ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1491 มาโดยไม่ได้รับเชิญ (1) ตอนที่ 1492 มาโดยไม่ได้รับเชิญ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1491 มาโดยไม่ได้รับเชิญ (1) ตอนที่ 1492 มาโดยไม่ได้รับเชิญ (2)
ตอนที่ 1491 มาโดยไม่ได้รับเชิญ (1) / ตอนที่ 1492 มาโดยไม่ได้รับเชิญ (2)
ตอนที่ 1491 มาโดยไม่ได้รับเชิญ (1)
จวินอู๋เสียไม่เคยคิดเลยว่าทักษะล้วงกระเป๋าที่นางเรียนมาจากใครบางคนจะมีประโยชน์ขนาดนี้!
แมวดำตัวน้อยขยับไปอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียอย่างเงียบๆ และอดรู้สึกไม่ได้ว่าจวินอู๋เสียเอากุญแจมาจากจื่อจินได้แบบสะดวกง่ายดายอย่างมาก
ภายในตำหนักหยกวิญญาณมีเสียงดนตรีไพเราะบรรเลงเหมือนเดิม แต่ไม่มีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขให้ได้ยิน แต่กลับเป็นเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นและเสียงกระซิบที่แผ่วเบาอีกหลายเสียง
จวินอู๋เสียเดินตามเสียงไปช้าๆ จากนั้นนางก็เห็นจื่อจินนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างสระน้ำ สาวๆ ที่อยู่ข้างๆ นางผลัดกันพูดเพื่อปลอบใจเด็กสาว
เมื่อพวกสาวๆ เห็นจวินอู๋เสียที่ฝั่งตรงข้ามของสระน้ำ พวกนางก็เข้ามาเบียดเกาะกลุ่มกันและเกิดอาการหวาดผวากันอีกรอบ จากนั้นพวกสาวๆ ก็กระจัดกระจายกันไปราวกับฝูงนกที่ตื่นตระหนก เหมือนจวินอู๋เสียเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัว
สุดท้ายจื่อจินก็ถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียวที่ขอบสระ นางมองจวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ
“เป็นเจ้า! เจ้า! ยังจะกล้ามาที่นี่อีก!” จื่อจินโกรธมากจนดวงตาแดงก่ำ นางดึงเอาแส้หนังที่ห้อยไว้ตรงสะโพกออกมาทันที ดวงตาสีแดงของนางจ้องมองไปที่จวินอู๋เสียเขม็ง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธจากความอัปยศอดสู
“…” จวินอู๋เสียมองจื่อจินที่ทำตัวแปลกอย่างใจเย็น
“เจ้าบังอาจใช้โอสถวิเศษลึกลับกับข้าเมื่อวาน ทำให้ข้าพาเจ้าเข้ามาในตำหนัก! เจ้า…เจ้านี่มัน…” จื่อจินยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ หลังจากที่นางได้พูดคุยกับจวินอู๋เสียเมื่อวาน นางก็เซื่องซึมมึนงงเหมือนในหัวมีหมอกหนาจนไม่สามารถตั้งสติได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่ว่านางจะพยายามนึกอย่างไร นางก็จำได้แค่ภาพที่กระจัดกระจายไม่ปะติดปะต่อ ทำให้นางยิ่งสับสนมากขึ้น
ตำหนักหยกวิญญาณไม่เคยอนุญาตให้บุรุษเข้ามาในตำหนัก แต่นางกลับบุ่มบ่ามพาจวินอู๋เสียเข้ามา แม้ว่าจ้าวตำหนักหยกวิญญาณจะไม่ได้ตำหนินางเลย แต่จื่อจินก็ยังคงโทษตัวเอง และสิ่งที่ทำให้จื่อจินร้องไห้ก็คือเรื่องที่นางไม่เคยจับมือบุรุษเลย แต่ในภาพที่ไม่ปะติดปะต่อในหัวนางนั้น มีอยู่ภาพหนึ่งที่จวินอู๋เสียเข้ามาจับมือนาง!
จวินอู๋เสียยังคงมองจื่อจินด้วยความรู้สึกสับสนเล็กน้อย
จื่อจินทั้งโกรธและหงุดหงิดขณะรอจวินอู๋เสีย ทำให้จวินอู๋เสียยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น
แม้ว่านางจะใช้ประโยชน์จากจื่อจินเพื่อแทรกซึมเข้ามาในตำหนักหยกวิญญาณ แต่นางก็ตกลงร่วมมือกับจ้าวตำหนักหยกวิญญาณแล้ว ดังนั้นเมื่อมองจากมุมนี้แล้ว จื่อจินไม่เพียงไม่ได้ทำผิด แต่กลับทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
แต่…ทำไมสีหน้าของนางดูเหมือนมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องอยู่เล่า
จวินอู๋เสียไม่ได้รู้เลยว่าโอสถวิเศษที่นางให้จื่อจินไปนั้นจะทิ้งแค่ภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นไว้ในใจนาง แต่เรื่องเสียงนั้น…
ดังนั้น ความทรงจำของจื่อจินในตอนนั้นจึงมีเพียง…จวินอู๋เสียดึงมือของนางไปวางไว้ที่หน้าอกของจวินอู๋เสีย
“จื่อจิน!” ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นั้น เสียงเนือยๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
จื่อจินสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุกเข่าตรงหน้าร่างที่ใกล้เข้ามา
“ท่านจ้าวตำหนัก”
“ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี ไปพักผ่อนเถอะ” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณมองไปที่จื่อจิน
“เจ้าค่ะ” จื่อจินกัดริมฝีปากเล็กน้อย แล้วออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก
จนกระทั่งจื่อจินออกไปแล้ว จ้าวตำหนักหยกวิญญาณจึงเบนสายตามามองที่จวินอู๋เสีย เขาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งและมองผู้เยาว์ที่บุกรุกเข้ามาที่นี่อีกครั้ง
“เจ้าหนู ทำไมถึงมาที่นี่อีก”
จวินอู๋เสียมองตรงไปที่จ้าวตำหนักหยกวิญญาณและตอบว่า “งานชุมนุมเทพยุทธ์ถูกเลื่อนออกไปอีกครึ่งเดือน และบนยอดเขาก็มีคนอยู่เต็มไปหมด”
“แล้ว” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมาทันที
“ในฐานะพันธมิตร ช่วงนี้ข้าอยากอยู่ฝึกพลังของข้าที่นี่” จวินอู๋เสียคิดมาละเอียดแล้ว ภูเขาฝูเหยาเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ เหมาะที่สุดสำหรับการฝึกพลัง แต่การฝึกของนางจะต้องไม่ให้ใครรู้มากเกินไปนัก นางจึงตัดสินใจว่า…ตำหนักหยกวิญญาณอยู่ภายในภูเขาฝูเหยา ถ้าไม่ใช้ที่นี่ก็เสียเปล่าแย่สิ
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณหน้าซีดทันที ดวงตาซิ่งเหรินที่มีเสน่ห์ของเขาเบิกกว้าง ปากอ้าค้างด้วยความสยดสยอง
ตอนที่ 1492 มาโดยไม่ได้รับเชิญ (2)
“ไม่ได้” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณพูดด้วยสีหน้าแข็งกร้าว
“เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ได้” น้ำเสียงของเขายิ่งแข็งเป็นพิเศษ
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วมองมุมปากที่แข็งทื่อของจ้าวตำหนักหยกวิญญาณ “ทำไม”
“ตำหนักหยกวิญญาณไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาข้างใน” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณทำเสียงดุ
ดวงตาที่ใสกระจ่างของจวินอู๋เสียกวาดมองจ้าวตำหนักหยกวิญญาณตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาเย็นชา ความหมายของสายตาชัดจนไม่อาจชัดไปกว่านี้ได้แล้ว
สีหน้าของจ้าวตำหนักหยกวิญญาณไม่เปลี่ยนไปสักนิด เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “ยกเว้นข้า”
“ข้าปฏิเสธ” จวินอู๋เสียพูด
“…” จ้าวตำหนักหยกวิญญาณจ้องเจ้าเด็กหัวดื้อตาแทบถลน เจ้าเด็กนี่สำคัญตัวเองมากเกินไปหรือไม่ เขาพูดเมื่อไรว่าเจ้าเด็กเวรนี่สามารถปฏิเสธได้
“ถ้าท่านกังวลเรื่องศิษย์ในตำหนักของท่าน ท่านก็วางใจได้เลย แค่จัดห้องให้ข้าสักห้อง แล้วข้าจะไม่เดินไปไหนมาไหนตามใจชอบ” จวินอู๋เสียเปิดปากพูด นางสังเกตเห็นการแบ่งแยกบุรุษสตรีของที่นี่ ดังนั้นนางจึงไม่ได้พาเจ้าโง่เฉียวฉู่มาด้วย
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณเม้มปากแน่น คันเท้ายิบๆ อยากจะเตะเจ้าเด็กก้าวร้าวหัวดื้อนี่ออกไปเต็มแก่
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับศิษย์ของเขาเลยสักนิด!
“อย่างไรก็ไม่ได้!”
จวินอู๋เสียกวาดสายตามองจ้าวตำหนักหยกวิญญาณ “คนทั่วแผ่นดินต่างพูดว่าตำหนักหยกวิญญาณมีสาวงามมากพอๆ กับก้อนเมฆ และจ้าวตำหนักก็คือสตรีที่งดงามน่าหลงใหลมากที่สุดในฮาณาจักรกลาง แต่ไม่มีใครรู้ว่าจ้าวตำหนักหยกวิญญาณแท้จริงแล้วเป็นบุรุษ เป็นไปได้หรือไม่ว่า…มีความลับที่ไม่สามารถให้คนนอกรู้ได้”
สายตาของจวินอู๋เสียเย็นเยียบราวกับมองทะลุหัวใจคนได้
จวินอู๋เสียจ้องจ้าวตำหนักหยกวิญญาณเขม็ง จนทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองได้ทำสิ่งที่น่าอับอายลงไปจริงๆ สีหน้าของเขาจึงไม่น่าดูอย่างมาก
“ไอ้เด็กเวร…” เขาหรี่ตาลง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเห็นว่าเด็กนี่มีความสามารถอยู่บ้างละก็ เขาคงฆ่าทิ้งแล้วโยนเป็นอาหารปลาไปแล้ว “อยากอยู่ก็อยู่ไป แต่ข้าจะเตือนเจ้าเอาไว้! เจ้าห้ามเข้าใกล้ศิษย์ตำหนักหยกวิญญาณแม้แต่คนเดียว และ! อะไรก็ตามที่เป็นของข้า เจ้าห้ามแตะต้องเด็ดขาด”
พูดจบ จ้าวตำหนักหยกวิญญาณก็ดีดนิ้ว หญิงชราผมสีขาวคนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างช้าๆ แม้ว่าใบหน้าของนางจะเต็มไปด้วยริ้วรอย แต่ก็ไม่มีความหมองคล้ำหรือสายตาฝ้าฟางจากวัยชราเลยแม้แต่น้อย
“ข้ามอบเด็กคนนี้ให้เจ้า หาที่เก่าๆ ที่ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ให้เขาอยู่ ให้คนส่งอาหารให้วันละสามมื้อ และอย่าให้ศิษย์คนอื่นเข้าใกล้ที่นั่น” สีหน้าของจ้าวตำหนักหยกวิญญาณน่าเกลียดมากทีเดียว แม้ว่าเขาจะฝืนใจยอมรับคำขอของจวินอู๋เสีย แต่เขาก็ทำด้วยความขัดข้องใจอย่างมาก
ไอ้เด็กคนนี้บังอาจพูดเป็นนัยว่าเขาอาจทำเรื่องผิดศีลธรรมกับศิษย์ของเขาในตำหนักหยกวิญญาณ!
ถ้าเขามีเจตนาที่ผิดศีลธรรมจริงๆ เขาคงทำมันไปก่อนหน้านี้นานแล้ว! จะต้องให้เจ้าเด็กนี่มาถามเขาด้วยหรืออย่างไร
จ้าวตำหนักหยกวิญญาณจากไปด้วยสีหน้าที่มืดมน ขณะที่ใบหน้าของหญิงชราดูเป็นมิตรอย่างมาก ดวงตาที่มองจวินอู๋เสียเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณชายน้อยท่านนี้ ไม่ทราบว่าจะให้เรียกท่านว่าอย่างไร”
จวินอู๋เสียตอบอย่างสุภาพว่า “ผู้น้อยแซ่จวิน”
“คุณชายจวิน ข้าชื่อเยว่ เรียกข้าว่ายายเยว่ก็ได้ ด้วยอายุของข้า เรียกข้าว่ายาย คงไม่เสียหายอะไรกระมัง” ยายเยว่หัวเราะขณะมองไปที่จวินอู๋เสีย “คุณชายจวินเชิญทางนี้” พูดจบยายเยว่ก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปด้านในตำหนัก
ตอนที่ยายเยว่ปรากฏตัวเมื่อสักครู่ จวินอู๋เสียสัมผัสไม่ได้เลยว่ามีคนอยู่ใกล้ๆ แต่พอจ้าวตำหนักหยกวิญญาณดีดนิ้วทีเดียว ยายเยว่ก็ปรากฏตัวออกมาทันที เห็นได้ชัดว่ายายเยว่ไม่ได้อยู่ห่างจากพวกเขามากนัก
ด้วยพลังวิญญาณขั้นสีม่วงขั้นที่สี่ของจวินอู๋เสีย แต่กลับไม่สามารถรู้สึกถึงตัวตนของยายเยว่ได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้จวินอู๋เสียคิดว่ามันค่อนข้างน่าประหลาดใจทีเดียว
ดูเหมือนว่าตำหนักหยกวิญญาณจะเป็นสถานที่ที่มีพยัคฆ์ซุ่มมังกรซ่อนอยู่