ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1477 ตำหนักหยกวิญญาณ (1) ตอนที่ 1478 ตำหนักหยกวิญญาณ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1477 ตำหนักหยกวิญญาณ (1) ตอนที่ 1478 ตำหนักหยกวิญญาณ (2)
ตอนที่ 1477 ตำหนักหยกวิญญาณ (1) / ตอนที่ 1478 ตำหนักหยกวิญญาณ (2)
ตอนที่ 1477 ตำหนักหยกวิญญาณ (1)
หยกสงบวิญญาณได้ปกป้องร่างกายของจวินกู้ไม่ให้เน่าเปื่อย ทำให้ศพของเขาคงสภาพเหมือนก่อนที่เขาจะตาย เมื่อนางหาวิญญาณของจวินกู้เจอ นางก็จะสามารถฟื้นคืนชีพให้จวินกู้ได้!
และเพื่อค้นหาวิญญาณของจวินกู้ นางจะต้องไปยังสถานที่ที่มีร่างวิญญาณมารวมกัน นั่นคือ โลกภูติวิญญาณ!
อย่างไรก็ตาม การแบ่งเขตอำนาจในสามโลกชั้นกลางนั้นแปลกมาก ดินแดนเทพมารตั้งอยู่ใจกลางของสามโลกชั้นกลาง ล้อมรอบด้วยสี่โลก ชั้นถัดมาคือเขตอำนาจของเก้าวัง ขณะที่สิบสองตำหนักยึดพื้นที่รอบนอกสุด
และภูเขาฝูเหยาที่ซึ่งพวกของจวินอู๋เสียอยู่ตอนนี้ตั้งอยู่ที่เส้นแบ่งเขตที่พรมแดนของสิบสองตำหนักและเก้าวังมาบรรจบกัน อาจกล่าวได้ว่า แค่ก้าวไปข้างหน้าก้าวเดียว การแบ่งอำนาจก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว
จวินอู๋เสียเดินดูรอบๆ ร้านขายอาวุธ แต่ก็ไม่เจออะไรที่เป็นประโยชน์ นางกำลังจะก้าวเท้าออกจากร้าน จู่ๆ ก็มีเงาสีดำลอยตรงมาจากด้านหน้าของนาง จวินอู๋เสียจึงหลบไปด้านข้างตามสัญชาตญาณ
จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงกระแทกดังลั่น เงาดำนั้นพุ่งไปกระแทกชั้นวางอาวุธด้านหลังจวินอู๋เสีย เกิดเสียงดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง
“ฟังให้ดีนะ! ถ้าข้าได้ยินเจ้าพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับตำหนักหยกวิญญาณอีกละก็ ข้าจะฉีกปากเจ้าเสีย!” เด็กสาวคนหนึ่งตะโกนด้วยความโกรธขณะเดินออกมาจากฝูงชน นางจ้องบุรุษที่ล้มลงกับพื้น มือกำแส้หนังเอาไว้แน่น
เด็กสาวคนนั้นมีใบหน้างดงาม แต่เสื้อผ้าของนางค่อนข้างเรียบง่ายธรรมดา ดวงตาเปล่งประกายลุกโชนด้วยไฟโทสะ
บุรุษที่อยู่บนพื้นลุกขึ้นยืนอย่างลุกลี้ลุกลน เขามองเด็กสาวที่ถือแส้ด้วยแววตาหวาดกลัว
“ในโลกนี้ยังมีที่ที่เรียกว่าตำหนักหยกวิญญาณอยู่อีกหรือ ทำไมข้าจำไม่ได้เลยเล่า” ทันใดนั้น เสียงที่ดังชัดเจนก็ดังขึ้นจากด้านหลังฝูงชน ผู้เยาว์สามคนที่สวมเครื่องแบบสำนักธาราเมฆเดินออกมาอย่างช้าๆ คนที่นำหน้าก็คือคนที่พูดนั่นเอง
เมื่อเห็นว่ามีคนเข้าข้าง บุรุษที่ถูกทำร้ายก็กระโดดออกมาทันที
“ใช่ๆ! ตำหนักหยกวิญญาณบ้าบออะไร พวกนั้นถูกสิบสองตำหนักทำลายไปหลายปีแล้ว มีแค่กลุ่มสตรีอย่างเจ้านี่แหละที่ยังนึกถึงตำหนักหยกวิญญาณ ทุกวันนี้ใครรู้บ้างว่าตำหนักหยกวิญญาณคือที่บัดซบแบบไหน”
เด็กสาวมีสีหน้าโกรธจัด ทุกคนเห็นว่านางกำลังจะลงแส้อีกครั้ง ทันใดนั้นผู้เยาว์ที่มาจากสำนักธาราเมฆก็เข้าขัดขวาง เด็กหนุ่มคนนั้นผิวขาวหน้าตาดี แต่สิ่งที่อยู่ตรงหางตาของเขาทำให้คนรู้สึกอึดอัด เขามองเด็กสาวที่กำลังโกรธจัดตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็เหยียดยิ้ม
“สาวน้อย ทำไมต้องโกรธขนาดนี้ด้วย หรือว่าที่จริงแล้วเจ้าคือคนของตำหนักหยกวิญญาณ”
“อย่าคิดว่าแค่ใส่เครื่องแบบสำนักธาราเมฆและมีสิบสองตำหนักกับเก้าวังหนุนหลังแล้วจะพูดอะไรตามใจก็ได้! ตำหนักหยกวิญญาณไม่เคยถูกทำลาย!” เด็กสาวตะโกนอย่างไม่พอใจ
“ฮ่าๆ สาวน้อยพูดแบบนี้ได้อย่างไร ข้าเป็นแค่คนโง่เขลาเลยไม่เคยได้ยินชื่อตำหนักหยกวิญญาณก็เท่านั้น ถ้าแม่นางมีเวลา ทำไมไม่เล่าถึงต้นกำเนิดของตำหนักหยกวิญญาณสักหน่อยเล่า” ขณะที่พูด เด็กหนุ่มก็ยื่นมือออกไปหวังจะลูบหลังมือของเด็กสาวคนนั้นเพื่อเอาเปรียบนาง
แต่ขณะที่มือของเด็กหนุ่มกำลังจะแตะหลังมือของเด็กสาว แส้ที่อยู่ในมือเด็กสาวก็ตวัดขึ้นทันที ทำให้คนบ้ากามที่คิดจะคว้ามือนางต้องถอยห่างออกไป
“พวกกะล่อน เจ้าก็ไม่ได้ดีอะไรเลย!” ขณะที่พูด เด็กสาวก็ตวัดแส้ของนาง ปลายแส้พุ่งตรงไปที่เด็กหนุ่ม
ในชั่วพริบตานั้น บริเวณด้านนอกร้านขายอาวุธก็เกิดความวุ่นวายโกลาหล จวินอู๋เสียอุ้แมวดำตัวน้อยหันหลังเดินจากไปอย่างสงบ
ตอนที่ 1478 ตำหนักหยกวิญญาณ (2)
จวินอู๋เสียไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างผู้เยาว์ในสามโลกชั้นกลางมากนัก การเคลื่อนไหวของพวกเขาช้ามาก คนที่อยู่ในระดับผู้อาวุโสของสิบสองตำหนักเท่านั้นที่จะทำให้นางสนใจได้ แต่ที่เด็กสาวคนนั้นพูดถึง ‘ตำหนักหยกวิญญาณ’ นั่นทำให้นางรู้สึกงงเล็กน้อย
พวกเฉียวฉู่พูดชื่อสิบสองตำหนักทั้งหมดให้นางฟังแล้ว และนางไม่เคยได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงตำหนักหยกวิญญาณเลย
จวินอู๋เสียลักพาตัวคนเดินผ่านไปมาที่ดูโง่ๆ แล้วกรอกโอสถพูดความจริงลงคอของเขาเพื่อให้เขาคายทุกอย่างที่รู้เกี่ยวกับตำหนักหยกวิญญาณ
ความจริงก็คือ เมื่อกว่าพันปีที่แล้ว สามโลกชั้นกลางไม่ได้มีแค่สิบสองตำหนัก แต่ยังมีตำหนักที่สิบสามอีก นั่นคือ ตำหนักหยกวิญญาณ
แต่ตำหนักหยกวิญญาณแตกต่างจากตำหนักอื่นๆ เล็กน้อย เนื่องจากสมาชิกตั้งแต่ระดับสูงไปจนถึงระดับล่าง ตำหนักหยกวิญญาณรับแต่สตรีเท่านั้น ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่ตำหนักหยกวิญญาณจะล่มสลาย ภายในรัศมีสิบลี้รอบๆ ตำหนักไม่อนุญาตให้บุรุษคนไหนก้าวเท้าเข้าไปได้เลย จ้าวตำหนักหยกวิญญาณเองก็แปลกประหลาด ไม่เคยก้าวออกจากตำหนักหยกวิญญาณเลยสักก้าวเดียว เคยมีข่าวลือว่าจ้าวตำหนักหยกวิญญาณคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาจ้าวตำหนักทั้งหมด
ตำหนักหยกวิญญาณเคยมีอิทธิพลมากในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เพราะความขัดแย้งภายในเพียงครั้งเดียวได้ลดทอนพลังของตำหนักหยกวิญญาณลงไปมาก เนื่องจากศิษย์ของพวกเขาหลายคนเสียชีวิตในเหตุการณ์นั้น และในตอนนั้นเองตำหนักหยกวิญญาณก็ถูกทำลายลงอย่างราบคาบ
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณได้นำคนสนิทที่ไว้ใจได้มากที่สุดออกไป ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหน และนับจากนั้นเป็นต้นมา ตำหนักหยกวิญญาณก็ค่อยๆ ถูกลบออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของสิบสามตำหนัก ส่งผลให้ปัจจุบันมีเพียงสิบสองตำหนักเท่านั้น
หลังจากที่ตำหนักหยกวิญญาณเสื่อมถอย คนจำนวนมากจากตำหนักอื่นๆ ก็ยังคงโจมตีพวกเขาต่อ จนถึงขนาดต่อต้านศิษย์ของตำหนักหยกวิญญาณอย่างเปิดเผย พยายามที่จะกดอำนาจของตำหนักหยกวิญญาณอยู่ตลอดเวลา ขัดขวางพวกเขาไม่ให้กลับไปสู่ความรุ่งเรืองในอดีต
ในที่สุดจวินอู๋เสียก็เข้าใจแล้วว่าทำไมศิษย์ของสำนักธาราเมฆถึงออกมายั่วยุเด็กสาวจากตำหนักหยกวิญญาณ พวกสารเลวจากสำนักธาราเมฆต้องเห็นว่านางเป็นคนของตำหนักหยกวิญญาณ ถึงได้อยากเล่นงานนาง!
อำนาจจากเมื่อพันปีที่แล้วได้เสื่อมโทรมลงจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจวินอู๋เสียที่จะเห็นว่าเด็กสาวคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกบ้ากามกลุ่มนั้น
ประมือกันได้ไม่กี่รอบ เด็กสาวคนนั้นก็จะถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน
“ก้าวเดียวนี้ ควรก้าวไปหรือถอยออกมา” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงขณะโยนเจ้าโง่ตัวใหญ่ไปที่กำแพง นางมองไปที่ดวงจันทร์ที่ส่องแสงนวลเย็นตา ดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้ายามค่ำคืน จุดเล็กๆ ที่ส่องประกายระยิบระยับทุกจุดกลายเป็นตัวหมากรุกในสายตาของจวินอู๋เสีย
ตำหนักหยกวิญญาณ ตัวหมากที่จู่ๆ ก็ปรากฏออกมา นางควรใช้มันหรือปล่อยมันไป
จวินอู๋เสียสูดหายใจเข้าลึกๆ หัวใจของนางได้ตัดสินใจแล้ว
เมื่อวางตัวหมากแล้วไม่มีคำว่าเสียใจ
สถานการณ์ที่ใกล้ๆ กับร้านขายอาวุธเป็นอย่างที่จวินอู๋เสียคาดการณ์ไว้ เด็กสาวและผู้เยาว์จากสำนักธาราเมฆได้แลกเปลี่ยนกันสองสามกระบวนท่าแล้ว และนางก็พบว่าตัวเองไม่สามารถสู้พวกเขาได้ ร่างกายของนางมีบาดแผลจำนวนมาก เห็นได้ชัดว่าคู่ต่อสู้ของนางสามารถล้มนางได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่พวกเขากลับเล่นสนุกกับนาง ฉีกเสื้อผ้านางให้ขาดวิ่นเพื่อให้นางอยู่ในสภาพที่น่าอับอาย
การทำเช่นนั้นทำให้หญิงสาวทุกข์ทรมานได้มากกว่าอย่างอื่น!
“สาวน้อย อย่าโกรธสิ ถ้าเจ้าได้รับบาดเจ็บ หัวใจข้าก็เจ็บด้วยนะ” ผู้เยาว์หัวเราะอย่างหยิ่งผยอง ที่ยอดเขาฝูเหยานี่ไม่มีมีใครกล้าโจมตีศิษย์ของสำนักธาราเมฆ ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาอยู่บนภูเขาฝูเหยาที่เป็นที่ตั้งของสำนักธาราเมฆเลย แค่เรื่องที่ผู้เยาว์พวกนี้โชคดีได้รับเลือกจากเก้าวังและสิบสองตำหนักก็มากพอที่จะทำให้คนธรรมดาทั่วไปไม่ไปมีเรื่องกับพวกเขาแล้ว
“ไอ้พวกหน้าไม่อาย!” ใบหน้าของเด็กสาวแดงก่ำ นางเกลียดที่ไม่สามารถบีบคอเด็กหนุ่มคนนั้นให้ตายได้