ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 303 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (1) ตอนที่ 304 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 303 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (1) ตอนที่ 304 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (2)
ตอนที่ 303 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (1)
ดวงตาของเฉียวฉู่เป็นประกายขึ้นมาทันที ในที่สุดก็จะเริ่มแล้วใช่หรือไม่
“เจ้ากลับไปบอกจวินเสียเพื่อดูว่าเขาต้องเตรียมอะไรหรือไม่” จวินอู๋เสียเป็นผู้วางแผน ฮวาเหยาจึงคิดว่านางมีสิทธิ์ที่จะรู้ทิศทางของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“ช่วงนี้…คือพวกท่านกำลังรอเวลาอยู่หรือ” เฉียวฉู่เข้าใจเหตุผลทันที ฮวาเหยาเพิ่งสวมรอยเคอฉังจวีได้ไม่นาน แม้ว่าเขาจะรู้เรื่องเคอฉังจวีอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรในการเลียนแบบเขาให้เหมือนทุกอย่าง ยิ่งไปกว่านั้นคือนิสัยของเคอฉังจวีนั้นแปลกมาก เขาแทบจะไม่เคยไปหาฉินเย่ว์ก่อนเลย หากเขาตรงเข้าไปหาฉินเย่ว์แล้วพูดเรื่องนี้กับเขาอย่างกะทันหัน อาจทำให้ฉินเย่ว์สงสัยได้ ดังนั้นควรรอให้เขามาหาเองจะดีกว่า
ฮวาเหยาพยักหน้าตอบรับ
เฉียวฉู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด “ได้ ข้าจะไปบอกน้องเสียเดี๋ยวนี้เลย”
หลังจากพูดจบ เฉียวฉู่ก็กระโดดออกไปนอกหน้าต่างทันที
มุมปากของฮวาเหยากระตุกเมื่อเขามองหน้าต่างที่เปิดอยู่ พรุ่งนี้เขาจะให้คนมาปิดตายหน้าต่างบานนี้เสีย!
เฉียวฉู่วิ่งแจ้นไปพบจวินอู๋เสียทันที เพราะเจ้าเด็กคนนี้นั่งอยู่ที่สวนสมุนไพรจริงๆ เขาจึงไม่ต้องเสียเวลาไปหาที่ไหน “พรุ่งนี้ฉินเย่ว์จะมาพบพี่…เคอฉังจวี พี่ฮวาถามว่าเจ้าต้องเตรียมอะไรหรือไม่”
จวินอู๋เสียยืนขึ้นด้วยสีหน้าเข้าใจ
“พรุ่งนี้เอามันไปให้ฮวาเหยาแล้วให้เขาพามันเข้าไปด้วยตอนที่คุยกับฉินเย่ว์” ไม่รู้ว่าจวินอู๋เสียเอาเจ้าแมวดำตัวน้อยตัวนี้มาจากที่ไหน และเจ้าแมวดำตัวน้อยก็ใช้ดวงตาที่กลมโตของมันมองไปที่เฉียวฉู่
เฉียวฉู่หยุดชะงักไปเล็กน้อย เพราะเหตุใดเจ้าแมวดำตัวน้อยตัวนี้ถึงได้ดูคุ้นตานักเล่า
“นี่เป็นภูติวิญญาณของเจ้าหรือ” ในที่สุดเขาก็จำได้! เพราะวันที่พวกเขาถูกโยนเข้าไปในห้องลับใต้ดินเจ้าแมวดำตัวนี้ซ่อนตัวอยู่หลังตู้ แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เห็นมันอีกเลย
“ไม่ใช่ ฉินเย่ว์จะไม่พบความพิเศษของมัน” เสี่ยวเฮยไม่เคยเป็นภูติวิญญาณ เพราะในร่างกายของมันไม่มีพลังวิญญาณของภูติวิญญาณและแม้แต่ฉินเย่ว์ก็จะไม่พบความพิเศษของมัน เขาจะคิดว่ามันเป็นแค่เจ้าแมวดำธรรมดาทั่วไป
เฉียวฉู่พยักหน้าและในขณะที่เอื้อมมือไปหาเจ้าแมวดำเพื่อสัมผัสมัน เขาก็กล่าวถามจวินอู๋เสียว่า “ภูติวิญญาณของเจ้าคือสัตว์ร้ายสีดำในวันนั้นใช่หรือไม่” เขาไม่ลืมสัตว์ร้ายสีดำที่สง่างามในห้องใต้ดินวันนั้น
“โอ๊ย” มือที่เขาเพิ่งยื่นออกมาถูกอุ้งเท้าของเจ้าแมวดำข่วน เฉียวฉู่มองเจ้าแมวดำตัวน้อยที่เย่อหยิ่งแล้วพูดอะไรไม่ออก
ทันใดนั้นเขาก็หยุดชะงักในทันที เพราะเขาสังเกตเห็นขนสีทองเหมือนสายฟ้าบนหน้าอกของเจ้าแมวดำและเขาเคยเห็นร่องรอยนี้บนตัวของสัตว์ร้ายสีดำในวันนั้น ตำแหน่งและรูปร่างเหมือนกันทุกประการ
“มัน…” เฉียวฉู่ชี้ไปที่เจ้าแมวดำตัวน้อยที่ดุร้ายอย่างไม่เชื่อสายตา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ใช่” จวินอู๋เสียดูเหมือนจะเดาได้ว่าเฉียวฉู่กำลังคิดอะไรอยู่จึงยอมรับออกมาทันที
“…” เฉียวฉู่อ้าปาก แต่ก็พูดอะไรไม่ออกเป็นเวลานาน บนตัวเจ้าแมวดำตัวนี้ไม่มีลมหายใจของภูติวิญญาณ ไม่เหมือนภูติวิญญาณ แต่…แมวดำที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ร้ายได้จะเป็นแมวธรรมดาทั่วไปได้หรือ
ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจวินอู๋เสียจึงส่งเจ้าแมวดำไป เฉียวฉู่ทำได้เพียงทำตามที่เขาบอก เขายิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องที่เจ้าเด็กที่ไม่ค่อยพูดจาคนนี้ทำมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปสามารถเข้าใจได้ คิดว่าแม้แต่พี่ฮวาก็อาจจะไม่เข้าใจเจตนาของจวินอู๋เสีย
พาแมวไป…
เพื่ออะไร
“ใช่แล้ว” จวินอู๋เสียดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“อะไรหรือ” เฉียวฉู่มองนาง รอให้นางพูดอะไรที่น่าทึ่งออกมาอีก
“พรุ่งนี้เจ้าจะต้องเฝ้าอยู่หน้าห้องข้า อย่าให้ใครเข้ามารวมถึงตัวเจ้าด้วย” หลังจากจวินอู๋เสียพูดจบ นางก็อุ้มเจ้าแมวดำแล้วเดินจากไปอย่างช้าๆ
ตอนที่ 304 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (2)
เฉียวฉู่หยุดชะงัก มองดูจวินอู๋เสียไปเดินจากไป มือที่ยื่นออกไปของเขาก็ถูกหยุดค้างเอาไว้
เรื่องที่ไม่ให้ข้าเข้าไปนั้นข้าเข้าใจ แต่เจ้าเด็กน้อยเจ้าควรทิ้งแมวไว้ไม่ใช่หรือ! ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าเข้าห้องเจ้าไม่ได้แล้วจะไปจับแมวดำที่ไหนไปให้พี่ฮวาเล่า
เจ้าเด็กน้อยรอข้าก่อน!
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เฉียวฉู่ที่กำลังหลับอยู่ได้ยินเสียงแหลมๆ ดังขึ้นจนทำให้เขาตื่นจากการนอนหลับ หลังจากเปิดประตู เฉียวฉู่ก็เห็นเจ้าแมวดำยืนอยู่หน้าประตูของเขา เขาตกใจเป็นอย่างมาก
“เจ้านายของเจ้าให้เจ้ามาหรือ” เฉียวฉู่มองดูท้องฟ้าด้านนอก ฝั่งตะวันออกเริ่มมีแสงออกมาเล็กน้อยและประตูห้องของลูกศิษย์คนอื่นๆ ต่างปิดแน่นคิดว่าพวกเขาน่าจะนอนหลับอยู่
เจ้าแมวดำหรี่ตาลง ความโหดร้ายและความเย่อหยิ่งในเมื่อวานได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือเพียงความเย็นชาที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเยือกเย็นเท่านั้น
เฉียวฉู่มองเจ้าแมวดำและกำลังจะเอื้อมมือออกไปอุ้มมัน แต่เมื่อเขาสบตากับสายตาที่เย็นชาของเจ้าแมวดำแล้ว เขาก็เกิดภาพลวงตาในทันทีว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่เจ้าแมวดำแต่เป็นจวินอู๋เสีย
สายตานี้เหมือนมาก
เมื่อเขาสบตาคู่นั้น เฉียวฉู่ไม่กล้าแม้แต่จะอุ้มมันเพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าเขากำลังอุ้มเจ้าเด็กที่ชื่อจวินอู๋เสียอยู่
โชคดีที่เจ้าแมวดำไม่ได้ข่วนเฉียวฉู่เหมือนเมื่อวาน แต่มันกลับเดินไปยืนด้านข้างเฉียวฉู่ด้วยท่าทางที่สง่างาม ร่างกายที่คล่องแคล่วของมันกระโดดขึ้นไปด้านบนและใช้กรงเล็บอันแหลมคมของมันเกาะแขนเฉียวฉู่ไว้หลังจากนั้นร่างกายของมันก็ตกลงมาอยู่บนไหล่ของเฉียวฉู่อย่างสง่างาม
เจ้าแมวดำนั่งอยู่บนไหล่ของเฉียวฉู่อย่างเงียบๆ อุ้งเท้าหน้าสองข้างเหยียบอยู่บนผ้า ยกคางขึ้นเล็กน้อยและดวงตาของมันเย็นราวกับน้ำ
“ไม่น่าเชื่อจริงๆ เพราะเหตุใดทำไมข้าถึงรู้สึกว่านิสัยของเจ้ากับเจ้านายเจ้าถึงถอดแบบกันมาเลย” สายตาคู่นั้น ท่าทางแบบนั้นมันสำเนามาจากจวินอู๋เสียชัดๆ
เจ้าแมวดำเมื่อวานก็ไม่ได้เป็นเยี่ยงนี้
ก่อนที่ท้องฟ้าจะสว่างเฉียวฉู่รีบพาเจ้าแมวดำไปที่พักของฮวาเหยาด้วยความสงสัยทันที
ฮวาเหยาที่กำลังนอนหลับอยู่ ถูกปลุกด้วยเสียงที่ดังมาก เขาลุกขึ้นจากเตียงและจ้องไอ้สารเลวที่พังหน้าต่างเข้ามาด้วยสายตาเย็นชา
“พี่ฮวา” เฉียวฉู่ที่บุกเข้ามาในห้องพร้อมกับเจ้าแมวดำที่เย็นชาตบน้ำค้างบนตัวของเขา มันไม่ง่ายเลยที่จะมีชุดดีๆ แบบนี้เขาจึงรักและทะนุถนอมมันมาก
ฮวาเหยากุมหน้าผากเพราะรู้สึกถึงความเจ็บปวดในขมับของตัวเองและใช้ความอดทนทั้งหมดที่จะไม่วิ่งไปบีบคอเจ้าโง่นี้ให้ตาย
เขาเคาะประตูเหมือนคนปกติได้หรือไม่
ฮวาเหยาระงับความไม่พอใจในใจไว้ และดวงตาของเขาถูกร่างสีดำดึงดูด
ในขณะที่เฉียวฉู่พังหน้าต่างเข้ามา เจ้าแมวดำก็กระโดดลงมาจากไหล่ของเฉียวฉู่แล้วร่างกายที่คล่องแคล่วของมันก็ตกลงมาอยู่บนโต๊ะข้างๆ อย่างมั่นคงซึ่งก็ตรงข้ามกับฮวาเหยาที่นั่งอยู่บนเตียงพอดี
“นี่คือ” ฮวาเหยาขมวดคิ้วมองเจ้าแมวดำที่สงบและค่อนข้างแปลก
เฉียวฉู่นั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “น้องเสียให้ข้านำมาให้ท่าน นางให้ท่านพาเจ้าแมวตัวนี้ไปด้วยตอนที่ไปพบฉินเย่ว์ พี่ฮวา พี่ว่าน้องเสียให้พี่พาเจ้าแมวตัวนี้ไปเพื่ออะไร”
แม้แต่ฮวาเหยาก็ยังมึนงง คนที่ฉลาดอย่างเขาก็ไม่เข้าใจว่าจวินอู๋เสียคิดจะทำอะไร
ไม่มีคำพูดอื่นใดนอกจากให้เขาพาเจ้าแมวตัวนี้ไปด้วย
ในขณะที่ฮวาเหยาและเฉียวฉู่กำลังมึนงงอยู่ เจ้าแมวดำที่ยืนมองอยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมาว่า
“ฉินเย่ว์จะมาเมื่อไหร่”
เสียงเย็นชาที่คุ้นเคยราวกับสายฟ้าผ่าลงกลางศีรษะของเฉียวฉู่และฮวาเหยาจนทำให้ทั้งสองคนตกตะลึงจนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว