ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 277 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (3) ตอนที่ 278 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 277 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (3) ตอนที่ 278 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (4)
ตอนที่ 277 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (3)
“ทำเสร็จหมดแล้วรึ” บุรุษผู้มีใบหน้าสดชื่นเมื่อเห็นว่ากลุ่มเด็กใหม่มีสีหน้าอ่อนล้าดูสะบักสะบอม นัยน์ตาของเขาก็เผยรอยยิ้มร้ายออกมา
เด็กหนุ่มสาวแต่ละคนก้มหน้างุด ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย
“ขยะจริงๆ! แค่นี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ เช่นนั้นข้าวเช้าของวันนี้พวกเจ้าก็ไม่ต้องกินมันแล้ว! ตอนนี้ไปตักน้ำรดสมุนไพรซะ” โดยไม่มีการผ่อนปรนให้กับกลุ่มเด็กใหม่แม้แต่น้อย มาถึงศิษย์คนนั้นก็โยนการทรมานครั้งใหม่ใส่หัวพวกเขาทันที
พริบตาเสียงบ่นระงมก็ดังขึ้นจากกลุ่มเด็กใหม่
“ศิษย์พี่ขอรับ พวกเราเหนื่อยมากแล้วจริงๆ ไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว…ให้พวกเราไปนอนก่อนสักงีบได้หรือไม่” เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ค่อนข้างกล้าหาญก้าวออกมาขอความเมตตา
ไม่มีใครคาดคิด เขาเพิ่งจะพูดจบประโยค ศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาคนนั้นก็เตะไปที่หน้าท้องของเขาอย่างแรง เด็กหนุ่มที่เหนื่อยล้ามาตลอดทั้งคืนแล้ว ล้มลงไปนอนกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เขายกมือขึ้นกุมท้องตัวเองไว้
“ไอ้เจ้าพวกตัวขี้เกียจสันหลังยาว! เมื่อพวกเจ้าเข้ามาอยู่ในยอดเขาเร้นเมฆาแล้ว พวกเจ้าก็ต้องทำตามกฎของยอดเขาเร้นเมฆา! ใครที่คิดว่าตัวเองอยากขี้เกียจ เช่นนั้นก็จงไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!” ศิษย์ยอดเขาเร้นเมฆาคนนั้นเยาะเย้ยและมองไปรอบๆ ฝูงชน การปฏิบัติที่โหดร้ายและเย็นชาของเขาที่กระทำต่อเหล่าเด็กใหม่ ไม่คล้ายสิ่งที่ปฏิบัติต่อมนุษย์เลยสักนิด
คุกคาม ข่มขู่…สิ่งเหล่านี้ทำให้กลุ่มเด็กหนุ่มสาวที่ร่างกายอ่อนล้าไปหมดแล้วตัวหดลีบด้วยความหวาดกลัว พวกเขาไหนเลยจะยังกล้าคัดค้านต่อรองอีก จึงทำได้เพียงลากสังขารอันอ่อนแรงแล้วเดินออกไปจากลานที่พักเพื่อรดน้ำสมุนไพรตามคำสั่ง
ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาในยอดเขาเร้นเมฆาโดยพลการ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ทั้งหมด คนภายนอกจึงไม่มีใครล่วงรู้เลย
ดังนั้นจึงไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเหล่าลูกแกะตัวน้อยที่กำลังรอถูกเชือดเหล่านี้ได้
“เจ้าว่า หากคนกลุ่มนี้รู้ว่าพวกเขากำลังจะถูกทรมานจนตายอยู่ในยอดเขาเร้นเมฆาแห่งนี้ พวกเขาจะยังมีความสุขเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่” เฉียวฉู่เดินออกจากลานที่พักอย่างไม่เร่งรีบ มองไปที่กลุ่มเด็กที่อดหลับอดนอนมาตลอดทั้งคืนแล้วที่เดินนำอยู่ด้านหน้า ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความสนอกสนใจและอยากรู้
เคอฉังจวีไม่ใช่ตัวดีอะไร และกลุ่มเด็กตัวเหม็นพวกนี้ก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกัน เมื่อวานนี้ตอนที่พวกเขาเพิ่งเข้ามายังยอดเขาเร้นเมฆา กลุ่มคนงี่เง่าพวกนี้ก็หัวเราะเยาะและดูถูกเขากับจวินอู๋เสีย ตอนนี้เขาอยากรู้จริงๆ ว่าพวกมันจะยังมีพลังเหลือเฟือทำเรื่องไร้สาระแบบนั้นอยู่หรือไม่
จวินอู๋เสียไม่ได้พูดอะไร นางเพียงหลุบตามองพื้นดินตรงหน้า ก้มมองปลายเท้าของตัวเอง
ในเมื่อมันน่าขยะแขยงขนาดนั้น กำจัดไปให้หมดเสียก็สิ้นเรื่องแล้วนี่!
เฉียวฉู่รอนานมาก เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียเอาแต่ก้มหน้าเงียบไม่ยอมเปิดปากเสียทีเขาก็หันหน้ากลับไปมอง ทันทีที่เขาหันศีรษะเขาก็พบว่าใบหน้าที่เคยแดงปลั่งอย่างคนสุขภาพดีของจวินอู๋เสียบัดนี้ซีดราวกับศพ ริมฝีปากของนางแทบจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว
“จวินเสีย! เจ้า…” เฉียวฉู่พูดออกมาได้ไม่กี่คำ ทันใดนั้นความรู้สึกวิงเวียนอย่างแรงก็เข้าจู่โจมหัวสมองของเขา และก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนองอะไร ร่างของเขาก็ร่วงตุบลงไปกับพื้นอย่างไม่อาจควบคุมได้
เสียงหล่นตุบดังๆ สองครั้ง เรียกสายตาตกตะลึงจากเหล่าเด็กหนุ่มสาวที่เดินนำอยู่ด้านหน้าให้หันกลับมามองอย่างสงสัย เพียงพบว่าเฉียวฉู่กับจวินอู๋เสียที่เดินรั้งท้ายแถวอยู่ล้มลงไปแล้ว โดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ มาก่อนเลย สีหน้าของคนทั้งคู่ดูซีดผิดปกติ แทบจะหาสีเลือดไม่เจอแล้ว!
“แย่…แย่แล้ว! มีคนหมดสติไปแล้ว!” เสียงกรีดร้องหนึ่งดังออกมาจากฝูงชน
ศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาก็ถูกดึงดูดความสนใจกลับไปด้วยเสียงนี้ เขาเดินออกมาจากลานที่พักศิษย์ และก็ได้เห็นจวินอู่เสียกับเฉียวฉู่ล้มลงไปนอนหมดสติอยู่ริมถนน
เพียงพริบตา ในแววตาของศิษย์ยอดเขาเร้นเมฆาคนนั้นก็สว่างวาบ ประกายโหดเหี้ยมอันตรายวาบผ่านดวงตาเขาไปอย่างรวดเร็ว เขารีบปรับสีหน้าตัวเองให้กลับเป็นปกติ ปั้นหน้าดุดันแล้วเดินเข้าไปหยุดอยู่ด้านข้างของเด็กที่ส่งเสียงร้องออกมาเมื่อสักครู่ “เจ้าพวกขยะนี่! แค่คืนเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว! พวกเจ้าใครก็ได้มาทางนี้หน่อย มาเอาตัวไอ้โง่สองคนนี้ไปส่งให้ท่านผู้อาวุโสเคอที ให้ตายสิ คงต้องรบกวนท่านผู้อาวุโสเคออีกครั้งแล้ว!
กลุ่มคนหนุ่มสาวที่โง่เขลามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยความงุนงง ฟังจากน้ำเสียงของพวกศิษย์พี่ หมายความว่าพวกเขาจะถูกส่งไปรักษาตัวกับท่านผู้อาวุโสเคอใช่หรือไม่ ทันใดนั้นในหัวใจของพวกเขาก็พลันรู้สึกปลอดภัยขึ้นมา กลับมาคาดหวังและมีความสุขอีกครั้ง
ตอนที่ 278 ขโมยฟ้าสับเปลี่ยนดวงตะวัน (4)
ใช่แล้ว จะต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ พวกเขาก็ว่าอยู่ว่าทำไมยอดเขาเร้นเมฆาถึงได้โหดร้าย จงใจทรมานพวกเขาแบบนี้ ที่แท้สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบททดสอบที่เตรียมไว้สำหรับพวกเขา! ตราบเท่าที่พวกเขากัดฟันผ่านมันไปได้ พวกเขาก็จะได้กลายเป็นศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาที่แท้จริง!
พวกเขายังเข้าใจอีกด้วยว่า หลังจากที่ร่างกายของพวกเขาอ่อนล้าถึงขีดสุดและทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พวกเขาก็จะได้รับการรักษาจากท่านผู้อาวุโสเคอเป็นการส่วนตัว เดิมทีพวกเขายังคิดบ่นและไม่พอใจกับการปฏิบัติของยอดเขาที่มีต่อพวกเขา แต่ตอนนี้ความโกรธเหล่านั้นมันได้มลายหายไปหมดแล้ว หลายคนถึงกับบังเกิดความคาดหวังในใจ สงสัยว่าในอนาคตพวกเขาจะได้รับ ‘การรักษา’ จากผู้อาวุโสเคอเหมือนกันหรือไม่
กลุ่มเด็กใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความฝันอันแสนสวยงาม ไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยว่าบรรยากาศรอบตัวของลูกศิษย์ที่อยู่ด้านข้างนั้นเป็นเช่นไร พวกเขากลับมาฮึกเหิมและมุ่งมั่น ปรารถนาจะทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงให้ได้
“เจ้าพวกโง่” ลูกศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาที่ยืนอยู่ที่หน้าทางเข้าลานที่พักมองตามกลุ่มแก่อ้วนผู้โง่เขลาแล้วแสยะยิ้มด้วยแววตาชั่วร้าย ความตายใกล้เข้ามาเยือนแล้วยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีก
“เจ้าสองคนนี้ จะส่งไปให้ท่านผู้อาวุโสเคอจริงๆ หรือ” ศิษย์อีกคนของยอดเขาเร้นเมฆาเดินเข้ามาแล้วเตะไปที่ร่างสองร่างที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ถามอย่างเฉยเมย
“ต้องส่งไปอยู่แล้วสิ คิดไม่ถึงเลยว่าไอ้เจ้าแกะอ้วนสองตัวนี้มันจะอ่อนแอถึงขนาดนี้ ไม่ทันข้ามวันก็เป็นลมไปแล้ว แต่ก็ถือเป็นโชคดีของพวกเรา ที่วันนี้ได้เหยื่อทีเดียวมากถึงสองราย” สายตาของกลุ่มศิษย์ที่มองมาไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ พวกเขาเพียงยืนปรึกษากันครู่หนึ่ง หลังจากได้บทสรุปแล้ว จึงแบกตัวจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ไปยังอาคารส่วนในของยอดเขาที่พวกเขาทั้งสองคนเพิ่งไปเยือนมาเมื่อคืนนี้
ตลอดเส้นทาง ศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาไม่ได้อ่อนโยนกับจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่เลย พวกเขาปฏิบัติต่อร่างของทั้งคู่อย่างป่าเถื่อนคล้ายกับเป็นสัตว์เดรัจฉาน จนกระทั่งผ่านไปสักพักหนึ่ง พวกเขาก็นำร่างของคนทั้งคู่เข้าไปยังอาคารดังกล่าว
ในเวลานี้ ประตูที่ปิดสนิทของอาคารเปิดแง้มออกเล็กน้อย ศิษย์ทั้งสองคนที่รับหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตู เมื่อเห็นว่าจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ถูกลากมา พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด ปล่อยให้กลุ่มคนผ่านเข้าไปด้านในโดยตรง
หลังจากเข้ามาในตัวอาคาร เฉียวฉู่กับจวินอู๋เสียก็ถูกโยนลงบนพื้นเหมือนกับกระสอบ
ปัง!!!
เสียงหนักๆ ดังส่งมา ประตูของตัวอาคารก็กลับมาปิดอย่างแน่นหนาอีกครั้ง
เฉียวฉู่นอนตัวแข็งทื่ออยู่บนพื้น ปากและหน้าของเขากดลงกับพื้นที่แสนสกปรก บนใบหน้าที่ซีดขาวฉายแววสับสนมึนงงชัดเจน
ใครก็ได้…บอกเขาทีว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่!
ทำไมจู่ๆ เขาก็หมดสติไป ไม่สิ จะเรียกว่าหมดสติไม่ได้ เรียกว่าล้มลงไปจะดีกว่า เพราะหลังจากที่เขาล้มลงไป เขาไม่ได้สูญเสียสติสัมปชัญญะ ยังคงรับรู้และได้ยินบทสนทนาของศิษย์ยอดเขาเร้นเมฆาทั้งสองคนนั้นทุกคำพูด เพียงแต่ขยับปากไม่ได้ แขนขาสูญเสียการควบคุมราวกับถูกพันธนาการไว้อย่างไรอย่างนั้น
เห็นได้ชัดว่าจิตสำนึกของเขายังแจ่มชัดดี ดวงตาที่หรี่ลงจนเกือบปิดสามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างชัดเจน แต่เขาแค่… ขยับไม่ได้!
จวินเสียให้โอสถอะไรเขากินกันแน่ ทำไมมันถึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพเหมือนหุ่นแบบนี้
ขณะเฉียวฉู่ที่กำลังหดหู่ใจและสับสน จู่ๆ เขาก็เห็นเงาสีดำเล็กๆ วิ่งผ่านตาของเขาไป เงาสีดำนั้นวิ่งเต้นไปมาอย่างคล่องตัวอยู่ในห้อง ก่อนมันจะกระโดดขึ้นไปบนแท่นสูงที่มีขวดยามากมายตั้งอยู่
มันเป็นแมวดำที่ดูสง่างามมาก ขนสีทองที่แซมอยู่ตรงหน้าอกของมันนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ!
เจ้าแมวดำคล้ายกับจะสังเกตเห็นการจ้องมองของเฉียวฉู่ มันค่อยๆ เชิดหน้าขึ้นและเลียอุ้งเท้าของมัน หางยาวที่เต็มไปด้วยขนสะบัดเล็กน้อย ร่างเล็กปราดเปรียวก็หายไปจากจุดนั้น เข้าไปซ่อนอยู่ด้านหลังโหลบรรจุยามากมาย
ไม่รู้ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ประตูห้องที่ปิดสนิทของอาคารก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง แสงแดดจากด้านนอกลอดผ่านบานประตูเข้ามาทำให้ห้องที่มืดสลัวพลันสว่างไสว ร่างที่ง่อนแง่นไม่สมประกอบค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ
“เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้ใครเข้ามารบกวนข้าชายชราเป็นอันขาด” เสียงสั่งที่เย็นยะเยือกดังขึ้น ราวกับจะแช่แข็งกระดูกศพให้กลายเป็นน้ำแข็งก็ไม่ปาน
และเมื่อบานประตูถูกปิดลง ไออุ่นจากแสงแดดอันแสนสั้นก็หายไป!
เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งทองแดงคร่ำครึดังเข้ามาในหูของจวินอู๋เสียและเฉียวฉู่ ในขณะที่ฝีเท้านั้นใกล้เข้ามาทุกขณะ หัวใจของทั้งคู่ก็เต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจดังก้องอยู่ในหัวของพวกเขาอย่างชัดเจน