ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 21 ล้ำค่าทั้งร่าง (2)ตอนที่ 22 ล้ำค่าทั้งร่าง (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 21 ล้ำค่าทั้งร่าง (2)ตอนที่ 22 ล้ำค่าทั้งร่าง (3)
ตอนที่ 21 ล้ำค่าทั้งร่าง (2)
มองท่าทางไร้กังวลของหลานสาวทั้งๆ ที่นางเพิ่งจะผ่านเรื่องราวมากมายถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนางยังมีความประพฤติที่ดีขึ้น รู้ความมีเหตุผลมากขึ้นแล้ว จวินเสี่ยนก็ขัดแย้งในใจ ทั้งยินดีแต่ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจ
ล้วนเป็นเพราะปู่คนนี้ไร้ประโยชน์ อู๋เสียขาดพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก แต่บัดนี้ปู่คนนี้กลับไม่สามารถให้ชีวิตที่มั่นคงกับนางได้ มันช่าง…
“ช่างมัน เรื่องนี้ปู่ตามใจเจ้า แต่จงจำไว้ว่าตราบใดที่เจ้ายังมีปู่คนนี้อยู่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกเจ้าได้เป็นอันขาด” จวินเสี่ยนถอนหายใจ เห็นอู๋เสียเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แน่นอนว่าเขาย่อมยินดี
“ขอบคุณท่านปู่เจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียก้มศีรษะให้
“ครอบครัวเดียวกัน จะเกรงใจไปทำไม ขอแค่เจ้ามีความสุข ปู่คนนี้ก็สบายใจแล้ว” หากอู๋เสียสนใจวิชาแพทย์จริงๆ ก็ดี จะได้เลิกคิดถึงเจ้ามั่วเซวี่ยนเฝ่ยไร้ประโยชน์นั่น
“เช่นนั้นเดี๋ยวปู่จะให้คนไปนำตำราแพทย์และจัดเตรียมสมุนไพรมาให้เจ้า หากเจ้าขาดเหลือสิ่งใดก็บอกกับลุงฝูของเจ้าได้เลย” จวินเสี่ยนเอ่ย
ลุงฝูเป็นพ่อบ้านของจวนหลินอ๋อง ติดตามจวินเสี่ยนมาตั้งแต่เขายังไม่ร่ำรวย และยังเป็นถึงอดีตรองแม่ทัพของกองทัพรุ่ยหลินอีกด้วย กระทั่งจวินเสี่ยนส่งต่ออำนาจกองทัพรุ่ยหลินให้บิดาของจวินอู๋เสียดูแล ลุงฝูจึงได้ปลดระวางแล้วมารับหน้าที่พ่อบ้าน คอยดูแลจัดการเรื่องต่างๆ ในจวนหลินอ๋องเรื่อยมา
ก่อนเวลาอาหารกลางวัน ลุงฝูก็สั่งให้บ่าวรับใช้ขนตำราแพทย์และสมุนไพรหลายหีบมาให้ จวินเสี่ยนยังได้สั่งให้คนงานปรับปรุงพื้นที่ว่างที่อยู่ใกล้ๆ เรือนของนางเป็นห้องปรุงยาแยกให้จวินอู๋เสียโดยเฉพาะ นางจะได้มีพื้นที่สำหรับเก็บตำราแพทย์และยาสมุนไพร
คล้อยหลังลุงฝูที่กลับออกจากห้องไป จวินอู๋เสียก็เปิดตำราแพทย์สองสามเล่มที่อยู่ใกล้มือขึ้นอ่านอย่างสนใจ
ทว่าพออ่านไปได้สักพัก นางก็ปิดมันแล้วนำทุกอย่างใส่หีบปิดไว้
ด้วยความสามารถของจวินเสี่ยน แม้ตำราแพทย์ที่เขาหามาให้นางจะไม่มีทักษะลับใด แต่ก็ถือว่าล้ำค่าและหาได้ยากมากแล้ว ทว่าเมื่อหนังสือเหล่านั้นผ่านมือจวินอู๋เสียเพียงครั้งเดียว มันกลับกลายเป็นสิ่งของไร้ค่า ไม่ว่าจวินอู๋เสียจะหยิบตำราเล่มใดขึ้นมา นางก็สามารถจดจำมันได้ทั้งหมดทั้งยังสามารถท่องเนื้อหาด้านในออกมาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน กระทั่งสามารถแจงวิธีรักษาที่ล้ำหน้ากว่าที่มีบันทึกไว้ในตำราออกมาได้ด้วย
หลังจากสิ้นหวังกับมาตรฐานทางการแพทย์ของโลกนี้ และพอจะทำใจยอมรับขึ้นได้บ้างแล้วเล็กน้อย จวินอู๋เสียก็หันกลับไปมองหีบบรรจุสมุนไพรเหล่านั้น สมุนไพรของโลกนี้ต่างจากในโลกก่อนของนาง เพื่อทำความคุ้นเคยกับสมุนไพรเหล่านี้โดยเร็วที่สุด จวินอู๋เสียจึงนั่งท่องตำราบันทึกชื่อสมุนไพรต่างๆ จำนวนห้าเล่มตลอดทั้งวันทั้งคืน นี่จึงสามารถจดจำชื่อและสรรพคุณของสมุนไพรพวกนี้ได้ชัดเจนทั้งหมด
“จะเริ่มลงมือเมื่อไรหรือ” แมวดำเดินกรีดกรายไปทั่วห้องปรุงยา ในห้องคละคลุ้งด้วยกลิ่นสมุนไพรนานาชนิด จนทำให้มันเผลอนึกถึงกรงมืดที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันนั้น คิดถึงสภาพของเจ้านายในอดีตที่ต้องอยู่แต่ในห้องที่เต็มไปด้วยสมุนไพรต่างๆ และตำราแพทย์นานนับสิบปี
“ข้าไม่รีบ” จวินอู๋เสียหยิบเมล็ดบัวที่เจ้าดอกบัวขาวน้อยให้ขึ้นมา เพื่อให้การปรับสมดุลร่างกายของจวินเสี่ยนและจวินชิงเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด นางจำต้องควบคุมสรรพคุณของสิ่งต่างๆ ที่มีค่าบนร่างภูติดอกบัวขาวของนางให้ได้ก่อน
เมล็ดบัวใสกระจ่างถูกนิ้วมือเรียวหนีบไว้ตรงกลาง แสงเทียนริบหรี่ทำให้มันเปล่งประกายและงดงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งแตกต่างจากเมล็ดบัวทั่วไป เมล็ดบัวนี้ดึงดูดสายตาราวกับอัญมณีหายาก
จวินอู๋เสียกลืนเมล็ดบัวเข้าไปทั้งเมล็ดในคราเดียว นางใช้ตัวเองทดลองดูผลลัพธ์ของมันในขั้นแรกก่อน
ความรู้สึกเจ็บร้าวพลันเกิดขึ้นที่กระดูกของนางทันที จวินอู๋เสียหรี่ตาลงแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นยันโต๊ะไว้ รับรู้ถึงความรู้สึกที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปในกระดูกอย่างช้าๆ ทว่าในวินาทีต่อมาความเจ็บปวดที่พอจะทนรับไหวในตอนแรก ก็กลับกลายเป็นความรู้สึกประหนึ่งโดนมีดจ้วงแทงไปทั้งร่าง จวินอู๋เสียเหงื่อไหลโซมกาย นางกัดริมฝีปากล่างของตนแน่น
บัดซบ ความรู้สึกนี้มันแย่ยิ่งกว่าโดนมีดกะซวกอีก!
…………
ตอนที่ 22 ล้ำค่าทั้งร่าง (3)
ความรู้สึกยากจะรับไหวนี้ดำเนินต่อเนื่องยาวนานถึงหนึ่งชั่วยามเต็มจึงค่อยเพลาลง เสื้อผ้าของจวินอู๋เสียชุ่มไปด้วยเหงื่อ และของเหลวสีดำหนืดก็ถูกขับออกจากทางรูขุมขนพร้อมเหงื่อทั้งร่าง
ในที่สุดก็จบสิ้นลงเสียที! จวินอู๋เสียลอบถอนหายใจเบาๆ ยกมือขึ้นมองดูคราบสิ่งสกปรกไม่บริสุทธิ์ที่ติดอยู่บนผิวหนัง
“เจ้าเด็กนั่นไม่ได้หลอกข้าจริงๆ ด้วย” จวินอู๋เสียมองสิ่งแปลกปลอมสีดำนั่นแล้วครุ่นคิดเบาๆ หลังจากความรู้สึกทรมานหายไป นางถึงเพิ่งสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง จวินอู๋เสียรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ากระดูกของตนมีการเปลี่ยนแปลง ข้อต่อเคลื่อนไหวคล่องขึ้น และร่างกายก็เบาลงไม่น้อย แม้ผลลัพธ์ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับการเปลี่ยนร่างกายใหม่ แต่สรรพคุณของเมล็ดบัวคือชำระล้างไขกระดูกไม่ผิดแน่แล้ว
หากคนผู้หนึ่งต้องการฝึกวิชาขั้นสูงในภพนี้ เหนือสิ่งอื่นใดคือคนผู้นั้นจำเป็นต้องมีสภาพร่างกายที่ดีเยี่ยมเสียก่อน ก่อนหน้านี้ที่จวินอู๋เสียไม่รีบร้อนฝึกพลังวิญญาณ ก็เพราะนางต้องการปรับสมดุลร่างกาย บำรุงร่างกายของตนให้อยู่ในระดับสมบูรณ์พร้อมก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนนั่นเอง
เริ่มจากมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง การบ่มเพาะพลังวิญญาณในอนาคตถึงจะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นไม่มีติดขัด
หลังจากยืนยันสรรพคุณของน้ำตาภูติดอกบัวขาวอีกอย่างหนึ่ง จวินอู๋เสียก็เริ่มวางแผนสำหรับปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายให้แก่จวินเสี่ยนและจวินชิง
หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้พวกคนในราชวงศ์กล้าไม่ไว้หน้าจวนหลินอ๋อง ก็เพราะจวนหลินอ๋องไร้ทายาทสืบสกุลนั่นเอง จวินชิงที่เป็นคนพิการกับจวินอู๋เสียผู้หยิ่งทะนง ยิ่งจวินเสี่ยนแก่ชราลงทุกวัน ร่างกายย่ำแย่ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว พวกเขาก็ยิ่งคิดว่าจวนหลินอ๋องหมดโอกาสฟื้นคืนกลับมายิ่งใหญ่แล้ว จึงไม่คิดไว้หน้ากันอีก
หากจวินเสี่ยนและจวินชิงสามารถกลับมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนได้อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม เช่นนั้นต่อให้เวลานั้นราชวงศ์มีสำนักชิงอวิ๋นหนุนหลังอยู่ ก็ไม่กล้ายโสเสียมารยาทกับจวนหลินอ๋อง!
ต้องรู้ก่อนว่ากองทัพรุ่นหลินของจวินเสี่ยนมิใช่หยามกันได้โดยง่าย!
ในระยะนี้จวินอู๋เสียใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่แต่ในห้องปรุงยาและจัดเตรียมสมุนไพรมากมาย ขณะเดียวกันนางก็ไม่ลืมบำรุงร่างกายตัวเอง แม้จะยังผอมแห้งอยู่บ้าง แต่สีหน้ากลับเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา ไม่ขาวซีดเหมือนแต่ก่อนแล้ว
จวินเสี่ยนเดิมยังกังวลว่าหลานสาวของตนจะสนใจวิชาแพทย์เพียงชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น แค่ต้องการหาเรื่องเล่นสนุกฆ่าเวลาให้พ้นไป แต่เมื่อเห็นจวินอู๋เสียขะมักเขม้นอ่านตำรา ทั้งยังขังตัวเองอยู่แต่ในห้องปรุงยาทั้งวัน เขาก็ทั้งเป็นสุขทั้งประหลาดใจ ยิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าของนางดีวันดีคืน เขาก็คิดว่าตนสมควรจะเบาใจได้แล้วจริงๆ
ข่าวลือเสียๆ หายๆ ของจวินอู๋เสียยังคงแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างไม่มีหยุดพัก ทำเอาผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พึงพอใจมากเมื่อได้เห็นผลลัพธ์เช่นนี้ สามพ่อลูกสกุลจวินออกรบฆ่าฟันศัตรูนับครั้งไม่ถ้วน กลายเป็นตระกูลนักรบศักดิ์สิทธิ์ในสายตาของเหล่าชาวบ้านทั่วไป การที่พวกเขาได้รับคำยกย่องสรรเสริญอย่างล้มหลามเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่เบื้องบนยินดีเห็นเท่าใดนัก
อย่างไรก็ตามการจะใส่ร้ายจวนหลินอ๋องมิใช่เรื่องที่สามารถทำได้โดยง่าย เมื่อมีเรื่องของจวินอู๋เสียเข้ามาแทรก โอกาสที่หาได้ยากเพียงนี้เบื้องบนจะปล่อยให้หลุดมือไปได้อย่างไร
จากการใส่ไฟของราชวงศ์ ทำให้ข่าวลือเสียหายของจวินอู๋เสียลามจากเมืองหลวงแพร่กระจายไปทั่วรัฐชี
ตลอดช่วงเวลานี้จวินเสี่ยนง่วนอยู่กับการตามล่าตัวคนร้ายที่ลอบจู่โจมองค์ชายสองและไป๋อวิ๋นเซียนเพื่อล้างมลทินให้กับจวินอู๋เสีย มั่วเซวี่ยนเฝ่ยบอกเขาเพียงว่าอีกฝ่ายคือกลุ่มชายชุดดำปริศนาเท่านั้น พวกเขาลอบจู่โจมอย่างกะทันหันและเขาเค้นพลังมหาศาลออกมาต้านไว้จึงพาไป๋อวิ๋นเซียนหนีออกมาด้วยกันได้
อย่างไรก็ตามจวินเสี่ยนคลางแคลงใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ยิ่ง เขามีความรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังปิดบังบางอย่างที่สำคัญยิ่งต่อเขา
เพราะองครักษ์ที่อารักขามั่วเซวี่ยนเฝ่ยในคืนนั้นตายหมด ทั้งยังไม่มีใครมีซากศพที่สมบูรณ์สักคน คล้ายกับว่าถูกระเบิดออกมาจากภายในตัวของพวกเขา ส่วนมั่วเซวี่ยนเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้และการหลบเลี่ยงการโจมตีของพวกมัน ทว่าจวินเสี่ยนไม่ได้ไปเยี่ยมดูอาการของเขา จึงไม่รู้ว่าบาดแผลพวกนั้นเกิดจากอาวุธใดบ้าง
เป็นที่แน่ชัดว่าทางราชวงศ์ไม่ต้องการบอกความจริงทั้งหมดแก่เขา ทั้งยังยึดหลักฐานสำคัญบางส่วนไว้ เขาจึงจำใจต้องตามหาคนร้ายจากหลักฐานที่มีจำกัด อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงและเกียรติของจวินอู๋เสีย
จวินเสี่ยนออกไปตามหาหลักฐานตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวัน ขณะเดียวกันทั้งวันก็แทบจะไม่เห็นเงาร่างของจวินอู๋เย่า ภายในจวนหลินอ๋องเวลานี้ นอกจากบ่าวรับใช้ที่คอยดูแลจวน ก็เหลือเจ้านายเพียงจวินอู๋เสียและจวินชิงสองคนเท่านั้น
……………..