ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1581 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (2) ตอนที่ 1582 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1581 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (2) ตอนที่ 1582 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (3)
ตอนที่ 1581 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (2) / ตอนที่ 1582 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (3)
ตอนที่ 1581 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (2)
เมื่อไม่มีพลังที่จะทวงความยุติธรรมจากห้าตำหนัก หลินเฮ่าอวี่จึงเอาความโกรธทั้งหมดไปลงที่จวินอู๋เสีย
ถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋ ตำหนักมารโลหิตจะตกอยู่ในสภาพเลวร้ายเช่นนี้หรือ
เมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นงอกขึ้นในใจของหลินเฮ่าอวี่ เมื่อตกกลางคืนหลินเฮ่าอวี่ก็แอบย่องออกจากห้องของเขาและเดินออกจากหอพักอย่างเงียบๆ
ภายใต้แสงจันทร์ หลินเฮ่าอวี่เดินตรงไปยังหอพักของพวกรุ่นพี่และเคาะลงบนประตูห้องที่ปิดสนิทห้องหนึ่ง
ไม่นานประตูห้องนั้นก็เปิดออก เด็กหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีมองหลินเฮ่าอวี่ที่มีสีหน้าหม่นหมองด้วยความประหลาดใจ
“คุณชายหลิน ทำไมมาที่นี่ รีบเข้ามาเร็ว” เด็กหนุ่มรู้ว่าหลินเฮ่าอวี่เป็นใคร เขากุลีกุจอต้อนรับแขกที่ปรากฏตัวอย่างกระทันหัน
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นศิษย์ของตำหนักมารโลหิต เขาเข้าร่วมงานชุมนุมเทพยุทธ์เมื่อหลายปีก่อนและได้เข้ามาในสำนักธาราเมฆในฐานะผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือก
ตำหนักมารโลหิตจะวางตัวศิษย์ให้เข้ามาในสำนักจากงานชุมนุมเทพยุทธ์เกือบทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเหล่าผู้เยาว์ของตำหนักมารโลหิตจะมีความมั่นคงในระดับหนึ่ง
หลินเฮ่าอวี่นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างและมองดูเด็กหนุ่มตรงหน้า
“สวี่มู่ ตอนนี้พลังของเจ้าถึงขั้นไหนแล้ว” หลินเฮ่าอวี่มองสวี่มู่ด้วยแววตาลึกล้ำ
สวี่มู่เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดและมีพรสวรรค์สูงที่สุดในรุ่นเดียวกันที่เป็นศิษย์ของตำหนักมารโลหิต ก่อนที่เขาจะเข้าสำนักธาราเมฆ เขาบรรลุถึงขั้นพลังวิญญาณขั้นสีครามแล้ว เป็นคนที่ใกล้จะบรรลุขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงมากที่สุดในรุ่น
“เพิ่งบรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วง” สวี่มู่ตอบ
รอยยิ้มที่น่ากลัวปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของหลินเฮ่าอวี่ “มีบางอย่างที่ข้าอยากให้เจ้าทำ”
“อะไร” สวี่มู่ถามอย่างสงสัย
“ข้าอยากให้เจ้าไปจัดการจวินอู๋” หลินเฮ่าอวี่หรี่ตาลง น้ำเสียงส่อเจตนาร้าย
สวี่มู่แสดงสีหน้าประหลาดใจ ความจริงพวกรุ่นพี่ได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับพวกศิษย์ใหม่มาบ้างแล้ว แต่กู่ซินเยียนไม่อยากให้พวกเขาออกตัวเพื่อป้องกันไม่ให้พวกรุ่นพี่จากตำหนักอื่นโดนลากเข้ามาร่วมวงด้วย ดังนั้นสวี่มู่และศิษย์คนอื่นๆ ของตำหนักมารโลหิตจึงแค่แอบสังเกตการณ์อย่างลับๆ และไม่ได้ลงมือทำอะไร
จวินอู๋ สองคำนี้ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยได้ยิน สวี่มู่รู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ของตำหนักมารโลหิต จวินอู๋มีความเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก
“จัดการกับจวินอู๋ เรื่องนี้…ไม่ได้ยากอะไร แต่คุณหนูใหญ่สั่งไว้ว่าไม่ให้พวกเรายุ่งกับเรื่องนี้ ถ้าข้าทำอย่างที่เจ้าว่า แล้วคุณหนูใหญ่รู้เข้า…” สวี่มู่ลำบากใจเล็กน้อย หลินเฮ่าอวี่เป็นหลานชายของผู้อาวุโส แต่กู่ซินเยียนเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตำหนักมารโลหิต
หลินเฮ่าอวี่ยิ้มอย่างเย็นชา “ที่ข้ามาพบเจ้าวันนี้ก็เพื่อซินเยียนนั่นแหละ”
“หมายความว่าอย่างไร”
ดวงตาของหลินเฮ่าอวี่ทอประกายชั่วร้ายแวบหนึ่ง แต่สีหน้าแสร้งทำเป็นเสียใจ
“ก่อนหน้านี้ ความสัมพันธ์ระหว่างจวินอู๋และซินเยียนก็ยังดีๆ อยู่ เจ้าเองก็รู้ แต่จวินอู๋ เจ้าคนต่ำช้านั่น ใช้ความใจดีของคุณหนูใหญ่เล่นงานพวกเรา ว่ากันตามจริง ช่วงนี้ซินเยียนไม่ได้ก้าวออกจากห้องเลย ดูเหมือนนางจะได้รับผลกระทบจากสิ่งที่จวินอู๋ทำค่อนข้างมาก แถมนางยังใจอ่อนเกินไป แต่ในฐานะคนของตำหนักมารโลหิต พวกเราจะดูคุณหนูใหญ่ถูกข่มเหงอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ ข้ารับรองกับเจ้าได้เลยว่า ถ้าเจ้าจัดการเก็บจวินอู๋ให้เรียบร้อยดีละก็ ตำแหน่งในตำหนักมารโลหิตในอนาคตของเจ้าจะเป็นรองแค่ผู้อาวุโสเท่านั้น ข้าจะบอกท่านปู่ให้ฝึกฝนเจ้าอย่างเต็มที่ อย่างไรเสียพลังของเจ้าก็โดดเด่นมากอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยของเจ้า เจ้าก็คงสร้างชื่อให้ตัวเองไปแล้ว” หลินเฮ่าอวี่โยนเหยื่อล่อให้สวี่มู่ สวี่มู่เก่งในทุกๆ ด้าน แต่เพราะชาติกำเนิดที่ต่ำต้อยของเขา ทำให้เขาถูกส่งมาที่สำนักธาราเมฆ
ตอนที่ 1582 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (3)
สวี่มู่ยังคงลังเลเล็กน้อย ถ้าหลินเฮ่าอวี่เต็มใจจะช่วยปูทางสำหรับอนาคตให้เขาจริงๆ เขาย่อมยินดีอ้าแขนรับอยู่แล้ว
“แล้วถ้าคุณหนูใหญ่มาสอบถามเราหลังจากนั้นเล่า…” สวี่มู่ยังคงกังวลอยู่เล็กน้อย
หลินเฮ่าอวี่กล่าวว่า “คุณหนูใหญ่ไม่ได้จัดการกับจวินอู๋ก็เพราะช่วงนี้นางมีเรื่องให้กังวลมากเกินไป เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าคุณหนูใหญ่ไม่อยากจัดการกับจวินอู๋ เจ้าช่วยคุณหนูใหญ่ ไม่เพียงข้าจะช่วยเจ้า คุณหนูใหญ่ก็จะจดจำความดีในครั้งนี้ของเจ้าด้วย จวินอู๋เป็นแค่คนจากตำหนักหยกวิญญาณ ไม่มีอะไรให้เจ้าต้องกังวลเลย ไม่มีใครจะตามแก้แค้นให้หมอนั่น ต่อให้เจ้าฆ่ามัน ก็ไม่มีใครตามล่าเจ้า”
กู่ซินเยียนไม่เคยพูดสักครั้งว่านางอยากเล่นงานจวินอู๋ แม้ว่าหลินเฮ่าอวี่จะนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอยู่หลายครั้ง กู่ซินเยียนก็เลี่ยงปัญหานี้ไปได้อย่างช่ำชอง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางไม่อยากทำอะไรกับจวินอู๋ทั้งนั้น แต่หลินเฮ่าอวี่ไม่พอใจที่จะปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปแบบนี้
สุดท้าย สวี่มู่ก็ตกลงทำตามคำขอของหลินเฮ่าอวี่
“จวินอู๋ไปที่หอจันทร์แรมทุกวัน เจ้าลงมือที่นั่นได้เลย” หลินเฮ่าอวี่ยิ้มอย่างพอใจ พลังของสวี่มู่บรรลุขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้ว แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มันก็แข็งแกร่งมากสำหรับคนส่วนใหญ่ที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คนอย่างพวกเฉียวฉู่จากห้าตำหนักที่มีพลังปีศาจเช่นนั้นเป็นของหายากที่ร้อยปีจะมีสักครั้ง อย่างสวี่มู่นั้นถือว่ามีพรสวรรค์สูงมากแล้ว
“หอจันทร์แรม…” เมื่อสวี่มู่ได้ยินคำว่าหอจันทร์แรม เขาก็มีสีหน้าประหลาดใจทันที
“มีอะไรหรือ” หลินเฮ่าอวี่เลิกคิ้วถาม
สวี่มู่ส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไม่มีอะไรมาก แค่พูดกันว่ามีคนเฝ้าอยู่ในหอจันทร์แรม ข้าแค่กังวลว่ามันอาจจะทำให้ข้าลงมือลำบาก”
หลินเฮ่าอวี่หัวเราะออกมาและตอบว่า “ข้าตรวจสอบดูแล้ว มีสตรีติดสุราอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว นางก่อปัญหาไม่ได้หรอก หรือเจ้ากลัวสตรีเมากันเล่า”
สวี่มู่คิดแล้วก็วางใจ
“ตอนโจมตีก็ไม่ต้องออมมือเล่า ไอ้หมอนั่นมันต่ำช้ามาก ทำให้มันอับอายก่อนแล้วค่อยฆ่ามัน” ความชั่วร้ายในใจของหลินเฮ่าอวี่พุ่งขึ้นมา ถ้าตำหนักมารโลหิตไม่ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่แบบนี้ละก็ เขาต้องไปกำจัดจวินอู๋ด้วยตัวเองแน่
ตัวคนเดียวจากเผ่าจ้าววิญญาณ ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็ยังเป็นแค่เศษขยะที่มีพลังวิญญาณต่ำ หากไม่มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง ก็ถูกคนข่มเหงรังแกอยู่ดี
หลินเฮ่าอวี่และสวี่มู่ตกลงเวลาที่สวี่มู่จะไปหาจวินอู๋เพื่อจบเรื่องนี้ในวันรุ่งขึ้น หลินเฮ่าอวี่ไม่อยากพลาดฉากที่ศัตรูที่เขาเกลียดมากที่สุดถุกส่งลงนรก
เช้าวันรุ่งขึ้น จวินอู๋เสียเดินไปที่หอจันทร์แรม
นางฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทุกวันโดยไม่มีหยุดพัก ไม่เคยยอมให้อะไรมาขัดขวางได้ คนของตำหนักมารโลหิตโดนนางเล่นงาน ตอนนี้พวกเขาประสบชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์ของจวินอู๋เสียก็ไม่ได้ดีเช่นกัน
นางตบหน้าตำหนักมารโลหิตต่อหน้าทุกคนก็จริง แต่ชื่อเสียงของนางเองก็ถูกตำหนักมารโลหิตทำให้แปดเปื้อนไปด้วย ความสงบสุขชั่วขณะของนางก่อนหน้านี้ พวกตำหนักมารโลหิตก็เป็นคนสร้างขึ้น ตอนนี้นางฉีกหน้าตำหนักมารโลหิตไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงการปกป้องนางเลย ตอนนี้แค่คนของตำหนักมารโลหิตเห็นจวินอู๋เสีย ก็อยากจะเข้ามาถลกหนังนางทั้งเป็นแล้ว
ในขณะที่ตำหนักมารโลหิตถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนัก จวินอู๋เสียก็กลับไปโดนเยาะเย้ยถากถางเหมือนเมื่อก่อน หกตำหนักที่ไม่กล้าต่อต้านตำหนักมารโลหิตอย่างเปิดเผยก็หันมาพุ่งเป้าจวินอู๋เสียที่ตัวคนเดียวแทน พวกเขาล้อเลียนและเยาะเย้ยถากถางนางอย่างไม่หยุดหย่อน ถ้าไม่ใช่เพราะนางไม่ค่อยได้ก้าวออกจากห้องของตัวเอง และนางกลับจากหอจันทร์แรมเร็วกว่าคนพวกนั้น จวินอู๋เสียอาจจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับหลินเฮ่าอวี่ ถูกผู้คนรุมหาเรื่องไปแล้วก็ได้