ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1583 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (4) ตอนที่ 1584 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (5)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1583 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (4) ตอนที่ 1584 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (5)
ตอนที่ 1583 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (4) / ตอนที่ 1584 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (5)
ตอนที่ 1583 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (4)
ตอนที่จวินอู๋เสียมาที่หอจันทร์แรม ซูหย่ากำลังพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้นอน ดูเหมือนนางกำลังหลับอยู่
จวินอู๋เสียไม่ได้รีบร้อนไปฝึกฝนพลังต่อ แต่นางกลับหยิบไม้กวาดขึ้นมา ที่นี่ไม่ได้ทำความสะอาดมาหลายวัน ชั้นหนึ่งและชั้นสองของหอจันทร์แรมมีขยะอยู่ไม่น้อย ซูหย่าก็เอาแต่ชี้นิ้วสั่ง นอกจากชี้แนะจวินอู๋เสียในการฝึกฝนพลังแล้ว สิ่งเดียวที่นางทำก็คือดื่มสุรา ไม่เคยสนใจอย่างอื่นเลย
จวินอู๋เสียเลิกทำตัวเป็นภารโรงของหอจันทร์แรมแล้ว นางจะทำความสะอาดใหญ่ทีเดียวหลังจากฝึกฝนทุกๆ สองสามวัน ทำความสะอาดไหสุราที่ว่างเปล่าและกวาดขยะที่พื้น
หลายครั้งที่จวินอู๋เสียรู้สึกสงสัยมากว่า ก่อนที่นางจะมาที่นี่ ซูหย่าอยู่อย่างไร
ความจริงแล้ว ก่อนที่จวินอู๋เสียจะมา มีอีกคนที่มาทำความสะอาดหอจันทร์แรมเป็นประจำ คนผู้นั้นก็คือเทียนเจ๋อ…
แต่ตอนนี้ หอจันทร์แรมมีจวินอู๋เสียแล้ว ซูหย่าก็เลยไม่อยากเห็นหน้าเทียนเจ๋ออีก
ซูหย่าหลับสนิท นางนอนกอดน้ำเต้าสุราที่ดื่มหมดแล้วและขยับตัวเล็กน้อยอยู่บนโซฟานุ่ม จวินอู๋เสียดึงเอาผ้าห่มบางๆ ที่เตรียมไว้ด้านข้างออกมาห่มให้ซูหย่าโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้ทิวทัศน์อันงดงามเปิดเผยออกมา
หลังจากทำความสะอาดเสร็จแล้ว จวินอู๋เสียก็ขึ้นไปที่ชั้นสามเพื่อแช่ตัวในสระสุราต่อ
แต่นางเพิ่งจะลงไปในสระได้แค่ครู่เดียว ก็ได้ยินเสียงตะโกนดังผ่านหน้าต่างเข้ามา
“จวินอู๋ ออกมาเดี๋ยวนี้!”
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อของนาง นางไม่อยากสนใจแต่เมื่อคิดว่าซูหย่ายังพักผ่อนอยู่ที่ชั้นล่าง นางก็เดินออกมาจากสระสุราและพุ่งออกไปทางประตูโดยไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน
ที่ด้านนอกหอจันทร์แรม สวี่มู่ยืนตระหง่านด้วยท่าทางองอาจผึ่งผาย เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นพลังวิญญาณขั้นสีม่วงแล้วและใช้พลังวิญญาณถ่ายทอดเสียง เสียงของเขาจึงดังมาก ศิษย์มากมายที่เดินผ่านหอจันทร์แรมได้มารวมตัวกันด้วยสีหน้าคาดหวังว่าจะได้ดูอะไรสนุกๆ
จวินอู๋ถือได้ว่าเป็น ‘บุคคลที่มีอิทธิพล’ ของสำนักธาราเมฆเช่นกัน เขาถูกด่ามาตั้งแต่ตอนเข้าสู่สำนักจนกระทั่งถึงตอนนี้ เรื่องความแค้นระหว่างเขากับตำหนักมารโลหิตทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดความอยากรู้อยากเห็น เมื่อพวกเขาได้ยินคนตะโกนเรียกชื่อจวินอู๋ พวกสอดรู้สอดเห็นทั้งหลายย่อมทนนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ได้
เมื่อจวินอู๋เสียเดินออกมาจากหอจันทร์แรม นางก็เห็นร่างสูงตระหง่านของสวี่มู่ยืนอยู่ที่ประตู มีผู้เยาว์อีกจำนวนไม่น้อยรวมตัวกันอยู่รอบบริเวณ
จวินอู๋เสียเพิ่งออกมาจากสระสุรา นางไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มและมีกลิ่นสุรารุนแรง ทั้งกลิ่นและสภาพของจวินอู๋เสียทำให้เหล่าผู้เยาว์ที่อยู่รอบๆ อดเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจไม่ได้
“ฮ่า! ก็คิดอยู่ว่าคนอย่างเจ้ามาทำอะไรที่นี่ทั้งวัน ที่แท้ก็เมาอย่างไร้ค่าไปวันๆ นี่เอง สำนักธาราเมฆนี่อ่านคนออกจริงๆ รู้ว่าขยะอย่างเจ้ามันเรียนรู้อะไรไม่ได้หรอก พวกเขาก็เลยทิ้งเจ้าไว้ในสถานที่แบบนี้ แต่เจ้าก็ช่างหาความสุขให้ตัวเองจริงๆ ในเมื่อชอบดื่มสุรามากนัก ก็เอาตัวเองลงไปในถังสุราเสียเลยใช่หรือไม่เล่า” สวี่มู่มองสภาพของจวินอู๋เสียแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถาง เขาไม่ลืมคำสั่งของหลินเฮ่าอวี่
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่รีบร้อนที่จะตอบสวี่มู่ แต่กลับปิดประตูของหอจันทร์แรมอย่างระมัดระวังเพื่อกันเสียงดังจากข้างนอกไปทำให้ซูหย่าตื่น
คนผู้นี้มาที่นี่โดยมีเป้าหมายที่นางอย่างชัดเจน แต่จวินอู๋เสียกลับรู้สึกไม่คุ้นหน้าสวี่มู่เลย นางไม่เคยพบเขามาก่อน
หลินเฮ่าอวี่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งอย่างเงียบๆ เพื่อเฝ้าดูหายนะที่จะกำลังเกิดกับจวินอู๋เสีย ดวงตาของเขาทอประกายน่ากลัว เขาอยากเห็นภาพจวินอู๋เสียตายคามือสวี่มู่จะแย่แล้ว
“เจ้าเป็นใคร” จวินอู๋เสียมองสวี่มู่ คนผู้นี้มาหานางที่หอจันทร์แรมตรงๆ เลย
ตอนที่ 1584 การแก้แค้นของใจที่ไม่ยินยอม (5)
ถ้าคนผู้นี้ไม่ได้มาถึงหอจันทร์แรม จวินอู๋เสียก็คงไม่สนใจเขาสักนิด
สวี่มู่พูดว่า “ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ที่สำคัญคือข้ามาที่นี่เพื่อจัดการกับคนไร้ยางอายอย่างเจ้า”
สวี่มู่ยิ้มเย้ยและพูดว่า “ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงได้ยังหน้าด้านกินดื่มอยู่ในสำนักธาราเมฆนี่ แค่เพราะว่าเจ้าเป็นคนของเผ่าจ้าววิญญาณที่โผล่มาจากไหนก็รู้นั่นน่ะเรอะ ตลกน่า ไม่มีเผ่าจ้าววิญญาณ เจ้ามันก็ไร้ค่า! ไม่สังเกตหรือว่าสำนักธาราเมฆไม่คิดจะสอนอะไรเจ้าเลย หรือเจ้าคิดว่าการได้เกาะอยู่ที่นี่เหมือนปลิงก็เป็นเกียรติแล้ว”
จวินอู๋เสียหรี่ตาลงเล็กน้อย คำพูดของสวี่มู่ระคายหูอย่างมาก คนผู้นี้พูดจาดูถูกเหยียดหยามทันทีที่มาถึง จวินอู๋เสียแน่ใจว่าเจตนาของเขาต้องไม่ใช่แค่มาเพื่อดูถูกเหน็บแนมนางอย่างแน่นอน
ความเงียบของจวินอู๋เสียทำให้สวี่มู่ยิ่งฮึกเหิมมากขึ้น เขารู้ว่าหลินเฮ่าอวี่กำลังดูอยู่ที่ไหนสักแห่ง เฝ้ามองทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ และรู้ดีว่าหลินเฮ่าอวี่เกลียดจวินอู๋เข้ากระดูกดำ เพื่ออนาคตของเขา เขาย่อมอยากแสดงให้ดี ทำให้จวินอู๋ต้องอับอายขายหน้าก่อนจะส่งมันลงนรก
“มาเลย ทุกคนมาดูเร็ว ไอ้ขยะที่หน้าด้านที่สุดและน่ารังเกียจที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักธาราเมฆ” สวี่มู่กางแขนออกกว้างและหันไปเผชิญหน้ากับฝูงชนที่อยากรู้อยากเห็นรอบตัวพวกเขา “ข้าแน่ใจว่าทุกคนที่นี่รู้จักคนคนนี้ใช่หรือไม่ จวินอู๋! ผู้ที่ลือกันว่าเป็นคนเผ่าจ้าววิญญาณ ผู้ครอบครองความสามารถในการเสริมวิญญาณ ฮ่า! การเสริมวิญญาณ น่าทึ่งใช่หรือไม่เล่า แถมยังเป็นคนเดียวด้วยนะ! คุณชายจวินผู้น่านับถือของเราภูมิใจในตัวเองมากกับความได้เปรียบนิดๆ หน่อยๆ จากเผ่าพิเศษ ถึงขนาดปฏิเสธสิบสองตำหนักเชียวนะ แต่ข้าสงสัยจริงๆ คนที่มีความสามารถขนาดนั้นจะเลือกตำหนักหยกวิญญาณแล้วทิ้งสิบสองตำหนักจริงๆ หรือ ข้าไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ คนคนนั้นน่าจะกลัวว่าทักษะแมวสามขาของตัวเองจะถูกสิบสองตำหนักจับได้ จะแสร้งทำเป็นแข็งแกร่งต่อไปก็ไม่ได้ เขาก็เลยต้องเลือกแบบนี้อย่างช่วยไม่ได้ไงเล่า!”
ดวงตาของสวี่มู่ทอแววชั่วร้าย เขาไม่ได้มีความแค้นกับจวินอู๋ จวินอู๋ต้องโทษตัวเองที่ไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ตอนนี้เลยต้องมาเป็นหินให้เขาเหยียบข้ามไป
“ถ้าคุณชายจวินผู้ยิ่งใหญ่ของเราเก่งกาจขนาดนั้นจริงๆ ทำไมหลังจากเข้าสำนักธาราเมฆแล้ว เขาถึงถูกทิ้งไว้ที่หอเก็บสุรานี้ด้วยเล่า หอจันทร์แรมคือหอเก็บสุราของสำนักเรา พูดแบบเพราะๆ ก็คือหอเก็บสุรา พูดแบบไม่เพราะก็ที่ทิ้งขยะนั่นแหละ ข้าได้ยินว่าเจ้าเอาขยะจากข้างในออกมาทิ้งอยู่บ่อยๆ นี่คือการปฏิบัติกับคนจากเผ่าจ้าววิญญาณเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ ทิ้งขยะ ฮ่าๆๆ!” สวี่มู่หัวเราะเสียงดังอย่างหยิ่งผยอง
“ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าคงไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อแล้ว สำนักธาราเมฆแสดงออกชัดๆ แล้วว่าพวกเขาไม่มีที่ให้ขยะไร้ความสามารถอย่างเจ้า เจ้ายังจะปิดหูปิดตาตัวเองอยู่อีก ถูกทิ้งไว้ที่ทิ้งขยะแบบนี้ยังจะเกาะเป็นปลิงอยู่ได้ ไม่อายบ้างหรืออย่างไร ขนาดข้ายังอายเลยที่สำนักธาราเมฆมีขยะอย่างเจ้าอยู่!”
คำสบประมาทต่างๆ ถูกยิงใส่จวินอู๋เสียอย่างต่อเนื่อง เหล่าผู้เยาว์ที่อยู่รอบๆ ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ในตอนแรกทักษะเสริมวิญญาณของจวินอู๋ทำให้ทุกคนรู้สึกว่ามันมีเอกลักษณ์อย่างมาก แต่หลังจากจวินอู๋เสียถูกสำนักธาราเมฆ ‘ทิ้ง’ พวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าความสามารถที่น่าทึ่งนั้นไม่ได้น่าทึ่งอะไรแล้ว
ไม่อย่างนั้น ทำไมสำนักธาราเมฆที่มีชื่อเสียงที่สุดถึงได้ละทิ้งศิษย์ที่เก่งกาจแบบนี้
จวินอู๋เสียสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามระงับความอยากหักคออีกฝ่ายแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พูดจบหรือยัง”