ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1487 จ้าวตำหนักหยกวิญญาณ (6) ตอนที่ 1488 อย่างนี้นี่เอง (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1487 จ้าวตำหนักหยกวิญญาณ (6) ตอนที่ 1488 อย่างนี้นี่เอง (1)
ตอนที่ 1487 จ้าวตำหนักหยกวิญญาณ (6) / ตอนที่ 1488 อย่างนี้นี่เอง (1)
ตอนที่ 1487 จ้าวตำหนักหยกวิญญาณ (6)
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง จวินอู๋เสียก็ทำเหมือนว่านางลืมสิ่งที่จ้าวตำหนักหยกวิญญาณถามนางไปแล้ว และพูดต่อไปว่า “เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจต่อความร่วมมือของเรา ข้าอยากให้ท่านมอบสิ่งหนึ่งให้กับข้า”
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณเลิกคิ้ว “อะไร”
จวินอู๋เสียตอบว่า “สิ่งที่จะแสดงว่าข้าได้รับเลือกจากตำหนักหยกวิญญาณ”
“อะไรนะ” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณตกใจกับคำพูดของจวินอู๋เสีย “ไอ้หนู นี่เจ้าล้อข้าเล่นหรืออย่างไร เจ้าอยากถูกยอมรับเข้าตำหนักหยกวิญญาณของข้าเนี่ยนะ ไม่รู้หรือว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรสำหรับคนของตำหนักหยกวิญญาณที่อยู่ข้างนอก”
จวินอู๋เสียตอบว่า “ข้ารู้ แต่ข้าอยากได้เหตุผลที่จะทำให้ข้าได้เข้าสำนักธาราเมฆ เมื่อมาจากสิบสองตำหนักไม่ได้ ก็ต้องมาจากท่านเท่านั้น”
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณยอมใจเจ้าเด็กนี่จริงๆ เขาไม่ได้แค่มาที่นี่เพื่อเจรจาขอความร่วมมือ แต่ได้วางแผนสำหรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปด้วย!
“เจ้าไม่กลัวหรือว่าพอเจ้าเอาของนั้นออกมา คนจากสิบสองตำหนักจะพยายามหาข้ออ้างปิดปากเจ้า” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณถามพร้อมหัวเราะ
จวินอู๋เสียตอบอย่างใจเย็น “ถ้าข้าแสดงตัวว่าเป็นคนของตำหนักหยกวิญญาณแล้ว พวกเขาก็คงทำอย่างนั้นจริงๆ แต่ถ้าข้าเป็นแค่ผู้เข้าร่วมที่เพิ่งแสดงผลงานที่โดดเด่นในงานชุมนุมเทพยุทธ์และไม่เคยอยู่ในตำหนักหยกวิญญาณมาก่อน พวกเขาจะพยายามชักชวนข้าเป็นพวกต่อไปด้วยวิธีใดก็ตามที่ทำได้ และถ้าพวกเขาพบว่ามันไม่ได้ผลจริงๆ จะฆ่าข้าตอนนั้นก็ไม่ต่างอะไรสำหรับพวกเขาไม่ใช่หรือ”
นางแค่ต้องการข้ออ้าง แล้วมันก็ง่ายมากเลย นางจะเป็นผู้เข้าแข่งขันที่ถูกเลือกซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร นางจะรู้ได้อย่างไรว่าทำไมตำหนักหยกวิญญาณถึงเลือกนาง ใช่หรือไม่เล่า
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณเข้าใจทันทีว่าจวินอู๋เสียหมายถึงอะไร ถึงตำหนักหยกวิญญาณจะตกต่ำลง แต่งานชุมนุมเทพยุทธ์มีมานานมากแล้ว ตำหนักหยกวิญญาณเคยเป็นส่วนหนึ่งของสิบสามตำหนัก ย่อมมีสิทธิ์ในการคัดเลือกผู้สมัครที่มีความสามารถ งานชุมนุมเทพยุทธ์และสำนักธาราเมฆไม่ได้มีแค่สิบสองตำหนัก แต่ยังร่วมกับเก้าวังด้วย แม้ว่าสิบสองตำหนักจะไม่เต็มใจที่สุดกับทุกอย่างที่เกี่ยวกับตำหนักหยกวิญญาณ แต่เก้าวังจะยินดีมากที่ได้สร้างปัญหาเพิ่มเติมให้กับสิบสองตำหนัก
งานชุมนุมเทพยุทธ์ปีนี้เป็นการตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวของสิบสองตำหนัก เมื่อถึงเวลาที่เด็กคนนี้ประกาศว่าเขาได้รับเลือกจากตำหนักหยกวิญญาณ มันจะดึงดูดความสนใจได้มากแน่นอน อะไรก็ตามที่สิบสองตำหนักรู้ เก้าวังย่อมรู้เช่นกัน เนื่องจากภูเขาฝูเหยาไม่ใช่สถานที่ที่อยู่ในอำนาจของสิบสองตำหนักอย่างสมบูรณ์
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเด็กคนนี้มีทักษะที่โดดเด่น หรือถ้าเขาแสดงพลังวิญญาณที่มีต่อหน้าทุกคน คนจากสิบสองตำหนักจะต้องดิ้นรนแย่งชิงเพื่อดึงเขาเข้าไปอยู่ในตำหนักของตัวเอง
ความที่ไม่ถูกผูกมัดอย่างสมบูรณ์ของเขา บวกกับความช่วยเหลือโดยไม่ได้ตั้งใจของเก้าวัง รวมกับสมองที่ชาญฉลาดของจวินอู๋เสีย นี่อาจเป็นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้!
แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก่อนที่จวินอู๋เสียจะออกจากสำนักธาราเมฆ ก่อนที่นางจะก้าวเท้าออกไปนอกภูเขาฝูเหยา สิบสองตำหนักจะไม่กล้าเอาชีวิตนางในภูเขาฝูเหยาอย่างแน่นอน
แต่ ทวนเปิดเผย หลบหลีกง่าย เกาทัณฑ์ลับ ยากระวัง…
“เจ้านี่มันกล้าบ้าบิ่นจริงๆ” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณกล่าวพร้อมหัวเราะ เขาหยิบเอาหยกโลหิตชิ้นหนึ่งออกมาโยนให้จวินอู๋เสีย
“ถือเป็นการแสดงความจริงใจจากข้าต่อความร่วมมือของเรา เมื่อเจ้าเอาสิ่งนั้นออกมา คนจากสิบสองตำหนักจะจำต้นกำเนิดของมันได้อย่างแน่นอน แต่ถ้าพวกเขามาหาเรื่องเจ้า เจ้าจะวิ่งมาร้องไห้สะอึกสะอื้นต่อหน้าข้าไม่ได้นะ”
จวินอู๋เสียกุมหยกโลหิตที่ผิวของมันสลักรูปดอกท้อเอาไว้ จากนั้นนางก็เอามันใส่ไว้ในแขนเสื้อ
“แล้วข้าจะคืนให้” จวินอู๋เสียพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แต่จ้าวตำหนักหยกวิญญาณกลับนอนตะแคงอย่างเกียจคร้านบนโซฟานุ่มๆ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มบางๆ
“ไม่ต้องหรอก ถือเสียว่าเป็นของขวัญให้เจ้า ของที่บุรุษแตะต้องแล้ว ข้าไม่ต้องการ”
“…” จวินอู๋เสียพูดไม่ออก
“ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ไปส่ง เชิญ” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณวางศีรษะไว้ที่มือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างยื่นไปยังทางออก ท่าทางของเขาบ่งบอกความหมายอย่างชัดเจน
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย แล้วหันหลังเดินจากไป
ตอนที่ 1488 อย่างนี้นี่เอง (1)
ตอนที่จวินอู๋เสียกลับไปที่ภูเขาฝูเหยา ท้องฟ้าเพิ่งเริ่มสว่าง ถนนบนยอดเขาฝูเหยามีคนอยู่แค่ไม่กี่คน นางเดินไปยังโรงเตี๊ยมที่นางพักอยู่อย่างเงียบๆ และเมื่อนางผลักประตูเปิดออกเบาๆ เสียงกรนก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ร่างสูงร่างหนึ่งนั่งตัวตรงอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแสดงความกังวล เขานั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างเงียบๆ ขณะมองออกไปนอกหน้าต่าง
เมื่อเขาได้ยินเสียงประตูถูกผลักเข้ามาด้านใน เด็กหนุ่มก็หันหน้ากลับไปทันที ใบหน้าเซื่องซึมของเขามองตรงไปที่จวินอู๋เสีย แล้วสีหน้าเขาก็ดีใจขึ้นมาแบบสุดๆ
จวินอู๋เสียเอานิ้วจรดริมฝีปากเพื่อบอกให้เงียบ จากนั้นก็กระดิกนิ้วเรียกให้เฉียวฉู่ออกมาข้างนอก
เฉียวฉู่ออกไปข้างนอกทันที ทั้งสองคนใช้โอกาสที่ยังไม่สว่างนักมาเจอกันในป่าบนภูเขาที่ไม่มีใครอยู่แถวนั้นและนั่งลงบนพื้นหญ้า
หลังของเฉียวฉู่เพิ่งแตะพื้น เขาก็ทนรอไม่ไหวพูดออกมาว่า
“สาวน้อยของเราหายไปไหนมาทั้งคืน! ข้ารอทั้งคืนก็ไม่เห็นเจ้ากลับมา นึกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าเสียแล้ว!” เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าเศร้าโศก ตอนที่ทุกคนแยกย้ายกันไปหาวิธีของตัวเองเพื่อแอบเข้ามาในภูเขาฝูเหยา พวกเขาต่างเชื่อและศรัทธาในพลังของกันและกันอย่างเต็มที่ แต่เขาเพิ่งพบกับจวินอู๋เสียเมื่อวานโดยบังเอิญ ได้เจอนางอยู่พักเดียวนางก็หายตัวไปในคืนนั้น หัวใจดวงน้อยๆ ที่น่าสงสารของเขาจึงยากจะรับได้
“ข้าไปทำเรื่องบางอย่างให้เรียบร้อย” จวินอู๋เสียดูเหมือนจะคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากเรียก “เยี่ยซา เยี่ยกู”
พอสิ้นเสียง ร่างของเยี่ยซาและเยี่ยกูก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังนางทันที
“คุณหนูใหญ่จะสั่งอะไรเราหรือขอรับ”
ทั้งสองคนถามทันที
“ตอนที่ข้าอยู่ที่ตำหนักหยกวิญญาณก่อนหน้านี้ เจ้าสองคนตรวจพบอะไรหรือไม่” จวินอู๋เสียถาม
แต่ทว่า…
เยี่ยซาและเยี่ยกูเงียบ
“อะไร” จวินอู๋เสียสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าปฏิกิริยาของพวกเขาค่อนข้างผิดปกติ
“เรียนคุณหนูใหญ่ ก้อนหินที่ปิดผนึกทางเข้าค่อนข้างแปลกขอรับ มันเปิดอยู่แค่ครู่เดียวเท่านั้น พวกเราไม่สามารถเข้าไปข้างในได้” เยี่ยซาตอบพร้อมกับก้มหัวลง
เยี่ยกูชำเลืองมองเยี่ยซา อยากจะยกเท้าถีบเจ้าปัญญาอ่อนนี้เต็มที
ตอนนั้นเยี่ยกูอยากระเบิดก้อนหินเพื่อเปิดทาง แต่เยี่ยซาห้ามเขาไว้ เยี่ยซาตามจวินอู๋เสียมานานกว่า เขารู้นิสัยใจคอของจวินอู๋เสียและวิธีการของนางดี จวินอู๋เสียไปที่ตำหนักหยกวิญญาณเพื่อหาพันธมิตร ไม่ใช่ไปก่อเรื่อง ถ้าพวกเขาโจมตีในตอนนั้น มันจะไปรบกวนแผนของจวินอู๋เสีย
“อ๋อ” จวินอู๋เสียพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
เยี่ยซารู้สึกว่าเยี่ยกูจ้องมองมาที่เขา ทำให้เขาขนลุกและคิดว่าตัวเองกำลังจะซวยแน่ๆ
เฉียวฉู่ฟังด้วยความประหลาดใจ เขาโบกมือตรงหน้าจวินอู๋เสียและถามว่า “เฮ้ น้องเสีย เจ้าพูดว่าตำหนักอะไรนะ”
“ตำหนักหยกวิญญาณ” จวินอู๋เสียพูดซ้ำ “เจ้ารู้จักหรือ”
เฉียวฉู่เกาหัว “ตำหนักหยกวิญญาณ…ตำหนักหยกวิญญาณ…ดูเหมือนข้าจะมีความประทับใจต่อมันอยู่นะ แต่ก็นึกไม่ออก”
เยี่ยซาพูดขึ้นว่า “ตำหนักหยกวิญญาณที่คุณหนูใหญ่พูดถึงใช่ตำหนักที่เคยเป็นพวกเดียวกับสิบสองตำหนักหรือเปล่าขอรับ”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
เยี่ยซาพูดว่า “เดิมทีตำหนักหยกวิญญาณเป็นหนึ่งในสิบสองตำหนัก และสิบสองตำหนักในตอนแรกรู้จักกันในชื่อสิบสามตำหนัก ตำหนักหยกวิญญาณอยู่ในอันดับสูงท่ามกลางสิบสามตำหนัก มีไม่กี่ตำหนักที่สามารถเทียบเคียงกับพวกเขาได้ ยิ่งกว่านั้น ตำหนักหยกวิญญาณก็มีเกณฑ์การรับคนที่พิเศษกว่าที่อื่น พวกเขารับแต่เด็กหญิงที่อายุต่ำกว่าสิบปีเข้าร่วมเท่านั้น หากใครก็ตามที่อยู่นอกข้อจำกัดนี้หรือเป็นเพศตรงข้าม ตำหนักหยกวิญญาณจะปฏิเสธโดยไม่มีข้อยกเว้น นอกจากนั้นแล้ว ตำหนักหยกวิญญาณก็ไม่มีเกณฑ์อื่นใดสำหรับเด็กหญิง ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพหรือความสามารถ พวกเขาจะได้รับการยอมรับทั้งหมด และเนื่องจากศิษย์ของตำหนักหยกวิญญาณเติบโตมาในตำหนักตั้งแต่ยังเล็ก ตำหนักหยกวิญญาณจึงเป็นตำหนักที่มั่นคงและไม่สั่นคลอนมากที่สุดในบรรดาสิบสามตำหนัก”