ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1459 โผล่หัวออกมา (1) ตอนที่ 1460 โผล่หัวออกมา (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1459 โผล่หัวออกมา (1) ตอนที่ 1460 โผล่หัวออกมา (2)
ตอนที่ 1459 โผล่หัวออกมา (1) / ตอนที่ 1460 โผล่หัวออกมา (2)
ตอนที่ 1459 โผล่หัวออกมา (1)
บุรุษชุดดำยืนมองทุกอย่างด้วยสายตาเย็นชา เขายืนหรี่ตาลงอยู่ภายใต้ฝุ่นละอองที่ลอยคลุ้ง เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าของเขาดังก้องอยู่ในหูของทุกคน
“ข้าไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร วันนี้ถ้าเจ้าไม่ออกมา ข้าจะฆ่าทุกคนที่นี่!” เสียงของบุรุษชุดดำเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง ตอนที่พูด เขาก็พุ่งเข้าไปจับตัวผู้ลี้ภัยคนหนึ่งเอาไว้
ลั่วซีตามมาข้างหลังและมาถึงที่นี่อย่างเร่งรีบ เมื่อเขาเห็นวิธีการอันโหดเหี้ยมของบุรุษชุดดำ ในใจเขาก็เต็มไปด้วยความสุข!
เขารู้ว่าบุรุษชุดดำมีพลังมหาศาล ทุกอย่างที่เขาเห็นในตอนนี้ทำให้เขาโล่งใจอย่างมาก
“นายท่านแข็งแกร่งจริงๆ ขอรับ” ลั่วซีรีบเข้าไปเลียแข้งเลียขาทันที
แต่บุรุษชุดดำกลับส่งเสียงฮึออกมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม
ผู้ลี้ภัยที่ถูกจับอยู่ในมือของบุรุษชุดดำมีสีหน้าหวาดกลัว คนอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวพวกเขาพากันตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของศัตรู
พลังวิญญาณขั้นสีม่วง!
แม้ว่าทุกคนจะเข้าโจมตีเขา มันก็ยังไม่พอที่จะล้มบุรุษคนนั้นได้
สิ่งที่ทำให้ผู้ลี้ภัยทุกคนตกใจมากยิ่งขึ้นก็คือการปรากฏตัวของลั่วซีที่อยู่ข้างๆ บุรุษชุดดำ ในใจของผู้ลี้ภัย ลั่วซีเป็นคนดี พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่า ‘ผู้ใจบุญ’ ที่พวกเขาเคารพมากจะพาปีศาจร้ายมาที่นี่
“เจ้าคนแซ่จวิน! ถ้าวันนี้เจ้ายังทำตัวเป็นเต่าหดหัวอยู่ละก็ อย่างนั้นเจ้าก็จะได้เห็นขยะพวกนี้ตายต่อหน้าเจ้า!” เมื่อมีบุรุษชุดดำอยู่ข้างๆ ความกล้าของลั่วซีก็เพิ่มขึ้นทันที เขายืนอยู่บนพื้นพลางตะโกนเสียงดัง
ท่าทางหยิ่งผยองนั้นทำให้พวกผู้ลี้ภัยอยากจะกระโดดเข้าไปฉีกคนหน้าซื่อใจคดนั่นออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
พวกเขาต้องตาบอดแน่ ถึงได้คิดว่าสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่เป็นคนดี!
“มาพังหอพักของข้าแล้วยังจะเห่าอีกหรือ” ทันใดนั้น เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นในหูของทุกคน
ผู้ลี้ภัยทุกคนหันหน้าไปหาเจ้าของเสียงนั้น แล้วทุกคนก็มีสีหน้ายินดีขึ้นมาทันที
บุรุษชุดดำเลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มในชุดสีขาวที่เดินเข้ามาช้าๆ เด็กหนุ่มคนนั้นมีรูปร่างเล็ก ใบหน้าธรรมดาไม่โดดเด่น แต่ดวงตาเย็นชาอย่างมาก เห็นครั้งเดียวก็ไม่อาจลืมได้เลย
“เจ้าคือคุณชายจวินที่คนพวกนี้พูดถึงหรือ” บุรุษชุดดำหรี่ตาลงมองจวินอู๋เสียที่อยู่ตรงหน้าเขา
เขาคิดไม่ถึงว่าคนที่ทำให้ลั่วซีกับเจ้าเมืองถึงกับจนปัญญา จะเป็นเด็กหนุ่มที่ดูผอมแห้งแบบนี้
“ใช่” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่เปล่งออกมาจากบุรุษชุดดำนั้นรุนแรงเพียงใด
ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ
“ดี อย่างน้อยเจ้าก็กล้ายอมรับ” บุรุษชุดดำยิ้มเยือกเย็น
“เมืองชิงเฟิงไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะสร้างความวุ่นวายได้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร เจ้าจะต้องที่นี่วันนี้”
“โอ้” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว ดวงตาเย็นชาของนางกวาดมองบุรุษชุดดำ “สร้างความวุ่นวาย แทนที่จะพูดว่าข้าสร้างความวุ่นวาย เจ้าน่าจะพูดว่าข้าทำให้แผนการของเจ้ายุ่งเหยิงมากกว่านะ”
จวินอู๋เสียสวนกลับ ดวงตาส่องประกายเย็นเยียบ
“ปล่อยให้ผู้ลี้ภัยที่อ่อนแอเข้ามาในเมือง จากนั้นก็เอาโอสถพิษร้ายแรงให้พวกเขากินเพื่อเปลี่ยนพวกเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดในมือเจ้า แล้วจะได้พาพิษที่น่ากลัวนั่นไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลกเพื่อสร้างคนพิษขึ้นมา…เป็นอุบายที่ดีจริงๆ! ทำเหมือนชีวิตคนไร้ค่าเป็นฝุ่นผง ใครให้เจ้ามีสิทธิ์ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้”
คำพูดของจวินอู๋เสียเป็นเหมือนสายฟ้าจากท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ฟาดลงมาที่หัวใจของผู้ลี้ภัยทุกคน ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ลั่วซีมองจวินอู๋เสียและอาศัยเรื่องที่เขามีบุรุษชุดดำหนุนหลังอยู่ ก้าวออกมาพูดอย่างเย้ยหยันว่า “ได้รับใช้นายท่านนับว่าเป็นเกียรติของพวกมันแล้ว”
ตอนที่ 1460 โผล่หัวออกมา (2)
“ขยะพวกนี้จะทำอะไรได้ ก็แค่พวกไร้ประโยชน์กลุ่มหนึ่ง นายท่านต้องการใช้พวกมัน พวกมันก็ควรขอบคุณฟ้าดินแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าทิ้งพวกมันเอาไว้นอกเมือง ข้าอยากรู้นักว่าพวกมันจะมีชีวิตอยู่ได้สักกี่วัน ให้พวกมันเข้ามากินฟรีอยู่ฟรีในกำแพงเมืองนานขนาดนี้ก็เป็นความเมตตากรุณาต่อพวกมันแล้ว” คำพูดของลั่วซีรุนแรงมาก พวกผู้ลี้ภัยต่างโกรธจนตัวสั่น ในใจพวกเขาอยากจะฉีกบุรุษคนนั้นออกเป็นล้านๆ ชิ้น
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
“ความเป็นความตายของคนไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะกำหนดได้”
“เฮอะ ไอ้หนู เจ้าเอามาเป็นเรื่องของตัวเองมากไปหรือเปล่า ยังสนใจเรื่องคนอื่นอยู่อีก วันนี้เจ้าจะตายที่นี่อยู่แล้ว ข้าอยากเห็นนักว่าเจ้าจะปากเก่งไปได้นานแค่ไหน!” ลั่วซีกล่าวอย่างมีชัย
บุรุษชุดดำไม่คิดจะพูดจาไร้สาระกับจวินอู๋เสีย เขายกมือขึ้นเพื่อจะฟาดผู้ลี้ภัยที่เขาจับไว้ให้ตายในทีเดียว!
แต่ในขณะที่ฝ่ามือของเขาฟาดลงมานั้น ร่างของจวินอู๋เสียก็หายไปจากจุดที่ยืนอยู่
ทันใดนั้น พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่มือของบุรุษชุดดำ
การโจมตีอย่างกะทันหันทำให้บุรุษชุดดำไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ามือของเขาถูกกระแทกและเจ็บปวดมาก ในช่วงที่เขากำลังประหลาดใจอยู่นั้น ร่างของจวินอู๋เสียก็มาถึงข้างตัวเขา แล้วคว้าเอาผู้ลี้ภัยที่เขาจับไว้ในมืออีกข้าง ส่งผู้ลี้ภัยคนนั้นไปอยู่ในระยะที่ปลอดภัยโดยเร็ว
เมื่อจวินอู๋เสียมายืนอย่างมั่นคงบนพื้นอีกครั้ง ทั่วร่างของนางก็ปกคลุมด้วยพลังวิญญาณขั้นสีม่วงทั้งตัว!
ลั่วซีจ้องมองพลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่หมุนวนรอบตัวจวินอู๋เสียอย่างตกตะลึง เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย เด็กหนุ่มที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนั้น แท้จริงแล้วเป็น…ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง!
คราวนี้ไม่เพียงแต่ลั่วซีเท่านั้นที่ประหลาดใจ สายตาของบุรุษชุดดำก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจไม่แพ้กันเมื่อเห็นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงบนร่างของจวินอู๋เสีย
เขาตระหนักว่าก่อนหน้านี้เขาตรวจไม่พบจริงๆ ว่าพลังวิญญาณของจวินอู๋เสียอยู่ในขั้นไหน ราวกับว่าพลังวิญญาณในร่างของจวินอู๋เสียถูกปกป้องอยู่ภายใต้พลังที่แปลกประหลาดบางอย่าง และบุรุษชุดดำก็คิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นแค่เศษขยะอีกชิ้นที่พลังวิญญาณต่ำเกินกว่าจะตรวจพบ คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงเช่นกัน!
“วันนี้ใครจะตาย ยังไม่แน่เลย” จวินอู๋เสียพูดเบาๆ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยขณะจ้องมองไปที่ลั่วซีซึ่งมีใบหน้าซีดขาว
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสองคนทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในหมู่คนที่แอบซ่อนอยู่ในเมือง ทุกคนรีบตรงไปยังจุดที่ผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงสองคนปรากฏตัว!
“นายท่าน” เยี่ยซาและเยี่ยเม่ยปรากฏตัวที่ด้านหลังจวินอู๋เย่า
“หืม” สายตาของจวินอู๋เย่าไม่ละไปจากจวินอู๋เสียเลยแม้แต่น้อย
“มีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งพุ่งตรงมาทางเรา รู้สึกว่าจะอยู่ในขั้นสีม่วงทุกคนขอรับ” เยี่ยซาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จวินอู๋เย่ายิ้มมุมปาก “ดูเหมือนเมืองชิงเฟิงนี่จะมีกุ้งเล็กปลาน้อยอยู่พอสมควรนะ พวกมันได้กลิ่นข่าวแล้ว ถึงได้รีบมาที่นี่”
“นายท่านอยากให้พวกเราไปจัดการหรือไม่…”
“ไม่จำเป็น” จวินอู๋เย่าโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เขายังคงมองไปที่จวินอู๋เสียและบุรุษชุดดำที่กำลังจ้องกันอยู่ แล้วพูดว่า “เสี่ยวเสียเอ๋อร์จะเผชิญหน้ากับสิบสองตำหนักไม่ช้าก็เร็ว นางไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และนางจะได้ใช้การต่อสู้วันนี้เตือนสิบสองตำหนักว่าสามโลกเบื้องล่างมีเจ้าของคนใหม่แล้ว”
“แต่ถ้าคนอื่นเข้าโจมตีด้วย…” เยี่ยซาอดเป็นห่วงไม่ได้
จวินอู๋เย่ากลับบอกเขาว่า “ไม่มีใครอยากทำสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์กับตัวเองหรอก ตั๊กแตนตำข้าวสะกดรอยตามจั๊กจั่นโดยไม่รู้ตัวว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง ไม่มีใครอยากเล่นบทตั๊กแตนตำข้าวแล้วให้คนจากตำหนักอื่นเก็บเกี่ยวผลประโยชน์หรอก แต่เผื่อว่ามีใครกล้ายื่นหน้าเข้ามา ก็ให้เยี่ยกูอุ่นเครื่องสักหน่อยแล้วกัน”