป็นของข้า แต่เจ้าเด็กนั่นฉลาดเกินไป เขาจ่ายเงินสามเท่าของราคาเพื่อซื้อทั้งโฉนดบ้านและโฉนดที่ดิน เมื่อวานข้าส่งหลิวเอ้อร์ไปก่อกวน ไม่เพียงทำไม่สำเร็จ ยังโดนฆ่าตายทั้งกลุ่ม หลังจากนั้นข้าก็พาทหารไปที่นั่นแล้วก็โดนดูหมิ่นทำให้ขายหน้า ข้าอยากเลิกเสแสร้งทำดีกับเจ้านั่น แต่ก็นึกได้ว่าท่านผู้นั้นสั่งให้ข้ารักษาภาพลักษณ์คนดีมีเมตตา ข้าเลยต้องอดกลั้นรั้งตัวเองไว้”
ลั่วซีขมวดคิ้วย่นเข้าไปอีก ที่เจ้าเมืองพูดก็ไม่ผิด ภาพลักษณ์คนดีมีเมตตาของเจ้าเมืองถูกสร้างขึ้นด้วยความพยายามอย่างมาก และถ้าพวกเขาอยากรับผู้ลี้ภัยเข้ามาเพิ่มอีก พวกเขาจะทำให้ภาพลักษณ์นั้นเสียไปไม่ได้
ลั่วซีครุ่นคิดอย่างหนัก แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเท้าของเจ้าเมืองที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลเอาไว้อย่างแน่นหนา
“เท้าเจ้าเป็นอะไร”
เจ้าเมืองสะดุ้งในใจ เขารีบพูดกลบเกลื่อนว่า “เป็นความผิดของหลิวเอ้อร์นั่นแหละ! ตอนที่ข้าได้ยินว่าเขากับลูกน้องถูกฆ่าตายหมด เขาก็ตกใจจนล้มลงอย่างแรง ข้อเท้าก็เลยหัก”
ลั่วซีมองเจ้าเมืองอยู่นาน ดูเหมือนจะเชื่อคำพูดของเขา
“พวกผู้ลี้ภัยที่ควรไปรายงานตัวที่จวนเจ้าเมืองยังไม่ปรากฏตัวเลย ถ้ายังจัดการเรื่องทางเหนือของเมืองไม่เรียบร้อย ขยะพวกนั้นก็จะยังอยู่ที่นั่น และทำให้งานของท่านผู้นั้นต้องล่าช้าไปมาก” ลั่วซีพูดต่อไป
“ใครว่าไม่ใช่เล่า” เจ้าเมืองแอบถอนหายใจโล่งอก
ลั่วซีมองเจ้าเมืองอย่างดูถูก “เจ้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ เรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังจัดการไม่ได้ ต้องให้ข้ายุ่งยากทำเองอีก”
“ข้ารู้ เจ้าเก่งกว่าข้าเยอะ” เจ้าเมืองรีบพูดประจบลั่วซี แต่ในใจของเขาได้ทักทายบรรพบุรุษของลั่วซีไปทั้งสิบแปดรุ่นแล้ว “แล้วเจ้ามีแผนการอย่างไรหรือ”
“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าฝูหยวนถังของข้าเป็นสถานที่แบบไหน ไม่ว่าที่ทางเหนือของเมืองจะยอดเยี่ยมแค่ไหน ถ้าเกิดมีคนตายที่นั่นสักสองสามคน คนแก่ๆ พวกนั้นก็ไม่กล้าอยู่ต่อแล้ว!” ดวงตาของลั่วซีทอประกายชั่วร้าย
เขาพูดกับเจ้าเมืองอีกสองสามคำ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
เท้าของลั่วซีเพิ่งก้าวออกไป เจ้าเมืองก็เรียกคนสนิทที่เขาไว้ใจมาทันที หลังจากรีบเขียนจดหมายที่สั้นและกระชับเสร็จ เขาก็สั่งให้คนสนิทของเขาเอาจดหมายไปส่งที่ทางเหนือของเมือง
“ท่านเจ้าเมือง ท่านจะให้เอาจดหมายไปส่งที่ทางเหนือของเมืองหรือขอรับ” คนสนิทของเขามองเจ้าเมืองอย่างเหลือเชื่อ
เจ้าเมืองพูดว่า “เมื่อวานนี้เจ้าเห็นใครมาที่จวนนี้หรือเปล่า”
คนสนิทส่ายหน้า
เจ้าเมืองถอนหายใจ แล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็ไม่ต้องถามมาก รีบๆ ไปส่งให้เร็ว อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด”
“ขอรับ!”
เจ้าเมืองมองตามหลังคนสนิทที่ไว้ใจได้ของเขา ในใจปกคลุมไปด้วยความหนาวเย็น ตอนที่จวินอู๋เสียมาที่จวนเจ้าเมืองเมื่อวาน ทุกคนในจวนถูกทำให้หมดสติและนำไปโยนรวมกันที่สวนหลังบ้าน