ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1511 ปลาติดเบ็ดแล้ว (1) ตอนที่ 1512 ปลาติดเบ็ดแล้ว (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1511 ปลาติดเบ็ดแล้ว (1) ตอนที่ 1512 ปลาติดเบ็ดแล้ว (2)
ตอนที่ 1511 ปลาติดเบ็ดแล้ว (1) / ตอนที่ 1512 ปลาติดเบ็ดแล้ว (2)
ตอนที่ 1511 ปลาติดเบ็ดแล้ว (1)
ผู้เยาว์ทั้งสามสบตากันราวกับได้เจออะไรสนุกๆ มาเล่น และพากันเดินไปทางจวินอู๋เสีย
จากที่พวกเขาเห็น จวินอู๋เสียรูปร่างผอมบางและยังเด็กมาก แถมด้วยภูติวิญญาณที่ตัวเล็กและอ่อนแอแบบนั้น จะต้องตกรอบในการแข่งขันงานชุมนุมเทพยุทธ์อย่างแน่นอน ทำให้เป็นเป้าหมายที่ดีสำหรับให้พวกเขาอวดเบ่งใส่
จวินอู๋เสียกำลังเดินอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง นางหันกลับไปและเห็นผู้เยาว์ตัวสูงสามคนเดินเข้ามาหานางพร้อมสีหน้ามุ่งร้าย
พวกรนหาที่ตายอีกกลุ่มอย่างนั้นสิ จวินอู๋เสียมองพวกเขาเดินเข้ามาใกล้ด้วยสายตาเย็นชา แต่สีหน้าของนางไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ
“ไอ้หนู เจ้า…”
แต่ผู้เยาว์คนหนึ่งเพิ่งจะอ้าปากพูดได้ไม่ถึงสามคำ ก็มีคนปรากฏขึ้นตรงหน้าผู้เยาว์ทั้งสาม ขวางกั้นพวกเขาจากจวินอู๋เสีย
ผู้เยาว์ทั้งสามสะดุ้งตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกระทันหันของคนผู้นั้น เมื่อพวกเขาดูดีๆ ก็เห็นว่าเป็นบุรุษร่างสูงเพรียวใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาของบุรุษคนนั้นหรี่ลงและมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนสุนัขจิ้งจอกมาก
“เฮ้ เจ้าคือ…” ผู้เยาว์คนหนึ่งเริ่มพูดด้วยความไม่พอใจ แต่สหายของเขารีบยกมือปิดปากเขาไว้อย่างรวดเร็ว
เขาทำเสียงอู้อี้ด้วยความไม่เข้าใจ แต่เด็กหนุ่มอีกคนที่อยู่ด้านซ้ายของเขาก็ยกมือขึ้นชี้ไปที่หน้าอกของบุรุษที่คล้ายสุนัขจิ้งจอก
เด็กหนุ่มที่โดนปิดปากมองไปตามที่สหายชี้ แล้วสีเลือดก็จางหายไปใบหน้าของเขาทันที ขาของเขาเริ่มสั่น
“ขออภัย! จะไปเดี๋ยวนี้ขอรับ!!!” ผู้เยาว์ทั้งสามรีบก้มหัวขอโทษด้วยใบหน้าซีดขาวตรงหน้าบุรุษที่คล้ายสุนัขจิ้งจอก ร่างของพวกเขาสั่นระริกเหมือนต้นหลิวที่อ่อนแอกลางสายลม
“ความไม่รู้ของเด็กๆ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ต้องเรียนรู้การยับยั้งชั่งใจบ้าง ไปให้พ้น” บุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกพูดด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเขาดูเป็นมิตรและอารมณ์ดีอย่างชัดเจน แต่มันกลับทำให้หนาวเย็นไปทั้งกระดูกสันหลัง
ผู้เยาว์ทั้งสามวิ่งหนีหางจุกตูดไปแทบจะทันที ราวกับมีปีศาจร้ายกำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ข้างหลัง
บุรุษที่คล้ายสุนัขจิ้งจอกมองเด็กหนุ่มทั้งสามคนวิ่งหนีไป จากนั้นก็หันกลับมามองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างยิ้มแย้ม
สายตาที่ใสกระจ่างและเย็นชาของจวินอู๋เสียมองผู้มาใหม่อย่างไร้ความรู้สึก นางรู้แก่ใจดีว่าเด็กหนุ่มสามคนเมื่อสักครู่มีเจตนาอะไร และนางยังสังเกตเห็นอีกว่าผู้เยาว์ทั้งสามเปลี่ยนท่าทีไปอย่างไรเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่บนตัวของบุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอก จากท่าทางอวดเบ่งเปลี่ยนเป็นสุนัขจรจัดที่กำลังหวาดกลัวในทันที
“เจ้าหนู การแสดงของเจ้าที่สนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิดน่าทึ่งมากจริงๆ” บุรุษหน้าหล่อยิ้มกว้างขณะมองจวินอู๋เสีย ดวงตาของเขาหยีจนดูเหมือนพระจันทร์เสี้ยวสองดวง ปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“เจ้าคือ” ดวงตาของจวินอู๋เสียกวาดมองร่างของบุรุษคนนั้นวูบหนึ่ง และเห็นเพียงภาพหัวหมาป่าสีเงินที่ปักอย่างประณีตตรงอกเสื้อของเขา
“ข้าบังเอิญได้เห็นการแสดงของเจ้าและคิดว่ามันแปลกใหม่มาก ข้าจึงมาพบเจ้าที่นี่เพราะมีข้อสงสัยสองสามอย่างที่อยากจะถามให้กระจ่าง” บุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกเอียงหัวเล็กน้อย รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้าของเขา เขายิ้มจนตาหยีจนมองไม่เห็นตาของเขาเลย
จวินอู๋เสียไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ บนใบหน้า นางเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้อย่างคร่าวๆ แล้ว ตั้งแต่นางออกจากสนามแข่งพรสวรรค์แต่กำเนิด นางก็สังเกตเห็นว่ามีผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงจำนวนหนึ่งตามหลังนางมา แต่คนพวกนั้นทุกคนมีพลังด้อยกว่านาง นั่นคือสาเหตุที่นางสามารถรับรู้ตัวตนของพวกเขาได้ ส่วนบุรุษตรงหน้านางคนนี้ นางไม่ได้สังเกตเห็นตัวตนของเขาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
พลังของบุรุษคนนี้เหนือกว่านาง!
ถ้านางเดาไม่ผิด พวกที่ตามนางมาก่อนหน้านี้ต้องมาจากสิบสองตำหนักแน่!
ตอนที่ 1512 ปลาติดเบ็ดแล้ว (2)
แม้ว่านี่จะเป็นผลลัพธ์ที่จวินอู๋เสียต้องการ แต่…
ตอนที่นางประมือกับผู้อาวุโสของสิบสองตำหนักก่อนหน้านี้ พลังของศัตรูด้อยกว่านาง แต่นางก็ยังไม่แน่ใจว่าผู้อาวุโสทุกคนของสิบสองตำหนักจะอ่อนแอกว่านาง แม้ว่าจวินอู๋เสียจะไม่สามารถแน่ใจในตัวตนของอีกฝ่าย แต่สิ่งที่นางแน่ใจก็คือเขามีพลังที่เหนือกว่าผู้อาวุโส!
“ถามอะไร” จวินอู๋เสียถามนิ่งๆ
สายตาของบุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกมองไปที่แมวดำในอ้อมแขนของจวินอู๋เสีย
“นั่นคือภูติวิญญาณของเจ้าหรือ”
จวินอู๋เสียพยักหน้า
“ออร่าของมันดูค่อนข้างอ่อนแอ ข้ารู้สึกได้ ข้าก็เลยอยากรู้ว่าสิ่งที่เจ้าแสดงบนเวทีเมื่อครู่คืออะไร แมวน้อยตัวเล็กๆ เช่นนี้มีความสามารถเดินบนอากาศที่ไร้รูปร่างได้อย่างไร แถมยังมีพลังของเปลวไฟอีกด้วย ถ้าข้าจำไม่ผิด นอกจากภูติประเภทบินได้แล้ว ภูติประเภทอื่นๆ ก็ไม่น่าจะลอยบนอากาศได้” บุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกพูดอย่างตรงไปตรงมา
ในขณะที่บุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกถามคำถามนั้น จวินอู๋เสียก็สัมผัสได้ว่ามีพลังวิญญาณขั้นสีม่วงซ่อนอยู่หลายจุดรอบๆ ตัวนาง ในที่สุดคนของสิบสองตำหนักก็ตามมาทัน
แต่มีจุดหนึ่งที่ค่อนข้างแปลก ทำไมพวกเขาไม่เปิดเผยตัวเอง
จวินอู๋เสียลดสายตาลงเล็กน้อย นางไม่ได้รีบร้อน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็มารวมตัวกันแล้ว ถึงเวลาที่นางจะเกี่ยวเหยื่อล่อปลาต่อไป
“นั่นคือการเสริมวิญญาณ” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นพูด
“การเสริมวิญญาณ” บุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกถามด้วยสีหน้างุนงง
จวินอู๋เสียพูดว่า “ด้วยพลังของวิญญาณ ใช้น้ำชนิดพิเศษเขียนคาถาโบราณออกมา สิ่งนี้สามารถใช้ได้กับภูติวิญญาณเท่านั้น ทำให้ภูติวิญญาณได้รับผลต่างๆ กันไปหลายแบบ”
“โอ้ บนโลกนี้มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์ขนาดนี้เชียวหรือ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” บุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกพูด
จวินอู๋เสียอธิบายต่อไปว่า “แม้ว่าการเสริมวิญญาณจะใช้พลังวิญญาณ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถใช้ได้ นี่เป็นความสามารถพิเศษของคนเผ่าจ้าววิญญาณของเรา คนอื่นย่อมไม่รู้เรื่องนี้”
“เผ่าจ้าววิญญาณ มีเผ่าแบบนั้นในสามโลกชั้นกลางด้วยหรือ ข้าไม่คิดว่าเคยได้ยินมาก่อนนะ”
แมวดำตัวน้อยเหลือบมองสีหน้างุนงงของบุรุษที่คล้ายสุนัขจิ้งจอก ในใจมันแอบนึกดูถูก
แหงล่ะว่าเจ้าต้องไม่เคยได้ยิน นั่นเจ้านายข้าเพิ่งคิดขึ้นมาเอง ถ้าเจ้าเคยได้ยินก็คงได้ได้ยินจากผีแล้ว
แต่จวินอู๋เสียไม่ได้กะพริบตาเลย แถมหน้าก็ไม่แดงแม้แต่น้อย ลมหายใจก็เป็นปกติ สายตาก็นิ่งเหมือนเดิม “ต้องมีอยู่แล้วสิ ไม่อย่างนั้นเจ้าคิดว่าข้ามาจากไหนเล่า”
บุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกนิ่งงันไปสักพัก เขายกมือขึ้นมาลูบคางพลางหรี่ตาลง ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
จวินอู๋เสียกล่าวต่อไปว่า “เผ่าจ้าววิญญาณของเรามีจำนวนคนน้อยมาก และไม่ชอบยุ่งกับโลกภายนอก อาศัยอย่างสันโดษในภูเขาลึก ไม่เต็มใจเปิดเผยตัวเองต่อผู้คน เป็นธรรมดาที่เจ้าจะไม่รู้จัก”
“อ้าว ในเมื่อพวกเจ้าไม่ชอบยุ่งกับโลกภายนอก แล้วทำไมเจ้าถึงมาที่งานชุมนุมเทพยุทธ์ในครั้งนี้เล่า” บุรุษคล้ายสุนัขจิ้งจอกเห็นความขัดแย้งในคำพูดของจวินอู๋เสียทันที
จวินอู๋เสียแอบหัวเราะเยาะในใจ แต่ใบหน้าของยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
“ทุกคนจะเป็นเหมือนกันหมดได้อย่างไร ความทะเยอทะยานของบุตรชายอยู่ที่การสร้างชื่อเอาไว้กับโลก ทำไมข้าต้องถูกจำกัดอยู่ในที่ที่เดียวด้วย ในเมื่อข้ามีมุมมองที่ต่างจากคนในเผ่า ข้าก็ตัดสินใจจากมาและออกเดินทางไปทั่วโลก ข้าผิดหรือที่ทำแบบนั้น” จวินอู๋เสียพูดเสียงเรียบ ค่อยๆ สานคำโกหกเข้าด้วยกันทีละนิดจนกลายเป็นภาพเท็จทั้งหมด
การเสริมวิญญาณจะก่อให้เกิดอะไรในสามโลกชั้นกลาง จวินอู๋เสียรู้ดีแก่ใจ สิ่งที่นางต้องการคือข้อสรุปที่สมบูรณ์แบบในการวาดภาพให้นางเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังเช่นนี้ต่อหน้าสิบสองตำหนัก!