ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 215 ทะลวงระดับ (3) ตอนที่ 216 ทะลวงระดับ (4)
ตอนที่ 215 ทะลวงระดับ (3)
เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่ซีดขาวของจวินอู๋เสีย จวินอู๋เย่าก็อดไม่ได้เอื้อมมือออกไปคว้านางเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เขาเกยคางไว้บนศีรษะของเด็กสาว ฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างกอบกุมมือเล็กๆ ไว้อย่างทะนุถนอม ฉับพลันนั้นเองลูกแก้วผลึกกลมๆ ก็กลิ้งตกมาในฝ่ามือของนาง
“ข้าได้เตรียมภูติวิญญาณไว้ให้เจ้านานแล้ว มันอยู่ข้างในนี้” จวินอู๋เย่ากล่าวด้วยรอยยิ้ม
จวินอู๋เสียมองลูกแก้วผลึกสีใสที่เพิ่งได้มาจากจวินอู๋เย่าที่กลิ้งอยู่ในฝ่ามือของตนเอง มันส่องประกายดูงดงามมาก แต่เมื่อมองดูดีๆ จะสังเกตเห็นว่าภายในนั้นไม่ธรรมดาเลย มันมีแสงหลากหลายสายกำลังเคลื่อนไหวอยู่ข้างในนั้นอย่างต่อเนื่อง และแสงแต่ละสายนั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานชีวิต
“ที่อยู่ในนี้คือภูติวิญญาณหรือ” ลูกแก้วนี้ทั้งเย็นและแข็ง มันเหมือนกับผลึกแก้วสีใสทั่วไปที่ดูสวยงาม แต่ก็ให้ความรู้สึกแตกต่างออกไปเล็กน้อย ซึ่งนางก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันทำมาจากวัสดุอะไร
“สิ่งนี้มันเรียกว่าปราการกักภูติ ไว้ใช้สำหรับกักขังภูติวิญญาณที่ผู้ทำพันธสัญญาเพิ่งตายลงโดยเฉพาะ หลังจากที่ผู้ถือครองภูติวิญญาณตกตายไป ภายในหนึ่งชั่วยามภูติวิญญาณจะยังไม่ถูกส่งกลับไปที่โลกภูติวิญญาณทันที แต่จะยังวนเวียนอยู่ในโลกมนุษย์ก่อน ซึ่งพวกเราก็อาศัยจังหวะนี้แหละในการจับกุมพวกมัน ทำการกักขังพวกมันไว้ในปราการกักภูติ พวกมันก็จะหนีไปไหนไม่ได้อีก” ความคิดของจวินอู๋เย่าไม่ได้อยู่ที่ปราการกักภูติ จริงๆ แล้วนับตั้งแต่ที่เขาได้เห็นเจ้าดอกบัวขาวน้อย เขาก็เริ่มเตรียมสิ่งนี้ไว้ให้นางตั้งนานแล้ว เขาเชื่อว่าเด็กน้อยของเขาจะต้องได้ใช้มันในสักวันหนึ่ง
“ภูติวิญญาณชนิดใดกันที่อยู่ข้างในนี้” สายตาของจวินอู๋เสียจับจ้องไปที่ปราการกักภูติตาไม่กะพริบ ลำแสงเหล่านั้นเป็นกลุ่มของร่างภูติวิญญาณที่ถูกกักขังอยู่ด้านใน แต่มองเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของมันได้ไม่ชัดสักเท่าไหร่
“อสรพิษทะยาน” จวินอู๋เย่าหรี่ตาลงเล็กน้อย อสรพิษบรรพกาลที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับสวรรค์และโลก
“ถึงแม้ว่าด้วยระดับพลังของเจ้าในตอนนี้การจะกลืนกินอสรพิษทะยานทั้งหมดนั้นค่อนข้างยากลำบากอยู่บ้าง แต่ภูติวิญญาณตนแรกที่ใช้ดูดซับนั้นสำคัญต่อเจ้ามาก แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะช่วยเจ้าทะลวงระดับเอง แต่จงจำไว้อย่างหนึ่ง ไม่ว่าระหว่างการดูดซับพลังนั้นเจ้าจะเจ็บปวดมากเพียงใด ก็ต้องอดทนอย่ายอมแพ้กลางคันเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นไม่เพียงแต่เจ้าจะไม่สามารถทะลวงขั้นได้ แต่ยังจะถูกจิตของอสรพิษทะยานย้อนกลับมากลืนกินเจ้าอีกด้วย” การปล่อยให้คนที่มีพลังวิญญาณระดับสีแดงดูดกลืนวงแหวนภูติวิญญาณอันทรงพลังเฉกเช่นอสรพิษทะยานนั้นเสี่ยงมาก แต่จวินอู๋เย่าไม่มีทางเลือกที่สอง
สำหรับคนที่มีภูติวิญญาณประเภทพฤกษา ภูติวิญญาณที่ใช้ในการทะลวงระดับครั้งแรกจะถูกผสานรวมเข้ากับพลังจิตวิญญาณของผู้ที่ดูดซับ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจวินอู๋เย่าถึงควานหาวงแหวนภูติวิญญาณที่สมบูรณ์ที่สุดที่ขอบเขตระดับพลังของจวินอู๋เสียพอจะสามารถรองรับได้มาให้นาง เพราะนี่ก็เป็นภูติวิญญาณที่ดีที่สุดสำหรับนางแล้ว จวินอู๋เย่าไม่อยากให้จวินอู๋เสียเสียโอกาสนี้ไป
อสรพิษทะยานนั้นอาจจะทรงพลังมาก แต่ความสามารถของมันจะทำให้การบ่มเพาะพลังในอนาคตของจวินอู๋เสียแข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
เสี่ยงสักหน่อยจะเป็นไรไป!
ตราบเท่าที่ยังมีเขาอยู่ตรงนี้ เขาจะยอมปล่อยให้เด็กน้อยของเขาเกิดอันตรายหรือไง!
“เจ้า…เชื่อใจข้าหรือไม่” จวินอู๋เย่าถาม
จวินอู๋เสียพยักหน้าหงึกหงัก แต่เมื่อพบว่าตัวเองมองไม่เห็นจวินอู๋เย่าที่ยืนอยู่ข้างหลังจึงยอมแพ้
“เชื่อ!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินอู๋เย่าขยายกว้างขึ้นทันที เขาดีใจมาก เด็กน้อยของเขายามลดกำแพงตั้งแง่ลงนั้นช่างน่ารักเสียจนเขาแทบอดใจไม่ไหว อยากจะหลอมรวมนางให้เป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายของเขา
“เปิดปราการกักภูติออกสิ”
จวินอู๋เสียทำตามที่จวินอู๋เย่าบอกอย่างว่าง่าย มือทั้งสองข้างของนางวางลงบนปราการกักภูติทันทีที่เขากล่าวจบ โดยให้มือข้างหนึ่งวางอยู่ด้านบนและมืออีกข้างรองอยู่ด้านล่าง ก่อนจะบิดมันไปในทิศทางตรงกันข้าม และในเวลานั้นเองที่ลูกแก้วกลมเกลี้ยงไร้ตำหนิที่หมุนวนอยู่ในมือนางก็มีรอยร้าวเล็กๆ เกิดขึ้น เจ้าอสรพิษทะยานที่กำลังดิ้นรนอยู่ในปราการกักภูติ ในที่สุดก็ค้นพบวิธีที่จะหนีออกจากที่กักขังนี้แล้ว มันจึงส่งพลังวิญญาณออกไปอย่างต่อเนื่องผ่านรูที่เป็นเส้นทางเล็กๆ พลังวิญญาณจึงหลั่งไหลออกมาข้างนอกไม่หยุด
“ดูดซับมันเลย ในตอนนี้แหละ! ทำเหมือนกับที่เจ้าทำมันทุกวันด้วยพลังของบัวหิมะซังอวี้ ค่อยๆ ชักนำพลังวิญญาณของอสรพิษทะยานเข้าไปในร่างกายของเจ้า ใช่แล้ว…อย่ารีบ…แบบนั้น…ปล่อยให้พลังวิญญาณของมันเข้าไปหลอมรวมกับเส้นเลือดและเส้นลมปราณของเจ้า จากนั้นก็ค่อยๆ ปรับแต่งมันไปทีละนิด อย่าได้ใจร้อนไป” วินาทีที่ปลดปล่อยเจ้าอสรพิษทะยานออกจากปราการกักภูติ จวินอู๋เย่าก็แผ่พลังออกมาทันทีเพื่อกีดกันเจ้าภูติที่อยู่ด้านในปราการกักภูติไม่ให้มันหลบหนีไปไหนได้
จวินอู๋เสียหลับตาลง และเริ่มชักนำพลังวิญญาณของเจ้าอสรพิษทะยานเข้าไปในร่างกาย
ทันทีที่นางเริ่มลงมือดูดซับพลัง จวินอู๋เสียก็รู้สึกได้ว่าภูติวิญญาณที่ดุร้ายนั้นกำลังวิ่งชนไปทั่วร่างกายของนางอย่างบ้าคลั่ง!
ตอนที่ 216 ทะลวงระดับ (4)
มันเป็นพลังของจิตวิญญาณที่ไม่คุ้นเคยอย่างยิ่ง เอาแต่ใจอย่างถึงที่สุด และเต็มเปี่ยมไปด้วยความก้าวร้าวที่แฝงไปด้วยเจตนาทำลายล้างและไล่ล่า เพียงพริบตาที่จวินอู๋เสียได้สัมผัสกับมัน หัวสมองของนางก็เบลอเลือน ปั่นป่วนสับสนไปหมด เส้นประสาททั้งหมดในหัวคล้ายกับจะถูกฉีกทึ้งไม่เหลือชิ้นดีในชั่วเสี้ยววินาทีนั้น!
เหงื่อเม็ดเป้งไหลลงมาจากหน้าผากกลมมนและทั่วทั้งตัวของนางจนทำให้เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่ม!
ความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณที่ได้รับนี้ เป็นอะไรที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย มันทุกข์ทรมานมากกว่าความเจ็บปวดทางกายที่นางเคยประสบพบเจอมาทั้งชีวิต!
จวินอู๋เสียไม่เคยกลัวความเจ็บปวด แต่ภายใต้ความเจ็บปวดเช่นนี้ ก็ทำให้นางใบหน้าซีดขาวไปทั้งดวง
ความเจ็บปวดทางร่างกายอาจทำให้คนหมดสติไปได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณนั้นมันจะดำเนินต่อไปไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะจิตวิญญาณกำลังตกอยู่ในห้วงของการถูกทรมาน จิตสำนึกของมนุษย์จึงชัดเจนมากขึ้น วินาทีนี้เนื่องจากประสาทสัมผัสและการรับรู้ในตัวของจวินอู๋เสียเฉียบคมและอ่อนไหวขึ้นมาก เพียงแค่การแตะสัมผัสเบาๆ สำหรับนาง จึงไม่ต่างอะไรไปจากการถูกก้อนหินหนักๆ ทุบเลย
ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนจู่ๆ ก็เริ่มตัวร้อนขึ้นมา สีเลือดบนใบหน้าของนางพริบตาคล้ายกับจะถูกกวาดออกไปสิ้น แต่จวินอู๋เย่าก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เขาเพียงแค่โอบประคองนางไว้ในอ้อมแขนของเขาอย่างเบามือและระมัดระวังมากที่สุด
เขารู้ดีว่าการแตะสัมผัสนางในตอนนี้อาจทำให้นางได้รับความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานแสนสาหัส จึงระมัดระวังการเคลื่อนไหวของตัวเองในเวลานี้มาก
จวินอู๋เสียกัดฟันแน่น อดทนต่อการโจมตีทางจิตวิญญาณที่ประเดประดังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คนส่วนใหญ่อาจไม่เคยประสบกับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานเช่นนี้เลยตลอดทั้งชีวิต แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับจวินอู๋เสีย
เมื่อภพชาติก่อนตอนที่ดวงวิญญาณของเจ้าแมวดำตัวน้อยกับนางผสานรวมเข้าด้วยกัน นางก็เคยสัมผัสกับความรู้สึกที่อยู่ไม่สู้ตายแบบนี้มาแล้ว
ตอนนั้นนางยังเด็กมาก เมื่อนางปีนลงจากเตียงผ่าตัด ก็แทบจะไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่เลย ตอนนี้เมื่อความรู้สึกที่คุ้นเคยนี้ได้หวนกลับมาทรมานนางอีกครั้ง ใจของนางจึงปราศจากซึ่งความหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง
ขนาดความตายนางยังไม่กลัว แล้วนางจะมากลัวสิ่งนี้หรือ!
ไม่มีทาง!
ความดื้อรั้นในหัวใจของจวินอู๋เสียคล้ายถูกกระตุ้น ไม่เพียงแต่นางจะไม่กลัว แต่ยังเพิ่มความเร็วในการดูดซับพลังมากขึ้นไปอีก
เก่งนักก็ลองฆ่าข้าดูสิ ไม่อย่างนั้นก็จงมาเป็นพลังให้ข้ากลืนกินแต่โดยดีเสีย!
จิตวิญญาณของอสรพิษทะยานวิ่งพล่านไม่หยุด มันไม่เต็มใจที่จะถูกมนุษย์กลืนกิน แต่การกักขังจากภายนอกก็ทำให้มันหนีไปไหนไม่พ้นเลย และภายใต้คำแนะนำของบุรุษผู้นั้น พลังของมันก็เริ่มถูกมนุษย์สตรีที่อยู่ตรงหน้าดูดซับเข้าไปในร่างกายทีละนิดๆ
เนื่องจากไม่ยินยอมพร้อมใจ อสรพิษทะยานจึงเริ่มโจมตีจิตวิญญาณของจวินอู๋เสียอย่างบ้าคลั่ง จิตวิญญาณมนุษย์นั้นเปราะบางมาก มันไม่เชื่อหรอกว่าหากมันทำลายจิตวิญญาณของสาวน้อยคนนี้แล้ว มันจะหลบหนีออกไปไม่ได้!
แต่จิตวิญญาณของจวินอู๋เสียนั้นแข็งแกร่งกว่าที่อสรพิษทะยานจินตนาการไว้มากโข ไม่ว่ามันจะโจมตีอย่างไร จิตวิญญาณที่ดูเหมือนอ่อนแอนี้ก็ไม่สะทกสะท้านเลย ยังคงมั่นคง ไม่มีวี่แววว่าจะแหลกสลายไปสักนิด
หลังจากจวินอู๋เสียดูดซับจิตวิญญาณของอสรพิษทะยานเข้าไปในร่างกายจนหมด นางก็ยังคงนั่งหลับตาแน่น
จิตสำนึกของนางจมดิ่งลงไปเรื่อยๆ และถูกชักนำเข้าสู่ความมืดมิดว่างเปล่าไม่มีที่สิ้นสุด
ที่นั่นนางเห็นสัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ที่น่ากลัวมาก
ลำตัวมันใหญ่เหมือนกับมังกรในตำนาน แต่ร่างกายของมันกลับเหมือนอสรพิษที่มีปีกงอกออกมาคู่หนึ่ง คอยประคองร่างขนาดมหึมานั้นให้ลอยอยู่กลางอากาศได้!
หลังจากที่จวินอู๋เสียกลับชาติมาเกิดใหม่ ในบรรดาภูติวิญญาณประเภทสัตว์ร้ายทั้งหมดที่นางพบเจอ ราชสีห์ทองคำยักษ์นั้นมีขนาดตัวใหญ่ที่สุดแล้ว แต่สิ่งที่นางเห็นตรงหน้านี้ เพียงแค่ส่วนหัวของเจ้าอสรพิษทะยานตัวนี้อย่างเดียวก็ใหญ่กว่าราชสีห์ทองคำยักษ์นั้นไม่รู้กี่เท่า ลมหายใจของมันที่พ่นรดออกมา เผยให้เห็นถึงความอหังการ์และเย่อหยิ่งทรงพลัง!
“เจ้ามนุษย์อวดดี! เจ้าคิดจะกลืนกินจิตวิญญาณของข้าอย่างนั้นรึ!” อสรพิษทะยานตัวใหญ่ก้มมองจวินอู๋เสียที่เล็กจ้อยเหมือนมองจุดเล็กๆ บนพื้น จิตวิญญาณของนางช่างเล็กกระจ้อยร่อยเหลือเกิน มันเล็กกว่าเขี้ยวซี่หนึ่งที่อยู่ในปากของมันเสียอีก
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น สบสายตากับเจ้าอสรพิษทะยานที่มองลงมาอย่างกดขี่โดยไม่เกรงกลัว ดวงตาดำขลับราวกับน้ำหมึกมีแต่ความสงบและราบเรียบ