ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 1607 ปกป้องศิษย์ (1) ตอนที่ 1608 ปกป้องศิษย์ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 1607 ปกป้องศิษย์ (1) ตอนที่ 1608 ปกป้องศิษย์ (2)
ตอนที่ 1607 ปกป้องศิษย์ (1) / ตอนที่ 1608 ปกป้องศิษย์ (2)
ตอนที่ 1607 ปกป้องศิษย์ (1)
รอยยิ้มในแววตาของเขาทำให้ซูหย่ารู้สึกไม่พอใจ
ไอ้เด็กเวรคนนี้โผล่มาจากไหนกัน จ้องศิษย์ซื่อบื้อของนางอยู่ได้! ไม่เคยเห็นเด็กน่ารักแบบนี้หรือไง!
“เข้ามา” ซูหย่าพูดอย่างเย็นชา มือข้างหนึ่งจูงจวินอู๋เสียโดยไม่มองไปที่กู่อิ่งเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เทียนเจ๋อเข้าไปข้างในพร้อมกู่อิ่ง ใบหน้าของกู่อิ่งยิ้มแย้มแจ่มใสตลอดเวลา ไม่รู้สึกรู้สากับท่าทางเย็นชาของซูหย่าเลยสักนิด
“มีอะไรจะพูดก็ว่ามา ข้าเป็นคนอัดเจ้าเด็กนั่นเอง ทำไม อยากได้เงินชดเชย หรือต้องการให้ชดใช้ด้วยชีวิตเล่า” ซูหย่านั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มของนางด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับกดจวินอู๋ให้นั่งลงข้างๆ ตัวนาง ท่าทางปกป้องศิษย์เต็มที่
เทียนเจ๋อเหงื่อแตกพลั่ก ซูหย่าพูดตรงเกินไปแล้ว
กู่อิ่งพูดพลางหัวเราะว่า “สวี่มู่หยาบคายกับอาจารย์ซูหย่าก่อน อาจารย์ซูหย่าก็แค่จัดการสวี่มู่ตามกฎของสำนักธาราเมฆ ผู้น้อยไม่ได้มีเจตนาอื่นเลย แต่ต้องมาดูตามคำสั่งของท่านพ่อ อาจารย์ซูหย่าโปรดอย่าถือสา”
ท่าทางของกู่อิ่งดูเป็นคนดีอย่างน่าประหลาดใจ ถ้าไม่ใช่เพราะจวินอู๋เสียเคยเจอกู่อิ่งมาก่อน ก็คงยากจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มที่ดูสุภาพมีมารยาทดีเช่นนี้จะเป็นคนเดียวกับปีศาจร้ายที่ฆ่าคนตามใจชอบที่สำนักศึกษาเฟิงหัวในตอนนั้น ท่าทางที่เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเช่นนี้ช่างน่าประหลาดใจนัก
แต่ซูหย่าไม่ได้ประทับใจกับการแสดงของกู่อิ่งเลย ไม่ว่ากู่อิ่งจะมีมารยาทดีเพียงใด ซูหย่าก็ยังคงมีท่าทางห่างเหินเย็นชา
“มาดู เจ้าอยากดูอะไรเล่า ให้ข้าลากเจ้าเด็กนั่นมาตบให้เจ้าดูอีกรอบอย่างนั้นหรือ”
เทียนเจ๋อแทบจะอยากคุกเข่าต่อหน้าซูหย่า เป็นอะไรไปอีกเนี่ย ถึงได้โกรธขนาดนี้
“ไม่ต้องหรอก ข้าแค่อยากถามว่าสวี่มู่ล่วงเกินอาจารย์ซูหย่าอย่างไรก็เท่านั้น ถึงอย่างไรสวี่มู่ก็เป็นคนของตำหนักมารโลหิต ถ้าเขาก่อเรื่องขึ้นที่นี่ ก็ต้องเป็นตำหนักมารโลหิตเราที่ผิดเอง ถ้ามีอะไรที่ทำให้ไม่พอใจ พวกเราจะจัดการกับเขาให้เหมาะสมเอง” กู่อิ่งพูดอย่างสุภาพ ทัศนคติดีจนน่าตกใจ
จวินอู๋เสียไม่ได้มองกู่อิ่งเลยสักนิด นางแค่ก้มหน้าอยู่เงียบๆ ท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับนางทั้งนั้น แต่หูของนางไม่พลาดที่กู่อิ่งพูดเลยสักคำ
คนอย่างเขาสามารถเสแสร้งได้ถึงขนาดนี้เชียว
กู่อิ่งตอนอยู่ในสามโลกเบื้องล่างทำอะไรตามใจชอบแบบไม่สนกฎหมายใดๆ อวดดีและบ้าคลั่งอย่างถึงที่สุด แต่หลังจากไม่ได้เจอกันนาน ดูเหมือนเขาจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นการพูดการจาหรือการกระทำ กระทั่งน้ำเสียงก็ยังต่างไปจากเดิม ถ้าเรื่องแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นในสามโลกเบื้องล่าง จวินอู๋เสียแน่ใจว่ากู่อิ่งคงไม่นั่งพูดกับซูหย่าอย่างสงบแบบนี้ แต่คงลงมือโจมตีไปแล้ว
ที่นี่มีอะไรที่ต่างไปอย่างนั้นหรือถึงทำให้กู่อิ่งต้องข่มใจตัวเองแบบนี้ หรือว่าเขาจะมีเจตนาแอบแฝงอะไรอยู่
ต้องเผชิญหน้ากับกู่อิ่งเช่นนี้ จวินอู๋เสียจึงต้องระวังการกระทำของตัวเองอย่างช่วยไม่ได้
เหตุผลที่สวี่มู่ถูกซูหย่าทำร้ายนั้นเป็นที่รู้กันทั่วสำนักธาราเมฆ แค่เพราะสวี่มู่ไปด่าจวินอู๋ถึงที่หอจันทร์แรมไม่หยุด จนถึงขั้นจะลงมือทำร้ายจวินอู๋ด้วย
แต่เมื่อคำพูดเหล่านั้นกระจายออกไป สิ่งต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ที่สำนักธาราเมฆ อาจารย์ทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้และความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ แม้ว่าศิษย์ของพวกเขาจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลยก็ตาม ตราบใดที่วิธีการของพวกเขาไม่ได้โหดร้ายหรือเลวทรามต่ำช้าจนเกินไป พวกลูกศิษย์ก็ต้องรับมือด้วยตัวเอง
แต่ซูหย่าได้ก้าวออกมาแก้ไขวิกฤตของจวินอู๋ก่อนที่จวินอู๋จะได้รับบาดเจ็บเสียอีก เห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นการขัดต่อกฎของสำนักธาราเมฆ
ตอนที่ 1608 ปกป้องศิษย์ (2)
เทียนเจ๋อมองซูหย่าอย่างกังวลเล็กน้อย เรื่องนี้อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ถ้าตำหนักมารโลหิตยืนกรานจะใช้เหตุผลนี้ ชื่อเสียงของสำนักธาราเมฆคงเสียหายแน่
ซูหย่ามองกู่อิ่งที่กำลังยิ้ม จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบน้ำเต้าใส่สุราตรงเอวของนางขึ้นมาซดอึกใหญ่ก่อนจะพูดว่า “ไอ้เด็กเวรนั่นมาส่งเสียงดังรบกวนการนอนของข้า”
“…”
คำตอบของซูหย่าทำให้ทุกคนที่นั่นตกตะลึงทันที
แม้แต่จวินอู๋เสียก็ไม่คิดว่าซูหย่าจะโยนข้อสรุปที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ออกมา
รบกวนการนอนเนี่ยนะ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสวี่มู่เป็นประเด็นร้อนที่รู้กันทั่วสำนักธาราเมฆ และทุกคนก็รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ซูหย่าก็ยังโกหกหน้าตาเฉย ทำราวกับนางมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะทำเช่นนั้น แม้แต่เทียนเจ๋อก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ
กู่อิ่งก็ตกใจกับคำพูดของซูหย่าไม่ต่างกัน ต้องใช้เวลาพักหนึ่งกว่าเขาจะได้สติ
“อะไร ก็มันมาตะโกนเสียงดังตอนอาจารย์กำลังพักผ่อน รบกวนการพักผ่อนของอาจารย์ มันเป็นการไม่เคารพกันไม่ใช่หรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าทำงานหนักแค่ไหนในการศึกษาค้นคว้าเรื่องพลังวิญญาณ โอกาสจะได้พักผ่อนก็มีแค่นิดเดียว แต่ดันมีคนมาขัดจังหวะฝันดีของข้า พลังวิญญาณข้าเกือบตีกลับแน่ะ” ซูหย่ากล่าวอย่างหงุดหงิด ทำสีหน้าราวกับจะบอกว่าการที่นางไม่ตบสวี่มู่จนตายก็นับเป็นความเมตตาอย่างถึงที่สุดแล้ว
จวินอู๋เสียฟังอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆ ถ้านางจำไม่ผิด ก่อนที่สวี่มู่จะมาก่อเรื่อง นอกจากดื่มสุราแล้ว ซูหย่าก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย ที่ว่าต้องพักผ่อนเนี่ย…เป็นเพราะดื่มมากเกินไปหรือเปล่า
แต่คำพูดพวกนี้ จวินอู๋เสียย่อมไม่พูดออกมาอยู่แล้ว
เทียนเจ๋อยอมซูหย่าแล้วจริงๆ ถึงกับสร้างเรื่องหาเหตุผลที่ชอบธรรมแบบนี้ขึ้นมาเพื่อปกป้องศิษย์ ทั่วทั้งสำนักธาราเมฆคงมีแค่ซูหย่าคนเดียว ไม่มีใครอื่นอีกแล้วที่ทำเช่นนี้ได้
ถ้าพูดความจริงออกมา ตำหนักมารโลหิตต้องจัดการกับพวกเขาแน่ และจวินอู๋เสียก็จะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย แต่การที่ซูหย่าพูดแบบนี้ นางได้เอาทุกอย่างมาไว้ที่ตัวเองอย่างหมดจด ไม่ได้เอ่ยถึงจวินอู๋เสียเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกี่ยวข้องกับจวินอู๋เสียเลยแม้แต่น้อย ทุกอย่างเป็นเพราะสวี่มู่รบกวนการพักผ่อนของซูหย่า
สวี่มู่ผู้น่าสงสาร ถูกตบจนปางตายไม่พอ ยังถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานทำให้อาจารย์ไม่พอใจอีก…
เฮ้อ ปกป้องศิษย์จนถึงขั้นนี้ บ้าคลั่งจนพูดไม่ออกเลยจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่ากู่อิ่งจะอยากสืบเรื่องนี้มากแค่ไหน ก็เกรงว่าจะไม่มีโอกาสทำได้แล้ว
ซูหย่าพูดถึงขนาดนั้นแล้ว ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครแน่ใจได้ว่าซูหย่ากำลังทำอะไรอยู่ในตอนนั้น ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าซูหย่าทำเพื่อจวินอู๋หรือเพื่อตัวนางเอง สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกอย่างไม่ชัดเจนและไม่สามารถคลี่คลายได้
“สวี่มู่เป็นคนผิดอยู่แล้ว เขารบกวนการพักผ่อนของอาจารย์ซูหย่า อาจารย์ซูหย่าย่อมมีสิทธิ์สั่งสอนเขา แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผู้น้อยไม่เข้าใจ” กู่อิ่งยังคงยิ้ม
“ว่ามา” ซูหย่าพูดอย่างหงุดหงิด
“ข้อเท็จจริงที่ผู้น้อยได้ยินในสำนักธาราเมฆดูเหมือนจะไม่ใช่แบบนี้ พวกเขาพูดกันว่าสวี่มู่อยากมาแลกเปลี่ยนฝีมือกับจวินอู๋ศิษย์ของอาจารย์ซูหย่า แต่เขาก็ถูกอาจารย์ซูหย่าทำร้ายบาดเจ็บเสียก่อน ไม่ทราบว่า…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” กู่อิ่งพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง
ซูหย่าหัวเราะเย้ยหยัน แล้วเอียงคอเล็กน้อย “มีเรื่องนี้ด้วยหรือ” พูดแล้วก็หันหน้ามามองจวินอู๋เสีย “ไอ้เด็กเวรนั่นอยากแลกเปลี่ยนฝีมือกับเจ้าอย่างนั้นหรือ”
จวินอู๋เสียส่ายหน้าอย่างให้ความร่วมมือเต็มที่
ซูหย่าหันกลับมามองกู่อิ่ง
“ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยเล่า แต่เจ้าก็พูดเองว่าพวกเขายังไม่ได้เริ่มแลกเปลี่ยนฝีมือกันเลย ไอ้เด็กนั่นก็โดนข้าอัดเละแล้ว แล้วเจ้าว่าเรื่องไหนคือความจริงกันเล่า”