ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1543 หอจันทร์แรม (3) ตอนที่ 1544 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1543 หอจันทร์แรม (3) ตอนที่ 1544 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (1)
ตอนที่ 1543 หอจันทร์แรม (3) / ตอนที่ 1544 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (1)
ตอนที่ 1543 หอจันทร์แรม (3)
“เจ้าหนู เจ้าชื่ออะไร” สตรีนางนั้นถาม
“จวินอู๋” จวินอู๋เสียตอบ
“จวินอู๋…” สตรีนางนั้นลูบคาง ลุกขึ้นนั่ง แล้วจิบสุราอีกอึก “เจ้าเพิ่งเข้ามาปีนี้หรือ” ใบหน้าของสตรีนางนั้นดูมึนเมาเล็กน้อย
“ใช่”
“สาขาไหน”
“พรสวรรค์แต่กำเนิด”
สตรีนางนั้นเบะปากมองบน “เวร จะโยนเจ้าเด็กสาขาพรสวรรค์แต่กำเนิดมาให้ข้าทำบ้าอะไร สติไม่ดีเรอะ ข้าไม่ได้มาจากเผ่าพิเศษพวกนั้นเสียหน่อย”
จวินอู๋เสียนิ่งฟังสตรีนางนั้น ‘บ่น’ แบบไม่ออมเสียงเลยสักนิด
“เจ้ามาจากเผ่าไหน ผู้ใช้กระดูก แม่มดหมอผี หรือเผ่าวายุ” สตรีนางนั้นมีสีหน้าหงุดหงิด นางแทบจะสลักคำว่า “ข้าไม่ได้อยากสอนเจ้าสักนิด เจ้าไสหัวไปจะได้หรือไม่” เอาไว้บนหน้าผากนางอยู่แล้ว
จวินอู๋เสียทำเหมือนนางไม่ได้สังเกตเห็นความหงุดหงิดของสตรีนางนั้น และตอบกลับไปว่า “เผ่าจ้าววิญญาณ”
“ห๊ะ” สตรีนางนั้นชะงัก มือที่ถือเหยือกสุราแกว่งเล็กน้อย “เผ่าจ้าววิญญาณ ไม่เคยได้ยิน” พูดแล้วก็กระดกสุราอีกอึก
“เจ้าหนู อย่าหลอกข้า”
“เป็นเผ่าจ้าววิญญาณจริงๆ” จวินอู๋เสียพูดอย่างใจเย็น สำนักธาราเมฆเป็นสำนักที่สามที่นางเคยเข้าเรียน แต่อาจารย์อย่างสตรีนางนี้ จวินอู๋เสียเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก อาจารย์ที่เชื่อถือไม่ได้มากที่สุดที่จวินอู๋เสียเจอมาก็น่าจะเป็นอาจารย์เยี่ยนปู้กุย และสุราก็ไม่เคยห่างจากปากเขาเช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับสตรีนางนี้ เยี่ยนปู้กุยดูกระจอกไปเลย
“หือ เผ่าจ้าววิญญาณ เอาล่ะ อย่างนั้นบอกข้ามา ลักษณะพิเศษของเผ่าจ้าววิญญาณคืออะไร ถ้าบอกไม่ได้ ข้าจะโยนเจ้าออกไป” สตรีพ่นลมออกมาพร้อมกลิ่นสุรา
จวินอู๋เสียเหลือบมองนางและไม่ได้พูดอะไรมาก นางเอาถุงเอกภพออกมา ตั้งใจจะหยิบของบางอย่างจากในนั้น
ในสามโลกเบื้องล่าง ไม่มีของอย่างถุงเอกภพนี้ แต่ในสามโลกชั้นกลางนี่ ถึงแม้ถุงเอกภพจะหายาก แต่ก็ไม่ได้หายากขนาดที่จะประหลาดใจเมื่อได้เห็น ดังนั้นจวินอู๋เสียจึงเอามันออกมาโดยไม่ได้คิดมาก
แต่พอจวินอู๋เสียเอาถุงเอกภพออกมา สตรีที่มีสีหน้าหงุดหงิดก็ชะงักค้างไปทันที นางจ้องถุงเอกภพที่มีลายปักดอกไม้ในมือของจวินอู๋เสีย ความมึนเมาในดวงตาของสตรีนางนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
ทันใดนั้น แสงสีเงินก็พุ่งผ่านหน้าจวินอู๋เสีย และถุงเอกภพที่นางถืออยู่ก็หายไปทันที เมื่อจวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นมา ถุงเอกภพก็อยู่ในมือของสตรีนางนั้นแล้ว
นางเอาไปเมื่อไร
จวินอู๋เสียประหลาดใจ เมื่อนึกถึงแสงสีเงินแวบหนึ่งก่อนหน้านี้ นางก็ใจหายวาบ
เยี่ยซาเคยบอกนางว่า เหนือพลังวิญญาณขั้นสีม่วงก็คือพลังวิญญาณขั้นสีเงิน แต่จวินอู๋เสียไม่เคยเห็นมาก่อน นางสงสัยมาตลอดว่าจ้าวตำหนักหยกวิญญาณเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีเงิน แต่นางก็ไม่เคยเห็นเขาใช้พลัง ตอนที่จวินอู๋เสียเพิ่งเจอกับสตรีขี้เมาคนนี้ นางก็ไม่สามารถระบุพลังวิญญาณของสตรีนางนี้ได้ นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าสตรีนางนี้มีพลังที่สูงกว่านาง แต่จวินอู๋เสียคิดไม่ถึงเลยว่าสตรีนางนี้จะมีพลังระดับเดียวกับจ้าวตำหนักของสิบสองตำหนัก พลังวิญญาณขั้นสีเงิน!
จวินอู๋เสียเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่สตรีนางนั้นไม่สนว่าจวินอู๋เสียจะรู้สึกอย่างไร นางจ้องมองถุงเอกภพในมือด้วยสายตาตกตะลึงอย่างถึงที่สุด
“เจ้าหนู! เจ้าได้ถุงเอกภพนี้มาจากไหน!” สตรีนางนั้นเงยหน้าขึ้น ความมึนเมาหายไปจากดวงตาคู่งามนั้นจนหมดสิ้น แทนที่ด้วยสายตาคมกริบ น้ำเสียงดุดัน
จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว ถุงเอกภพใบนี้ เยี่ยนปู้กุยเป็นคนมอบให้นาง ดูจากปฏิกิริยาของสตรีนางนั้น เห็นได้ชัดว่านางจำถุงเอกภพใบนี้ได้!
ตอนที่ 1544 อาจารย์ที่รักสุรายิ่งชีพ (1)
เหตุผลที่เยี่ยนปู้กุยไปจากสามโลกชั้นกลางนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพูดถึงมาก่อน ตอนที่จวินอู๋เสียรักษาเยี่ยนปู้กุย นางพบว่าร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บภายในค่อนข้างมากและต้องใช้เวลาพอสมควรในการรักษาให้กลับมาแข็งแรง ก่อนจากมา นางได้ให้มู่เฉินดูแลอาการของเยี่ยนปู้กุย
ความจริง เยี่ยนปู้กุยไม่ได้สอนอะไรจวินอู๋เสียมากนัก แต่ในใจจวินอู๋เสียยอมรับว่าเขาเป็นอาจารย์ และนั่นจะไม่เปลี่ยนแปลง
อาการบาดเจ็บของเยี่ยนปู้กุยทำให้จวินอู๋เสียรู้ว่าเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากบางอย่างที่อยู่เหนือการควบคุมของเขา ทำให้เขาต้องออกจากสามโลกชั้นกลาง ดังนั้นจวินอู๋เสียจะไม่พูดถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเยี่ยนปู้กุยให้คนนอกฟัง
สตรีนางนี้จำถุงเอกภพได้ นางอาจจะรู้จักเยี่ยนปู้กุยด้วย
“ข้าซื้อมาจากการประมูล” จวินอู๋เสียตอบ
“เจ้าซื้อมาจากการประมูล” สตรีนางนั้นมีสีหน้าตกตะลึงและเหลือเชื่อ นางพลิกถุงเอกภพไปมาอยู่หลายครั้ง จากนั้นมุมปากของนางก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเย็นชา “ซื้อจากการประมูล…ดี! ดี! ดีมาก! ฮ่าๆ ๆ ๆ!”
นางโยนถุงเอกภพกลับไปให้จวินอู๋เสีย รอยยิ้มหยันยังคงอยู่บนริมฝีปากนาง
“เจ้าทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ!”
จวินอู๋เสียถือถุงเอกภพไว้ในมือ คำพูดของสตรีนางนั้นทำให้นางประหลาดใจ แต่ก่อนที่นางจะแน่ใจในความสัมพันธ์ของสตรีนางนั้นกับเยี่ยนปู้กุย นางไม่สามารถเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับเขาได้ นั่นก็เพื่อความปลอดภัยของเยี่ยนปู้กุย
“ข้าทำต่อเลยหรือไม่” จวินอู๋เสียแสร้งทำเป็นนิ่งมองสตรีนางนั้น
สตรีนางนั้นกระดกสุราอีกอึก แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อเลย!”
จวินอู๋เสียดึงขวดน้ำออกมาจากถุงเอกภพ หลังจากทำให้พู่กันเปียกแล้ว นางก็ลงนั่งยองๆ บนพื้นและเขียนอักษรเสริมวิญญาณก่อนจะเรียกแมวดำตัวน้อยออกมา
สตรีนางนั้นเอนหลังพิงโซฟามองอย่างเฉยเมย และไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าจวินอู๋เสียกำลังทำอะไรอยู่ ดูเหมือนใจของนางกำลังล่องลอยไปอยู่ที่อื่น
แต่ในขณะที่สตรีนางนั้นกำลังใจลอยอยู่นั้นเอง เปลวไฟร้อนแรงก็ลุกพรึ่บขึ้นตรงหน้านาง แสงสว่างจ้าได้ดึงความสนใจของสตรีนางนั้นกลับมา!
นางเห็นแมวดำตัวน้อยเดินเหยียบเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ ลูกไฟห่อหุ้มอยู่ที่ขาของมัน แต่ไม่ได้เผาไหม้ขนของมันแม้แต่น้อย
สตรีที่ไม่ได้สนใจเลยในตอนแรก บัดนี้จ้องมองภาพอัศจรรย์ตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้าง
หลังจากนั้นไม่นาน เปลวไฟรอบอุ้งเท้าของเจ้าแมวดำก็สลายไป จากนั้นมันก็กระโจนเบาๆ ขึ้นไปบนไหล่ของจวินอู๋เสีย และลงนั่งแกว่งหางไปมา
“นี่คือพลังของเผ่าจ้าววิญญาณหรือ” สตรีนางนั้นมองจวินอู๋เสียอย่างประหลาดใจ ท่าทีเฉื่อยชาหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอย สายตาจ้องเขม็งอยู่ที่ร่างของจวินอู๋เสีย
“ใช่” จวินอู๋เสียพยักหน้า
“บอกรายละเอียดเกี่ยวกับความสามารถของเผ่าจ้าววิญญาณมาสิ” สตรีนางนั้นทำสีหน้าจริงจัง
จวินอู๋เสียเอาคำที่นางบอกซูจิ่งเหยียนในวันนั้นมาพูดให้สตรีนางนั้นฟังอย่างไม่มีตกหล่นสักคำ สตรีนางนั้นฟังอย่างตั้งใจ และเมื่อจวินอู๋เสียพูดจบ ความประหลาดใจในดวงตาของนางก็ยังไม่จางหายไป
“โลกนี้มีเผ่าจ้าววิญญาณอยู่จริงๆ …” สตรีนางนั้นก้มหน้าครุ่นคิดพร้อมกับลูบคาง ดวงตาคู่งามตวัดมามองจวินอู๋เสียอีกครั้งด้วยสายตาตรวจสอบค้นหา
“ข้าพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าโง่เทียนเจ๋อถึงส่งเจ้ามาที่นี่”
สตรีนางนั้นลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามาหาจวินอู๋เสีย นางเป็นคนตัวสูง เมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าจวินอู๋เสีย นางก็สูงกว่าเกินครึ่งหัว มือข้างที่ถือเหยือกสุราเท้าเอวขณะที่ก้มลงมาเล็กน้อยเพื่อให้สายตาอยู่ระดับเดียวกับจวินอู๋เสีย จากนั้นมืออีกข้างก็วางลงบนหัวของจวินอู๋เสีย
“เจ้าหนู จำไว้ ข้าชื่อซูหย่า ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าคืออาจารย์ของเจ้า”