ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 153 อวดดีต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ (4) ตอนที่ 154 การแสดงดีๆ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 153 อวดดีต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ (4) ตอนที่ 154 การแสดงดีๆ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว (1)
ตอนที่ 153 อวดดีต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ (4)
หัวใจของจวินชิงสั่นไปเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าจวินอู๋เสียจะอาศัยการจลาจลนี้เพื่อวางแผนตลบหลัง ชักนำความโชคร้ายกลับไปสู่คนพวกนั้น!
“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าคนทั้งห้าสิบคนนั้นมาจากวังหลวง” จวินชิงถามออกไป สิ่งที่จวินอู๋เสียพูดมานั้นไม่ผิดเลย หากเป็นในสถานการณ์ปกติ การตามหาใครสักคนคงจะเป็นเรื่องยากและต้องใช้กำลังไม่น้อย แต่ในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังตื่นตัวเพราะเรื่องยาพิษ หากมีใครคนหนึ่งออกไปทำงานข้างนอกบ้านแล้วไม่ได้กลับมา แม้จะเป็นงานที่ทำในที่โล่งแจ้ง มีคนเดินพลุกพล่าน และเห็นหน้ากันและกันตลอดทั้งวัน แม้จะไม่เกี่ยวข้องกันก็ตาม แต่ถ้าไม่ได้เห็นหน้ากันเลยก็ต้องเริ่มมีผู้ถามถึงความปลอดภัยของพวกเขาบ้างแล้ว
มีครอบครัวไหนบ้างที่ไม่กลัวว่าคนที่ตายไปจะเป็นหนึ่งในสมาชิกในครอบครัวของตัวเอง!
ประกอบกับจวินอู๋เสียได้จงใจขอให้หลงฉีเผยแพร่ข่าวไปในหมู่ประชาชนว่ายาแก้พิษนี้นางจะทำให้เฉพาะกับคนในเมืองหลวงเท่านั้น ไม่ได้ถูกส่งเข้าไปในวังหลวง
ญาติของคนเหล่านั้นที่มีคนในตระกูลทำงานเป็นบ่าวรับใช้ นางกำนัล ขันที ทหารและอื่นๆ ในวังหลวง ก็จะยิ่งเป็นกังวลถึงเรื่องความปลอดภัยของพวกเขา และต้องรีบร้อนเอายาถอนพิษไปส่งให้พวกเขาที่วังหลวงเพื่อสอบถามถึงสถานการณ์ปัจจุบัน
สำหรับสิ่งเหล่านี้ จวินอู๋เสียไม่จำเป็นต้องลงมือทำเองสักนิด เพียงแค่นั่งรออยู่ที่จวนอย่างสบายๆ ชาวบ้านพวกนั้นก็จะส่งข่าวมาให้ถึงมือของนางเอง
“พวกเขาทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ จะกล้าใช้คนนอกได้อย่างไรกัน” จวินอู๋เสียชี้ให้เห็นตรงจุด การลากคนทั้งเมืองหลวงให้ต้องมารับเคราะห์ด้วย แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่กล้าทำ เพราะถ้าหากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป พระองค์จะต้องถูกความเกรี้ยวกราดของปวงชนเตะลงจากราชบัลลังก์อย่างแน่นอน พระองค์ไม่กล้าเสี่ยงเดิมพันกับเรื่องนี้หรอก
ที่เหลือก็มีแค่คู่ชายโฉดหญิงชั่วสองคนนั้นเท่านั้น…
และในเมื่อพวกเขากล้าวางแผนใช้ยาพิษเล่นงานคน แน่นอนว่าจะต้องเหยียบเรื่องนี้ให้มิด แล้วพวกเขาจะกล้าใช้คนนอกได้อย่างไร จะกล้าปล่อยให้ข่าวนี้รั่วไหลออกไปได้อย่างไร!
ไม่ใช่แค่นางกำนัลขันทีในวังหลวง แม้แต่ทหารในกองทหารรักษาพระองค์เองก็เป็นเป้าหมายที่ถูกจวินอู๋เสียจัดให้อยู่ในหมวดหมู่ที่ต้องตรวจสอบ
“แต่ว่าเรื่องนี้หากตรวจสอบออกมาแล้วพบว่า…” จวินชิงนึกถึงผลลัพธ์ที่จะตามมาไม่ออกเลยว่ามันจะเลวร้ายมากเพียงใด หากว่าคนทั้งห้าสิบคนนั้นถูกปล่อยออกมาจากวังหลวง เรื่องนี้เขาไม่กล้าจินตนาการต่อจริงๆ
“เจ้าคิดจะใช้ความโกรธแค้นของประชาชนมาต่อกรกับฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ” จวินชิงถามจวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียกลับส่ายหัวแล้วตอบ
“เรื่องแก้แค้น ข้าถนัดลงมือด้วยตัวเองมากกว่า”
อาศัยมือของคนอื่นทำ มันจะไปสะใจได้อย่างไรเล่า!
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเทียบกับความโกรธแค้นของประชาชนหลายหมื่นแสนคน เมื่ออยู่ต่อหน้าอำนาจที่แท้จริงของฮ่องเต้ มันจะต้านทานได้สักกี่น้ำกันเชียว
จวินชิงมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความตกใจมาก เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าหลานสาวของตัวเองจะมีมุมเช่นนี้อยู่ด้วย!
หลังจากคิดพิจารณาถึงเรื่องราวทั้งหมด จวินชิงก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าวกับจวินอู๋เสียไปว่า “จากที่เจ้าพูดมา ยาพิษนั่นมาจากมือของไป๋อวิ๋นเซียนสินะ อู๋เสีย เจ้าอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับอำนาจของสำนักชิงอวิ๋นว่ามันมีมากมายแค่ไหน หากเจ้าคิดแค่จะจัดการกับฮ่องเต้ แล้วดันองค์รัชทายาทได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างชอบธรรม แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องยาก แต่หากเป้าหมายของเจ้าคือไป๋อวิ๋นเซียน ข้าอยากให้เจ้าระมัดระวังและคิดให้รอบคอบกว่านี้อีกสักนิด ฆ่าไป๋อวิ๋นเซียนไม่ยาก แต่ที่ยุ่งวุ่นวายคือสถานะของนาง จงอย่าลืมว่าอย่างไรนางก็ยังมีสำนักชิงอวิ๋นคอยหนุนหลังอยู่ อำนาจของสำนักชิงอวิ๋นไม่ใช่อะไรที่จะสามารถมองข้ามได้เลย”
จวินชิงเตือนนางด้วยความหวังดี เพราะยาพิษที่อีกฝ่ายปรุงออกมาและใช้มันกับหลินเย่ว์หยาง จวินเสี่ยน และคนทั้งห้าสิบคนนั้นล้วนมาจากมือไป๋อวิ๋นเซียนทั้งสิ้น เขารู้ว่าหลานสาวของเขาจะต้องไม่ปล่อยไป๋อวิ๋นเซียนไปแน่ๆ
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับสำนักชิงอวิ๋นมากนัก เพียงได้ยินเศษเสี้ยวจากผู้คนที่อยู่รอบข้างว่าพวกเขาเรืองอำนาจขึ้นมาได้ด้วยความสามารถทางด้านการแพทย์และการหลอมโอสถ สำนักชิงอวิ๋นโด่งดังเรื่องการแพทย์มากที่สุด และก็เป็นที่นับถือจากแคว้นใหญ่ๆ แทบทุกแคว้น มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะกล้าต่อต้านสำนักชิงอวิ๋น เพราะไม่เพียงแต่พวกเขามีขุมอำนาจมากมายคอยหนุนหลัง แต่พวกเขายังครอบครองทักษะทางการแพทย์ที่ดีที่สุดในโลกไว้ในมือด้วย
ใครบ้างลืมตาขึ้นมาในโลกใบนี้แล้วไม่ต้องเผชิญกับการเกิดแก่เจ็บตาย ทุกคนล้วนกลัวตาย ดังนั้นตำแหน่งของสำนักชิงอวิ๋นในใจของทุกคนจึงถูกวางไว้ให้อยู่ในจุดที่ค่อนข้างสำคัญ อย่างน้อยในช่วงเวลาวิกฤต สำนักชิงอวิ๋นก็ยังสามารถรักษาชีวิตน้อยๆ ของพวกเขาเอาไว้ได้ไม่ใช่หรือ
นี่คือตัวอย่างของความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน แม้จะไม่ได้ชัดเจน แต่ในทางปฏิบัติก็ถือเป็นเช่นนั้น ลองคิดดูสิว่าหากสำนักชิงอวิ๋นประกาศตัวออกไปว่าต้องการกำจัดศัตรูที่กล้าต่อต้านพวกเขา จะมีขุมอำนาจมากมายเพียงใดพร้อมใจยื่นมือเข้าช่วย การได้ทำให้สำนักอันดับหนึ่งด้านการแพทย์ติดหนี้น้ำใจของพวกเขา พวกเขายิ่งกว่ายินดีและเต็มใจ
นี่ยังไม่นับรวมยอดฝีมือที่เร้นกายซ่อนตัวจากยุทธภพ หากรวมกองกำลังที่ซ่อนเร้นนี้เข้าไปด้วย
ภาพนี้คงเป็นฉากที่น่ากลัวทีเดียวสำหรับศัตรูตัวเล็กๆ ที่กล้าต่อต้านสำนักชิงอวิ๋น!
กองกำลังเหล่านี้ล้วนมีความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะถูกสำนักชิงอวิ๋นนำมาใช้งาน
ดังนั้นตราบใดที่สกุลจวินยังไม่มั่นใจมากพอว่าจะสามารถต่อกรกับสำนักชิงอวิ๋นได้ ตระกูลอ๋องเล็กๆ ในแคว้นเล็กๆ กันดารก็เป็นได้แค่เศษชิ้นเค้กที่รอให้ผู้คนดึงทึ้งบดขยี้เท่านั้น!
กองกำลังมากมายจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ใช่อะไรที่กองทัพรุ่ยหลินที่มีกำลังทหารเพียงไม่กี่แสนนายจะสามารถหยุดยั้งและต้านทานได้เลย!
ตอนที่ 154 การแสดงดีๆ ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว (1)
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ครุ่นคิดถึงสถานการณ์ที่นางต้องเผชิญ ซึ่งมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น หนึ่งคือยอมแพ้และปล่อยไป๋อวิ๋นเซียนไปโดยไม่ล้างแค้น สองคือป้องกันไม่ให้สำนักชิงอวิ๋นรู้ความจริงทั้งหมดนี้
ปล่อยไป๋อวิ๋นเซียนไปอย่างนั้นหรือ
จวินอู๋เสียจะไม่มีวันทำสิ่งนี้!
คนที่กล้าทำร้ายท่านปู่ของนาง พวกมันต้องตายทุกคน!
“ท่านอาเล็กไม่ต้องกังวลไปหรอกเจ้าค่ะ ข้าย่อมมีแผนการของตัวเอง” จวินอู๋เสียคิดอย่างแน่วแน่ สิ่งที่นางตัดสินใจลงไปแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยนแม้ต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากแค่ไหนก็ตาม
จวินชิงมองไปที่จวินอู๋เสีย พยายามค้นหาเบาะแสจากใบหน้าของนาง แต่น่าเสียดายที่การแสดงออกของจวินอู๋เสียเย็นชาจนเกินไป ทำให้จวินชิงไม่อาจเดาเงื่อนงำใดๆ ได้
เด็กน้อยคนนี้ นับวันยิ่งมีความคิดลึกล้ำยากจะคาดเดาเข้าไปทุกที
“เช่นนั้นเจ้าก็ระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน หากเจ้าตกอยู่ในอันตราย จงจำไว้ว่าสกุลจวินและกองทัพรุ่ยหลินจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ!”
“เจ้าค่ะท่านอาเล็ก”
ในไม่ช้า การคาดการณ์ของจวินอู๋เสียที่มีต่อชาวเมืองก็ได้รับการพิสูจน์
ผู้คนมากกว่ายี่สิบคนมาคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูจวนหลินอ๋อง แต่ละคนถือคบเพลิงไว้ในมือแน่น ทุกคนร้องไห้สะอึกสะอื้น แววตาที่มองมายังประตูจวนคล้ายกับมองความหวังสุดท้ายแล้วอย่างไรอย่างนั้น
หลงฉีคือผู้ที่ต้องออกไปรับหน้าเหล่าชาวเมือง ร่างสูงก้าวขึ้นไปข้างหน้าก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้ากลุ่มคน หลังจากสอบถามถึงที่มาที่ไปจากบรรดาปากของญาติๆ ราวยี่สิบกว่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ที่สูญหาย ถึงได้ทราบความว่าคนที่หายไปทั้งหมดล้วนเป็นทหารจากกองทหารรักษาพระองค์ทั้งสิ้น เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องพิษที่แพร่กระจายออกไปในเมืองหลวงในตอนเที่ยง พวกเขาที่ได้รับยาถอนพิษจากกองทัพรุ่ยหลินแล้ว ก็รีบมุ่งหน้าไปที่ค่ายทหารกองทหารรักษาพระองค์เหมือนกับที่เคยทำทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ในครั้งนี้แตกต่างออกไปเล็กน้อย แม้ว่ายาถอนพิษและของอื่นๆ จะถูกนำไปส่งให้กับญาติของพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่ได้เห็นญาติของตัวเองออกมารับของกับตา ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงนั้น บอกกับพวกเขาว่ายามนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินไม่อาจให้คนข้างในออกมาพบพวกเขาได้ แต่พวกเขาเป็นห่วงญาติของตัวเองนี่ หลังจากดื้อรั้นถกเถียงกันอยู่นาน ในที่สุดกลุ่มคนที่ไปออกันอยู่หน้าค่ายทหารกองทหารรักษาพระองค์ก็ทนไม่ไหวทั้งร้องไห้ทั้งสร้างปัญหา ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าค่ายเองเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ชักน่ารำคาญมากขึ้นทุกที ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ขับไล่พวกเขาออกมา กลุ่มคนจึงได้ถ่อมาที่จวนหลินอ๋องเพื่อขอความช่วยเหลือจากองค์รัชทายาทมั่วเฉี่ยนยวนซึ่งมาพำนักอยู่ที่นี่ชั่วคราว
หลงฉีพาคนเหล่านี้เข้าไปพบกับมั่วเฉี่ยนยวนในห้องรับรองของจวนหลินอ๋อง จวินอู๋เสียหลังจากที่ได้ทราบข่าวทั้งหมดก็รีบรุดมาที่ห้องรับรองและนั่งลงด้านข้างของชายหนุ่ม ดวงตาหงส์กวาดมองเหล่าญาติๆ ของผู้สูญหายที่กำลังร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงคนในครอบครัว น้ำตาน้ำมูกของพวกเขาไหลเปรอะเปื้อนเต็มใบหน้าไปหมด แต่ช่างน่าแปลกที่จวินอู๋เสียกลับไม่ได้ดูรังเกียจพวกมัน นางส่งสายตาให้สัญญาณกับมั่วเฉี่ยนยวนอย่างลับๆ
ในตอนแรก ที่มาที่ไปของคนทั้งห้าสิบคนที่เสียชีวิตไปนั้นพวกเขาไม่รู้อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว หลังจากคลำหาราวกับแมลงวันไร้หัวไปกว่าครึ่งค่อนวัน ภายหลังถึงได้ปรับเปลี่ยนมาใช้วิธีการของจวินอู๋เสียแทน
ดูสินี่ยังไม่ทันข้ามวันก็เห็นผลลัพธ์แล้ว!
ฟังจากที่กลุ่มคนยี่สิบกว่าคนตรงหน้าเล่ามา จวินอู๋เสียก็ได้ข้อสรุปในใจว่าการที่ทหารจากกองทหารรักษาพระองค์สูญหายไปกว่ายี่สิบคนพร้อมกัน นี่ต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ
อย่างไรก็ตามเด็กสาวไม่ได้พูดอะไรออกไป นางเพียงแต่เฝ้ารอดูการแสดงต่อไปอย่างใจเย็น
มั่วเฉี่ยนยวนได้รับการชี้แนะจากจวินอู๋เสียมาก่อนแล้ว ทันทีที่ได้รับสัญญาณจากเด็กสาว เขาก็เริ่มเข้าสู่บทบาททันที ชายหนุ่มตีหน้าเศร้า แววตาเผยถึงความเห็นอกเห็นใจต่อบรรดาญาติที่ครอบครัวของพวกเขาสูญหายไปอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จากนั้นก็ตบหน้าอกของตัวเอง ให้คำมั่นสัญญากับคนที่มาขอความช่วยเหลือว่าจะพาญาติๆ ของพวกเขากลับมาอย่างปลอดภัยแน่นอน ขอพวกเขาอย่าเพิ่งได้เป็นกังวลไป ก่อนจะนำทหารของกองทัพรุ่ยหลินหนึ่งหน่วยติดตามไปที่หน้าค่ายทหารกองทหารรักษาพระองค์ด้วยกัน
ชื่อเสียงของกองทัพรุ่ยหลินที่ชวนให้ผู้คนครั่นคร้าม ได้แพร่สะพัดไปทั่วกองทหารรักษาพระองค์ตั้งนานแล้ว เวลานี้เมื่อเห็นว่าองค์รัชทายาทมั่วเฉี่ยนยวนนำทหารสวมชุดเกราะหนักของกองทัพรุ่ยหลินบุกมาถึงที่หน้าค่าย แม้ใจจะหลั่งน้ำตา แต่ว่ามีหรือที่พวกเขาจะกล้าต่อต้าน ทหารที่ยืนเฝ้าหน้าประตูค่ายอยู่เปิดประตูปล่อยให้กลุ่มเทพสังหารเหล่านี้เข้าไปด้านในค่ายได้อย่างง่ายดาย
มั่วเฉี่ยนยวนพาเหล่าญาติๆ ของแต่ละครอบครัวที่กำลังร้องไห้อยู่มาที่หน้ากระโจมหลังใหญ่สุดในค่ายทหาร แล้วบังคับให้ทหารพวกนั้นเรียกตัวกลุ่มทหารที่มีชื่อตามบัญชีรายชื่อเหล่านี้ออกมา
หลังจากการตรวจสอบตลอดทั้งคืน พบว่าไม่กี่วันที่ผ่านนี้มาทหารในกองทหารรักษาพระองค์ได้หายตัวไปถึงห้าสิบนาย ผู้บัญชาการของพวกเขาอดกลั้นจนใบหน้าแดงก่ำ แต่เขาบอกไม่ได้ว่าทหารเหล่านั้นตอนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว
ในตอนนั้นเอง ที่กลุ่มญาติของเหล่าทหารที่หายตัวไปได้ก่อความวุ่นวายขึ้นมาอีกครั้ง
มันจะมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อไม่นานมานี้มีคนห้าสิบคนตายเพราะร่างกายระเบิดในเมืองหลวง แล้วตอนนี้ทหารจากกองทหารรักษาพระองค์ก็ยังมาหายตัวไปในจำนวนที่เท่ากับกลุ่มคนที่ประสบเคราะห์ร้ายอีก
ฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง ข่าวนี้ก็ลามไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว!
คนที่มีสมองหน่อย ล้วนคาดเดาได้แล้วว่ากลุ่มคนที่ประสบเคราะห์ร้ายทั้งห้าสิบคนในวันนั้น ที่แท้ก็คือทหารที่หายตัวไปจากกองทหารรักษาพระองค์ทั้งห้าสิบคนนั่นเอง!
นั่นก็เท่ากับว่า พิษนี้ถูกแพร่ออกมาจากค่ายทหารกองทหารรักษาพระองค์ใช่หรือไม่
ทั่วทั้งเมืองหลวงบัดนี้ต่างพากันถกเถียงถึงประเด็นนี้อย่างร้อนแรง กองทหารรักษาพระองค์ ไม่ใช่กองกำลังส่วนพระองค์ที่มีหน้าที่อารักขาคุ้มครองฮ่องเต้และเหล่าเชื้อพระวงศ์หรอกหรือ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน!
ทหารจากกองทหารรักษาพระองค์เวลานี้พากันก้มหน้างุดอับอายเหลือจะกล่าว พวกเขาไม่มีหน้าไปพบปะเหล่าชาวเมืองแล้ว ค่ายทหารซึ่งเป็นที่ตั้งของกองทหารรักษาพระองค์ถูกปิดตายชั่วคราวไม่อนุญาตให้มีผู้ใดเข้าออกได้
ขณะเดียวกันที่จวนหลินอ๋อง จวินอู๋เสียกำลังเตรียมเปลี่ยนยอดสุราธาราหยกชุดใหม่ใส่ลงในอ่างบัว มั่วเฉี่ยนยวนบุกเข้ามาหานางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแป้น มีความสุขจนน่าหมั่นไส้
“ทุกอย่างสำเร็จแล้ว!”