ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1597 โกหกหน้าตาย (4) ตอนที่ 1598 แขกจากตำหนักมารโลหิต (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1597 โกหกหน้าตาย (4) ตอนที่ 1598 แขกจากตำหนักมารโลหิต (1)
ตอนที่ 1597 โกหกหน้าตาย (4) / ตอนที่ 1598 แขกจากตำหนักมารโลหิต (1)
ตอนที่ 1597 โกหกหน้าตาย (4)
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไร้ความสามารถในการปรุงโอสถวิเศษ นี่คือสิ่งที่ทำมาเพื่อเขา!
ถึงจะรู้ว่าสิ่งนี้ ‘ได้มาอย่างไม่ถูกต้อง’ แต่ชายชราก็ไม่อาจปล่อยมือจากมันได้
ตอนแรกจวินอู๋เสียตั้งใจจะทิ้งของสิ่งนี้ไว้กับชายชราตัวเล็กและไม่สนใจมันอยู่แล้ว แต่นางพูดไปแล้วว่ามันเป็นสมบัติตกทอดของเผ่านาง ถ้าบอกว่าไม่ต้องเอามาคืน มันก็จะดูไม่เหมาะสมนัก จึงได้แต่พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
ดังนั้น ชายชราตัวเล็กจึงปฏิบัติกับกระดาษสองแผ่นนั้นราวกับสมบัติล้ำค่า นำมาวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ และห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็สอดไว้ที่หน้าอก
มุมปากจวินอู๋เสียกระตุกเล็กน้อย ถ้าชายชราคนนี้รู้ว่ากระดาษสองแผ่นนั้นนางเขียนขึ้นมาเอง ไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร
“ไม่มีอะไรแล้วใช่หรือไม่” จวินอู๋เสียคิดว่าติดต่อกับคนแบบนี้ให้น้อยที่สุดจะดีกว่า ไม่ใช่เพราะพลังที่ไม่อาจประเมินได้ของเขา แต่เป็นเพราะสภาพจิตใจที่ไม่อาจเข้าใจได้ของเขาต่างหาก…
“ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้ว! ข้าเห็นเจ้าเป็นเด็กดีนะเจ้าหนู! รู้จักเคารพผู้ใหญ่ เจ้าวางใจได้ ในเมื่อเจ้าใจกว้างให้ข้ายืมสมบัติล้ำค่าอันนี้ วันหน้าข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าเสียเปรียบอย่างแน่นอน ตาแก่คนนี้จะคุ้มหัวเจ้าเอง” ทานของเขาแล้วปากอ่อน เอาของเขาแล้วมืออ่อน เมื่อได้ประโยชน์จากใครก็จะติดค้างน้ำใจกัน แม้ว่าชายชราจะไม่เห็นว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะด้านการรักษา แต่อย่างน้อยเขาก็มีดีอยู่ ความดีใจของเขาไม่ต้องพูดก็เห็นได้อย่างชัดเจน เขายิ้มจนหน้าย่นเหมือนรอยจีบซาลาเปาแล้ว
จวินอู๋เสียแกล้งทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
“ข้าไปทำงานล่ะ” จวินอู๋เสียหันหลังกลับไป
“ไปสิ ไป! ตั้งใจทำดีๆ เล่า!” ชายชราตัวเล็กโบกมือให้จวินอู๋เสีย รอจนกระทั่งจวินอู๋เสียขึ้นไปชั้นบนแล้ว เขาก็หัวเราะคิกคักกับตัวเอง กำของสิ่งนั้นแน่นขณะเดินออกจากสาขาจ้าววิญญาณ เขาเดินราวกับมีลมหนุนอยู่ใต้เท้า ฝีเท้าทั้งเร็วและเบา
เทียนเจ๋อกำลังรออยู่ที่หน้าห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่ด้วยสีหน้าหม่นหมอง ทันใดนั้นเขาก็เห็นชายชราผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์ใหญ่และอาจารย์ของเขาเดินกลับมาจากข้างนอก
“นายท่าน…” เทียนเจ๋อระงับความรู้สึกที่กำลังจะกระอักโลหิตอยู่ในใจขณะก้าวออกไปทักทาย
ชายชราร่างเล็กกำลังอารมณ์ดี เมื่อเห็นลูกศิษย์โง่ของตนก้าวเข้ามาหาก็ไม่ดุด่าสักคำซึ่งหาได้ยากมาก แต่เขากลับมีรอยยิ้มฉาบอยู่บนใบหน้าขณะที่กล่าวว่า “เสี่ยวเทียน มาหาอาจารย์ทำไมหรือ”
ทันใดนั้น เทียนเจ๋อก็รู้สึกราวกับมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น!
เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์
ไหนว่าเวลาอยู่ในสำนักไม่ให้เขาเรียกว่าอาจารย์ แล้วทำไมมาเรียกตัวเองว่าอาจารย์แทน
เทียนเจ๋ออยู่กับชายชราตัวเล็กมาหลายปี เขาจึงสังเกตเห็นได้ทันทีว่า…
ใครบางคนกำลังอารมณ์ดีสุดๆ!
เขาไม่โดนเรียกว่าเสี่ยวเทียนมานานแค่ไหนแล้วนะ หลายปีเหลือเกินที่เขาถูกเรียกว่าไอ้เวร…
“แค่ก มีข่าวจากตำหนักมารโลหิต” เทียนเจ๋อพยายามระงับอาการอึ้งในใจ และแสร้งทำเป็นกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“ตำหนักมารโลหิต ไอ้สารเลวพวกนั้นคิดจะทำอะไรอีกเล่า” ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนจากเริงร่าเป็นหงุดหงิดทันที แววตาเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“ศิษย์คนหนึ่งของตำหนักมารโลหิตได้รับบาดเจ็บสาหัสในสำนักธาราเมฆ อาการยังไม่ดีขึ้น ตำหนักมารโลหิตจึงขออนุญาตนำผู้รักษาที่พวกเขาเชิญมาเข้าไปรักษาเขา” เทียนเจ๋อพูด
“แค่ศิษย์คนเดียว บาดเจ็บก็บาดเจ็บไปสิ อยากรักษาก็พากลับไป จะเข้ามาทำอะไรในสำนักธาราเมฆของข้า” ชายชราตัวเล็กมีน้ำเสียงต่อต้าน
เทียนเจ๋อปาดเหงื่อที่หน้าผากและพูดว่า “คนที่บาดเจ็บคือสวี่มู่จากสาขาพลังวิญญาณ อาจารย์ของสาขาพลังวิญญาณเคยชมเขาอยู่หลายครั้ง เขาเป็นคนที่อยู่ในความดูแลของสำนักธาราเมฆ และตำหนักมารโลหิตก็ให้ความสำคัญกับเขาพอสมควร”
ตอนที่ 1598 แขกจากตำหนักมารโลหิต (1)
ถ้าเป็นคนอื่นก็คงปล่อยทิ้งไปแล้ว แต่นี่คือสวี่มู่ที่เป็นคนของตำหนักมารโลหิต ในสำนักธาราเมฆเขาก็ถือว่าเป็นคนที่โดดเด่นเช่นกัน ไม่อาจเทียบกับศิษย์ทั่วไปได้
และ…
“อะแฮ่ม…ศิษย์พี่เป็นคนทำร้ายสวี่มู่จนบาดเจ็บสาหัส” เทียนเจ๋อบอกตัวคนร้ายในคดีนี้ออกมา
ชายชราเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เสี่ยวหย่า เจ้านั่นไปหาเรื่องอะไรนาง ทำให้นางลงมือได้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ” ชายชราพูดด้วยสีหน้าสะเทือนใจ
เทียนเจ๋ออึ้ง
นี่มันใช่เวลาถอดถอนหายใจที่ ‘ในที่สุด’ ศิษย์พี่ก็ลงมือจนได้หรือไม่ล่ะเนี่ย เวลานี้มันต้องถามว่าทำไมศิษย์พี่ถึงทุบตีคนจนอยู่ในสภาพนั้นต่างหาก
หลังจากสวี่มู่ได้รับบาดเจ็บ เทียนเจ๋อเองก็ไปเยี่ยมเขามาแล้ว เขาเห็นกับตาตัวเองว่าสวี่มู่ถูกซูหย่าอัดจนเละขนาดไหน ใบหน้าหล่อเหลานั้นบวมเป่งจนไม่ต่างจากหัวหมู ผ่านมากว่าครึ่งเดือนแล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายบวม
จินตนาการออกเลยว่าซูหย่าลงมือหนักขนาดไหน
แค่ไม่ได้เอาชีวิตของสวี่มู่เท่านั้น
“เป็นเพราะจวินอู๋” เทียนเจ๋อพูดอย่างจนปัญญา
“จวินอู๋ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเจ้าหนูนั่น” ชายชรารู้สึกสนใจขึ้นมา
เทียนเจ๋อเล่าเรื่องที่สวี่มู่ไปที่หอจันทร์แรมเพื่อด่าจวินอู๋ พยายามจะให้จวินอู๋สู้กลับ แต่ถูกซูหย่าตบเอา เล่าทั้งสาเหตุและผลกระทบทั้งหมดที่นำไปสู่เหตุการณ์นี้
ชายชราตัวเล็กฟังอย่างออกรส ใบหน้ามีรอยยิ้มกว้าง
“ตำหนักมารโลหิตกับจวินอู๋ น่าสนใจ ข้าเห็นเจ้าหนูนั่นเงียบๆ ไม่พูดไม่จา แต่กลับทำให้ตำหนักมารโลหิตจ้องเล่นงานเขาได้ ไม่ใช่เล่นเลยจริงๆ เรื่องนี้เสี่ยวหย่าไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้าไม่ปกป้องศิษย์ตัวเอง แล้วใครจะปกป้อง ข้าเห็นว่าหลายปีมานี้เสี่ยวหย่าควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ไม่น้อย เมื่อก่อนตอนที่คนนั้นโดนรังแก นางก็พังประตูบุกเข้าไปสังหารอีกฝ่ายจนหมดเลยไม่ใช่หรือ ดูเหมือนว่าการเก็บตัวมาหลายปีจะทำให้นางใจเย็นลงเยอะ น่าดีใจจริงๆ” ชายชราลูบเคราพลางหัวเราะด้วยความดีใจ
ถ้าคนอื่นมาได้ยินคำพูดนี้เข้า เขาต้องกระอักโลหิตแน่ ตบคนจนเส้นลมปราณพลังวิญญาณเสียหายอย่างหนักนี่เรียกว่าควบคุมอารมณ์ได้จริงๆ หรือ
ดูเหมือนว่าในสายตาของชายชราตัวเล็กคนนี้ การที่ซูหย่าฆ่าอีกฝ่ายจนหมดบ้านนั้นเป็นแค่เรื่องธรรมดาที่ควรจะเป็นเท่านั้น
เทียนเจ๋อชินกับความคิดนอกรีตของอาจารย์และศิษย์พี่ของตัวเองแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราที่ขัดต่อแนวคิดคนปกติ เขาจึงไม่ได้คัดค้านอะไร
แต่…
อาจารย์ ตอนที่ท่านชมศิษย์พี่ว่าทำดีมีเหตุผล ท่านได้มองมาที่ศิษย์คนนี้ที่ถูกพวกท่านรังแกเหมือนสุนัขบ้างหรือไม่!
ไหนว่าต้องปกป้องศิษย์ไง!
“ตำหนักมารโลหิตบอกว่าได้ส่งคนมาที่นี่แล้ว เรื่องนี้ศิษย์พี่เป็นคนทำ เกรงว่าจะแก้ไขได้ไม่ง่ายนัก” เทียนเจ๋อพยายามสงบจิตใจอย่างเต็มที่
อาจารย์กับศิษย์พี่บ้าไปแล้ว เขาเป็นคนปกติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ เขาต้องตั้งสติเอาไว้ให้มั่น!
ชายชราลูบเคราแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่สนใจไยดีว่า “ถึงเสี่ยวหย่าจะเป็นคนทำ แต่กฎของสำนักธาราเมฆข้าก็ต้องรักษาไว้ จะให้คนนอกสำนักธาราเมฆเข้ามาในสำนักได้อย่างไร”
ศิษย์ของเขาแค่ปกป้องศิษย์ของตัวเอง เขาที่เป็นอาจารย์ปู่ก็ต้องช่วยสนับสนุนพวกเขาอยู่แล้ว!
เทียนเจ๋อกล่าวว่า “แต่คนที่ตำหนักมารโลหิตส่งมาเป็นคนที่ออกจากสำนักธาราเมฆของเรานะขอรับ”
“หรือ” ชายชราเลิกคิ้ว เขาคิดว่าตำหนักมารโลหิตจะส่งพวกตาแก่หัวดื้อมาเสียอีก
“ใคร”
“กู่อิ่ง” เทียนเจ๋อพูด
พอชายชราได้ยินคำสองคำนั้น เขาก็มีสีหน้าประหลาดใจทันที
“ทำไมเป็นเขา”
ปกติเขาไม่ได้สนใจศิษย์ของสำนักธาราเมฆนักหรอก แต่กู่อิ่งคนนี้ เขาจำได้อย่างแม่นยำ