ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 203 หยกสงบวิญญาณ (5) ตอนที่ 204 สิ่งใดที่เรียกว่าความแข็งแกร่ง
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 203 หยกสงบวิญญาณ (5) ตอนที่ 204 สิ่งใดที่เรียกว่าความแข็งแกร่ง
ตอนที่ 203 หยกสงบวิญญาณ (5)
ในเวลากลางคืน องครักษ์ทั้งในและนอกวังหลวงยังคงรับผิดชอบในการดูแลความปลอดภัยของวังหลวง ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเหนือศีรษะของพวกเขามีอะไรบางอย่างกำลังผ่านไปอย่างเงียบๆ
จวินอู๋เสียอยู่ในอ้อมแขนของจวินอู๋เย่า นางได้สัมผัสกับความรู้สึกของคำว่า ‘พาเจ้าบิน’ หนึ่งรอบ
“ทางโน้น” บนท้องฟ้าจวินอู๋เสียชี้นิ้วไปที่ตำหนักของมั่วเฉี่ยนยวนอย่างคุ้นเคย
นัยน์ตาของจวินอู๋เย่าเปี่ยมไปด้วยรังสีอำมหิต จากนั้นเขาก็ลงไปตามทิศทางที่จวินอู๋เสียชี้
ทันใดนั้น องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกตำหนักก็เห็นเงาดำร่อนลงมาจากท้องฟ้า เขาตกใจจนเกือบทิ้งอาวุธในมือลง แต่เมื่อเห็นใบหน้าของคนที่ลงมา ก็พบว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนของบุรุษชุดดำใบหน้างดงามนั้นคือจวินอู๋เสีย
นั่นมัน…คุณหนูใหญ่ของจวนหลินอ๋องมิใช่หรือ
ตอนนี้ทุกคนทั้งในและนอกเมืองหลวงต่างก็รู้ดีว่าจวินอู๋เสียและมั่วเฉี่ยนยวนนั้นมี ‘ความรักใคร่’ ต่อกัน เหลือเพียงแต่ให้มั่วเฉี่ยนยวนออกพระบรมราชโองการแต่งตั้งจวินอู๋เสียและเรียกตัวนางเข้าวังเท่านั้น
ทันทีที่ได้เห็นว่าที่ฮองเฮาในอนาคตมาเยือนตำหนักในยามค่ำคืน เหล่าองครักษ์ต่างก็ปิดปากเงียบด้วยความตกใจ แต่สายตาของพวกเขายังเพ่งมองไปทางบุรุษที่สวมกอดว่าที่ฮองเฮาของพวกเขาไว้โดยไม่รู้ตัว
เพียงแค่มองก็ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจนแทบคุกเข่าลง
พลังของชายผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป และดวงตาของเขาก็ทำให้พวกเขากลัวจนตัวสั่น
“ฝ่าบาทอยู่ข้างในหรือไม่” จวินอู๋เสียกระโดดออกมาจากอ้อมแขนของจวินอู๋เย่า โดยไม่ทันสังเกตว่ามีความเสียใจเกิดขึ้นในดวงตาของจวินอู๋เย่าหลังจากที่นางจากไป
“ขอรับ” องครักษ์ตอบตามความจริง
หลังจากจวินอู๋เสียได้รับคำตอบ นางก็เดินตรงเข้าไปในตำหนักทันทีโดยไม่มีการรายงานก่อน
จวินอู๋เย่าเดินตามนางไป เดิมทีองครักษ์ทั้งสองฝั่งจะก้าวเข้ามาสอบถาม แต่พวกเขาไม่มีความกล้าพอที่จะเข้าใกล้จวินอู๋เย่าแม้แต่ครึ่งก้าว ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงกลืนน้ำลายและยืนอยู่อย่างเงียบๆ
ฝ่าบาท มิใช่พวกข้าละเลยต่อหน้าที่ แต่คนที่ว่าที่ฮองเฮาพามาด้วยนั้นน่ากลัวเกินไปแล้ว
จวินอู๋เสียเตะประตูห้องโดยไม่สนใจผู้ใด และมั่วเฉี่ยนยวนที่กำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะพักผ่อนในตำหนักก็ตกใจจนสะดุ้งเฮือก
มุมปากของมั่วเฉี่ยนยวนกระตุก เขามองจวินอู๋เสียที่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักด้วยท่าทางจริงจัง มือที่วางอยู่บนเข็มขัดเริ่มแข็งทื่อและเสื้อผ้าที่พาดไหล่ของเขาเผยให้เห็นแผงอกที่แข็งแรงของเขา
แม้ว่าเขาจะถูกข่มเหงในตำหนักหลินหยวนมาเป็นเวลานาน แต่ภายใต้การดูแลของจวินอู๋เสีย ประกอบกับความตั้งใจและขยันหมั่นเพียรของตัวมั่วเฉี่ยนยวนเอง ตอนนี้ร่างกายนี้จึงค่อนข้างน่ามองทีเดียว
“หยกวิญญาณ…เอ่อ” จวินอู๋เสียที่ไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติกำลังจะพูดเรื่องหยกวิญญาณกับมั่วเฉี่ยนยวน แต่มีฝ่ามือที่อบอุ่นยื่นออกมาปิดตาของนางไว้เสียก่อน
มั่วเฉี่ยนยวนมองบุรุษที่ยืนอยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยเห็นใบหน้าที่ดุร้ายและงดงามเช่นนี้มาก่อน
สิ่งที่ทำให้มั่วเฉี่ยนยวนประหลาดใจมากกว่าคือดวงตาสีดำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งคู่นั้น
“ไม่ดี อย่ามอง” จวินอู๋เย่ากระซิบกับจวินอู๋เสีย แต่ดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นดุจมีดแหลมคมสองเล่มที่ทำให้มั่วเฉี่ยนยวนรู้สึกเจ็บไปทั้งตัวเมื่อได้สบประสาน ดวงตาคู่นั้นดูเหมือนจะทิ่มแทงร่างเขาในทุกเวลา ดวงตาที่เฉียบคมและน้ำเสียงที่อ่อนโยนสร้างความแตกต่างที่ชัดเจน
มั่วเฉี่ยนยวนลอบปาดเหงื่อ เขาไม่ได้โง่ เขาเข้าใจความหมายของบุรุษผู้นี้ดีจึงรีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเจ็บปวดเหล่านั้นจึงลดทอนลงไปเล็กน้อย
จวินอู๋เย่านี่ถึงยอมปล่อยมือที่ปิดตาของจวินอู๋เสียไว้
จวินอู๋เสียที่ได้รับการมองเห็นคืนมาอีกครั้งยังคงไม่เข้าใจว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น นางเหลือบมองจวินอู๋เย่า เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีอะไร นางจึงไม่ใส่ใจแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแล้วเตรียมปรึกษาหารือเรื่องหยกสงบวิญญาณกับมั่วเฉี่ยนยวน
ตอนที่ 204 สิ่งใดที่เรียกว่าความแข็งแกร่ง
“ท่านนี้คือ” มั่วเฉี่ยนยวนมองจวินอู๋เย่าที่อยู่ข้างหลังจวินอู๋เสียด้วยความกลัว บุรุษผู้นี้ทำให้เขารู้สึกว่าอันตรายเกินไป
“จวินอู๋เย่า…พี่ชายข้า” นี่เป็นครั้งแรกที่จวินอู๋เสียแนะนำจวินอู๋เย่าให้คนอื่นรู้จัก
พี่ชายหรือ ในใจของมั่วเฉี่ยนยวนเต็มไปด้วยความสงสัย เขาจำไม่ได้ว่ามีคนคนนี้อยู่ในสกุลจวินด้วย แต่เขาก็สังเกตเห็นว่ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตาของบุรุษอันตรายผู้นี้เมื่อจวินอู๋เสียพูดคำว่าพี่ชาย
ในวันนั้น หลังจากที่จวินอู๋เย่าช่วยชีวิตจวินเสี่ยนแล้ว เขาก็ได้ส่งจวินเสี่ยนกลับออกไปจากวังหลวง ในเวลานั้น ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดโดยจวินเสี่ยนที่ปรากฏตัวอย่างกะทันหัน จึงไม่มีใครทันสังเกตเห็นจวินอู๋เย่า
“เจ้ามาหาข้าดึกดื่นเยี่ยงนี้ มีธุระด่วนอันใดหรือไม่” มั่วเฉี่ยนยวนขยับตัวออกห่างจากจวินอู๋เสียเล็กน้อย มิใช่เพราะเหตุใด แต่เป็นเพราะจวินอู๋เย่าที่อยู่ข้างหลังนาง
จวินอู๋เสียกล่าวว่า “เรื่องหยกวิญญาณ”
“หยกวิญญาณ เจ้าคงไม่…”
จวินอู๋เสียรู้ดีว่าเขาจะพูดอะไรจึงส่ายหัวทันที
“ข้าจะไม่มอบหยกวิญญาณให้สำนักชิงอวิ๋นเป็นอันขาด ไม่เพียงเท่านี้ ข้ายังต้องการหยกวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่ในมือของเจ้าด้วย”
“อะไรนะ!” ดวงตาของมั่วเฉี่ยนยวนเบิกกว้าง เขามองจวินอู๋เสียอย่างไม่เชื่อสายตา
นางไม่เพียงแต่จะไม่มอบหยกวิญญาณของสกุลจวินให้พวกเขา แต่ยัง…จะเอาอีกชิ้นที่เป็นของราชวงศ์ด้วยหรือ
นางบ้าไปแล้วหรืออย่างไร!
“อู๋เสีย เจ้าจะเอาหยกวิญญาณไปทำอะไร มันเป็นแค่หยกธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้น ถ้าเจ้าชอบ ข้าสามารถส่งคนไปรวบรวมหยกมากมายที่ดีกว่านี้มาให้เจ้าได้ การที่จะเผชิญหน้ากับสำนักชิงอวิ๋นเพียงเพื่อหยกชิ้นเดียวนั้น ไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดเลย” มั่วเฉี่ยนยวนเชื่อในการตัดสินใจของจวินอู๋เสียมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้เขาสับสนอย่างมาก
จวินอู๋เสียไม่เหมือนคนที่แยกแยะความสำคัญไม่ออก
“เจ้าจะให้หรือไม่ให้” ดวงตาของจวินอู๋เสียหรี่ลง นางไม่ต้องการอธิบายเรื่องที่หยกวิญญาณคือหยกสงบวิญญาณให้มั่วเฉี่ยนยวนฟัง เพราะมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจวินกู้ นางจึงต้องระวังเป็นพิเศษ
นี่เป็นครั้งแรกที่มั่วเฉี่ยนยวนถูกจวินอู๋เสียจ้องมองเช่นนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้แล้วว่ามั่วเซวี่ยนเฝ่ยและคนอื่นๆ หวาดกลัวเพียงใดเมื่อถูกจวินอู๋เสียจ้องมองแบบนี้
เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของเขา “ถ้าเจ้าต้องการ ข้าต้องให้เจ้าแน่นอน แต่ว่า…จะจัดการกับสำนักชิงอวิ๋นอย่างไร ดูท่าทางของพวกเขาแล้ว ถ้าพวกเขาไม่ได้รับหยกวิญญาณ พวกเขาคงไม่ยอมอย่างแน่นอน”
“เจ้าเอาของให้ข้า ข้าจะจัดการพวกเขาเอง” ตั้งแต่แรกจวินอู๋เสียก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดคุยดีๆ กับสำนักชิงอวิ๋นอยู่แล้ว
หลังจากที่นางทำให้ไป๋อวิ๋นเซียนเป็นแบบนั้น มันก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่านางกับสำนักชิงอวิ๋นไม่มีทางอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
คำพูดของจวินอู๋เสียทำให้มั่วเฉี่ยนยวนตกใจเป็นอย่างมาก “หรือว่าเจ้าต้องการจะ…ไม่ได้ อู๋เสีย เจ้าก็เคยเห็นพลังของเจียงเฉินชิงแล้ว แม้ว่าจะมีกองทัพรุ่ยหลินปกป้อง แต่พลังของยี่สิบกว่าคนของสำนักชิงอวิ๋นไม่ใช่สิ่งที่เราสามารถ…”
มั่วเฉี่ยนยวนยังพูดไม่จบ ก็เกิดแรงกดดันอันทรงพลังที่กระจายไปทั่วห้องทำให้เขารู้สึกเหมือนมีภูเขากดทับไหล่ของเขาไว้ในทันที เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างกายของเขาก็สั่นเทิ้มอย่างบ้าคลั่ง แรงจากขาทั้งสองข้างเหมือนถูกสูบหายไป เขาคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง และหินอ่อนที่อยู่ใต้ตัวเขาก็เปียกในชั่วพริบตา
“ทำตามที่นางพูด” เสียงอันทรงพลังดังก้องอยู่ในหูของมั่วเฉี่ยนยวน ทั้งๆ ที่เสียงไม่ดัง แต่เมื่อมันผ่านเข้ามาในหูของมั่วเฉี่ยนยวนแล้วกลับทำให้แก้วหูของเขารู้สึกเจ็บปวดมาก เลือดค่อยๆ ไหลออกมาจากมุมปากของเขาแล้วค่อยๆ หยดลงบนเข่าของเขาทีละหยด