ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 227 เคารพท่านในฐานะวีรบุรุษคนหนึ่ง (2) ตอนที่ 228 เคารพท่านในฐานะวีรบุรุษคนหนึ่ง (3)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 227 เคารพท่านในฐานะวีรบุรุษคนหนึ่ง (2) ตอนที่ 228 เคารพท่านในฐานะวีรบุรุษคนหนึ่ง (3)
ตอนที่ 227 เคารพท่านในฐานะวีรบุรุษคนหนึ่ง (2)
เวินซินหันมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ จากนั้นค่อยก้มลงมองขวดโอสถที่อยู่ในมือ
เด็กสาวคนนี้หมายความว่าอย่างไรกัน
หลังจากที่ได้เห็นทักษะของการต่อสู้ของบัวหิมะมัวเมาแล้ว ตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจเลยว่าหากเขาออกไปต่อสู้ด้วยแล้วเขาจะสามารถถอยออกมาได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ เขารู้แม้แต่ตอนที่จวินอู๋เสียบอกว่าเขาอาจจะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
แต่นางเพิ่งพูดว่า….ตราบเท่าที่คนที่เขาต้องการช่วยยังมีลมหายใจอยู่ เขาก็จะไม่ตายอย่างแน่นอน…นี่เป็นความจริงหรือเท็จกันแน่
เมื่อเห็นว่าเวินซินหันที่รับขวดโอสถที่จวินอู๋เสียเพิ่งจะโยนออกไปทำสีหน้างงงวยคล้ายคนที่กำลังลังเลใจ กลุ่มผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินอีกฝังที่กำลังรับมือ ถูกเจ้าสัตว์ร้ายสีดำกับบัวหิมะมัวเมาเล่นงานจนสะบักสะบอมก็เริ่มยืนไม่ติดที่
“เวินซินหัน เจ้าอย่าได้ถูกคำพูดของนางเด็กคนนี้หลอกเอาเชียว แม้แต่ท่านเจ้าสำนักชิงอวิ๋นก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถรักษาหลานชายของเจ้าให้หายได้ เด็กอย่างนางจะไปมีปัญญาอะไร! นางก็แค่พยายามถ่วงเวลา รอเก็บกวาดเจ้าหลังจากที่พวกเราทั้งหมดตายก็เท่านั้น อย่าไปหลงกลนาง!”
เวินซินหันขมวดคิ้วและมองไปที่จวินอู๋เสีย เขาไม่ควรจะเชื่อเด็กสาวอายุน้อยอย่างนางคนนี้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อได้สบกับดวงตาที่ดูเรียบนิ่งและมั่นคงไม่สั่นไหวของจวินอู๋เสีย ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้มั่นใจในตัวนางนัก
ต่อสู้เดิมพันด้วยชีวิต หรือว่าจะจากไปพร้อมกับความหวังสุดท้ายในอ้อมแขนนี้
หากเขาตาย หลานชายของเขาเองก็คงไม่มีทางรอด เขารู้ว่าสำนักชิงอวิ๋นโหดร้ายและใจดำขนาดไหน แม้ว่าเขาจะต้องตายไปในการต่อสู้นี้เพื่อพวกเขา คนพวกนั้นก็จะไม่มีทางเสียเวลาไปกับหลานชายของเขาที่ไม่มีปู่คอยสนับสนุน
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมเขาจะต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงด้วย
“เจ้าชื่อจวินอู๋เสียใช่หรือไม่” เวินซินหันเงยหน้าขึ้นและมองไปที่จวินอู๋เสีย
“เจ้าค่ะ”
“ข้าจดจำเจ้าเอาไว้แล้ว แม้ว่าเรื่องในวันนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับข้า แต่หากโอสถวิเศษนี้สามารถรักษาหลานชายข้าได้จริงๆ ข้าจะเป็นหนี้ชีวิตเจ้า แต่หากเจ้าหลอกลวงข้า ข้าจะทำให้สกุลจวินหายไปพร้อมกับกระดูกเก่าๆ นี้ของข้าด้วย!” เวินซินหันตัดสินใจที่จะเสี่ยง เขาไม่แน่ใจว่าเขาจะรอดชีวิตไปได้หากต่อสู้กับบัวหิมะมัวเมา เมื่อเขาตาย หลานชายของเขาก็จะไม่มีทางมีชีวิตรอดอีกต่อไป
การยอมรับข้อเสนอของจวินอู๋เสียเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หากสามารถช่วยชีวิตหลานชายเขาได้จริงๆ นั่นย่อมดีที่สุด แต่หากไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ เขาจะให้จวินอู๋เสียชดใช้ด้วยเลือด!
“ชีวิตของท่านข้าไม่ต้องการ” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเย็นชา ปฏิเสธเขาไปอย่างไม่สนใจไยดี
เวินซินหันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที สาวน้อยคนนี้ช่างหยิ่งผยองและมั่นใจในตัวเองนัก แต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกเกลียดไม่ลงเสียนี่
“ได้! หากว่าผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริงๆ ในอนาคตข้าจะขอปกป้องสกุลจวินไปจนกว่าข้าจะตายดีหรือไม่”
“ท่านคิดว่าข้าปกป้องตัวเองไม่ได้หรืออย่างไร”
อ่า…ช่างเย่อหยิ่ง!
นี่เป็นครั้งแรกที่เวินซินหันเจอคนแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นเด็กที่ดื้อด้านแบบนี้มาก่อน แต่เมื่อลองพิจารณาดูดีๆ แล้ว การที่จวินอู๋เสียสามารถทะลวงระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นสีส้มด้วยอายุเพียงเท่านี้ นางย่อมเป็นอัจฉริยะ และมีสิทธิ์ที่จะทำตัวเย่อหยิ่งจริงๆ
“วันนี้ข้าได้มารบกวนทุกท่านแล้ว ไว้เจอกันใหม่วันหน้า” เวินซินหันไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับสำนักชิงอวิ๋นอีก หากว่าชีวิตหลานชายของเขาไม่ได้แขวนอยู่บนเส้นด้าย เขาไม่มีทางลดตัวลงไปทำเรื่องเลวร้ายกับพวกกลุ่มคนโสโครกที่มีดีแต่ชื่อเสียงภายนอกอย่างพวกนั้นแน่
กล่าวจบ เวินซินหันก็หยุดปล่อยแรงกดดัน เขาสะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่ง ร่างที่มีอายุก็ทะยานตัวขึ้นไปในอากาศแล้วบินออกไป ทิ้งเสียงด่าทอสาปแช่งของผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินที่กำลังจะตายไว้ด้านหลัง
“เขาไปจริงๆ หรือ” จวินชิงมองฉากที่เกิดตรงหน้าด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เวินซินหันจากไปง่ายๆ ด้วยคำพูดหลอกล่อเพียงไม่กี่คำของจวินอู๋เสียเท่านั้น
จวินอู๋เสียกล่าวว่า “ความแข็งแกร่งของบัวหิมะมัวเมานั้นเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว เขารู้ว่าหากเขาไม่หลบหนีไป เขาก็ต้องบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ก็ตายอย่างแน่นอน แต่หากเขาตาย สำนักชิงอวิ๋นจะไม่มีทางช่วยชีวิตหลานชายของเขา ดังนั้นแม้ว่าการที่เขาออกไปจากที่นี่จะเต็มไปด้วยความเสี่ยง แต่นี่ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด” จวินอู๋เสียมองตามแผ่นหลังของเวินซินหันที่บินจากไป ไม่อาจไม่กล่าวว่าจวินอู๋เสียมองจิตใจของเวินซินหันออกได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
คนที่สามารถหนีรอดจากการฆ่าล้างตระกูลของฮ่องเต้และมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แถมยังบ่มเพาะพลังจนมีระดับพลังวิญญาณขั้นสีครามที่แข็งแกร่ง เวินซินหันก็ต้องรู้จักฉลาดเลือกด้วย!
ตอนที่ 228 เคารพท่านในฐานะวีรบุรุษคนหนึ่ง (3)
บัวหิมะมัวเมาที่แข็งแกร่งมากถึงขนาดทำให้ผู้มีพลังวิญญาณขั้นสีครามหวาดกลัว กับข้อเสนอของจวินอู๋เสียที่ได้มอบทางเลือกที่สองให้กับเวินเซินหัน ใครบางคนที่ไม่ชอบหน้าสำนักชิงอวิ๋นอยู่ก่อนแล้ว จึงได้เลือกที่จะจากไป
ทั้งพลังและกลยุทธ์ เรียกได้ว่าจวินอู๋เสียไม่ขาดไปแม้แต่อย่างเดียว
เมื่อสูญเสียความช่วยเหลือจากเวินเซินหัน แรงกดดันที่กดทับทหารกองทัพรุ่ยหลินอยู่ก็สลายหายไป กองทัพรุ่ยหลินกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้ง และจากที่ไม่สะดวกจะเคลื่อนไหวในตอนแรกก็เริ่มมีกำลังวังชาขึ้นมา พวกเขาล้อมคนจากสำนักชิงอวิ๋นไว้กลางวง บังคับให้พวกเขาต่อสู้กับเจ้าสัตว์ร้ายสีดำและบัวหิมะมัวเมาจนตัวตาย!
บัวหิมะมัวเมาซึ่งใต้ระดับพลังขั้นสีม่วงไร้ผู้ต่อกร เริ่มเปิดฉากฆ่าล้างทันที
ในเวลาเพียงครึ่งชั่วยามสั้นๆ ลูกศิษย์ทั้งสี่คนจากสำนักชิงอวิ๋นและผู้เชี่ยวชาญระดับขั้นสีน้ำเงินที่สำนักชิงอวิ๋นเชิญมาทั้งหมดก็ตกตายลงภายใต้น้ำมือของบัวหิมะมัวเมาและเจ้าสัตว์ร้ายสีดำ
โลหิตสีแดงสดที่สะดุดตาเปรอะเปื้อนเต็มเท้าของบัวหิมะมัวเมา อาภรณ์สีขาวของเขาถูกย้อมไปด้วยสีโลหิต แต่ใบหน้าที่หล่อเหลางดงามนั้นกลับไม่แสดงความรู้สึกอึดอัดออกมาเลย ตรงกันข้ามมันเต็มไปด้วยความสนุกสนานและพึงพอใจหลังจากการฆ่าล้างครั้งใหญ่!
“สะใจที่สุด!” บัวหิมะมัวเมาคำรามออกมาอย่างสนุกสนาน กำปั้นที่เปื้อนเลือดของเขาทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาทุบหน้าอกครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปหาจวินอู๋เสียด้วยท่วงท่าที่สง่างามและฝีเท้าที่เงียบกริบ
“เจ้านาย ข้าฆ่าเสร็จแล้วขอรับ” ดวงตาคู่สวยของบัวหิมะมัวเมายิ้มตาหยี
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย วิกฤตของจวนหลินอ๋องถูกกำจัดไปหมดแล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่จบ จวินอู๋เสียนำทหารมากมายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสกลับเข้าไปรักษาตัวที่หน้าประตูจวนหลินอ๋อง ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ นางมั่นใจว่าจะสามารถช่วยชีวิตพวกเขาไว้ได้อย่างแน่นอน
อาการบาดเจ็บของจวินเสี่ยนและจวินชิงไม่ร้ายแรงมาก แต่หลงฉีนี่สิไม่น่าอภิรมย์เลย กระดูกซี่โครงของเขาหักไปถึงสามท่อน กระนั้นเขากลับยังเอาแต่นิ่งเงียบกัดฟันไม่ยอมพูดอะไร
หลังจากแจกจ่ายเม็ดยาให้แก่บรรดาทหารกองทัพรุ่ยหลิน อาการบาดเจ็บของหลายคนก็คงตัวขึ้นมาก จวินอู๋เสียไม่ได้กลับเข้าไปในจวนหลินอ๋องทันที แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูจวนแล้วมองดูร่างไร้วิญญาณของเหล่าคนจากสำนักชิงอวิ๋นด้วยสายตาที่เย็นชา
“เสี่ยวเสียเอ๋อร์ กำลังคิดอะไรอยู่หรือ” จวินอู๋เย่าปรากฏตัวออกมาอย่างไร้ซุ่มเสียงด้านข้างจวินอู๋เสีย
“เป็นเจ้าเองสินะที่ปล่อยให้บัวหิมะมัวเมาออกมา” จวินอู๋เสียถาม
จวินอู๋เย่ายิ้มเล็กน้อย เหลือบมองไปที่ ‘กองเนื้อบด’ ที่อยู่บนพื้น รอยยิ้มของเขาก็ขยายกว้างขึ้นอีกส่วน “ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากรู้มาโดยตลอดหรือว่าบัวหิมะมัวเมานั้นมีพลังต่อสู้อยู่ในระดับใด” เพราะฉะนั้น เขาก็เลยให้บัวหิมะมัวเมาได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง
เพียงแต่ วิธีการฆ่าของเจ้าบัวหิมะมัวเมานั้นช่างสอดคล้องกับรสนิยมของเขาเสียจริง ถูกจริตเขายิ่งนัก
“ข้าจะไปที่วังหลวง” จวินอู๋เสียพูด
รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินอู๋เย่าแข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย
“สำนักชิงอวิ๋นไม่ยอมรามือง่ายๆ แค่นี้แน่ จนกว่าพวกเขาจะได้หยกวิญญาณไปไว้ในมือ พวกเขาจะไม่ยอมหยุดค้นหามันอย่างแน่นอน ข้าคิดว่าเวลานี้คนของสำนักชิงอวิ๋นส่วนหนึ่งคงมุ่งไปหามั่วเฉี่ยนยวนแล้ว” จวินอู๋เสียหรี่ตาลง จากปากของหลงฉีที่บอกเล่าให้ฟัง ทำให้นางพอจะสรุปได้ว่าเวลานี้มั่วเฉี่ยนยวนคงจะตกอยู่ในเงื้อมมือของสำนักชิงอวิ๋นแล้ว
ไม่รู้ว่าฮ่องเต้น้อยผู้ไร้เดียงสานั่นจะได้รับบทเรียนจากการลงมือในครั้งนี้ของสำนักชิงอวิ๋นหรือไม่
“เจ้าอยากจะไปช่วยเขาหรือ” จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วถาม
“ใช่”
รอยยิ้มที่มุมปากของจวินอู๋เย่าเลือนหายไปโดยสิ้นเชิง
“เช่นนั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย” เรื่องบ้าๆ อย่างหญิงงามช่วยอสูรอัปลักษณ์ เขาไม่ยินดีที่จะเห็นมันเกิดขึ้น!
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากหันไปสั่งให้เจ้าสัตว์ร้ายสีดำกับบัวหิมะมัวเมามุ่งหน้าไปยังวังหลวงด้วย นางก็ถูกจวินอู๋เย่าดึงเข้ามาในอ้อมแขนแล้วพาทะยานออกไป
ด้านนอกจวนหลินอ๋อง สัตว์ร้ายสีดำมองกองเลือดที่เปื้อนเท้าบัวหิมะมัวเมาแล้วรู้สึกหดหู่เหลือเกิน มุมปากของมันกระตุกเล็กน้อย
บัวหิมะมัวเมาเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง ไม่แยแสว่าเจ้าสัตว์ร้ายสีดำจะรังเกียจหรือเปล่าก็กระโดดขึ้นไปขี่หลังมันทันที คว้าขนที่แผงคอของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำแล้วเยาะเย้ยว่า “เจ้าเหมียวโง่! ยังไม่รีบพาข้าไปอีก!”
“…” หัวใจของเจ้าสัตว์ร้ายสีดำเกือบแหลกสลาย
บัดซบเถิด! เจ้านาย…ท่านอย่าทิ้งข้าไว้กับเจ้าดอกไม้จิตวิปริตนี่ได้หรือไม่!