ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 305 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (3) ตอนที่ 306 ไม่ยอมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 305 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (3) ตอนที่ 306 ไม่ยอมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน (1)
ตอนที่ 305 แลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ (3)
เจ้าแมวดำตัวนี้พูดได้
ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นเสียงของจวินอู๋เสีย!
เฉียวฉู่มึนงงไปหมด ตกใจจนอ้าปากค้าง
สีหน้าของฮวาเหยาก็ไม่ได้ต่างกัน หน้าตาที่เปลี่ยนไปตามเคอฉังจวีตอนนี้กลับยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก
“น้องเสีย” เฉียวฉู่ตกใจเป็นเวลานานกว่าจะรู้สึกตัว เขากล่าวถามอย่างไม่แน่ใจ
“อืม” เจ้าแมวดำตัวน้อยตอบอย่างใจเย็น
เฉียวฉู่จะบ้าแล้ว
“พี่ฮวา หยิกข้าแรงๆ สิ ข้าจะดูว่าข้ากำลังฝันอยู่หรือไม่” เฉียวฉู่อยู่ในสภาพมึนงง
ฮวาเหยาไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เขาตบใบหน้าที่หล่อเหลาของเฉียวฉู่หนึ่งที
เพียะ!!!
“เจ็บหรือไม่” ฮวาเหยาถามด้วยเสียงเบาหลังตบไปฉาดหนึ่ง
เฉียวฉู่จับใบหน้าที่แดงก่ำของตัวเองและพูดด้วยน้ำเสียงที่กำลังจะร้องไห้ว่า “เจ็บ…”
เจ้าแมวดำ…ไม่ใช่ พูดให้ถูกคือจวินอู๋เสียผู้ที่ใช้ร่างของเจ้าแมวดำมองดูการกระทำของเฉียวฉู่และฮวาเหยาอย่างเงียบๆ ด้วยสายตาที่เงียบสงบ
ไม่มีใครรู้ว่าจิตวิญญาณของนางกับเสี่ยวเฮยสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ หลังจากที่จิตวิญญาณถูกผสานกันแล้ว นางสามารถแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณทั้งสองได้ แต่เรื่องแบบนี้ก็มีความเสี่ยงเพราะจิตวิญญาณของเจ้าแมวดำไม่เพียงพอที่จะรองรับร่างกายของจวินอู๋เสีย ดังนั้นตอนที่จวินอู๋เสียเปลี่ยนจิตวิญญาณของนางไปยังร่างของเจ้าแมวดำ ร่างกายที่แท้จริงของนางจะเป็นอันตรายอย่างมาก หากมีคนทำร้ายร่างกายของนางในช่วงเวลานี้ นางจะไม่สามารถต่อต้านได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นคือหลังจากแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณ จวินอู๋เสียไม่สามารถเปลี่ยนร่างของเจ้าแมวดำให้กลายเป็นสัตว์ร้ายสีดำได้
สามารถพูดได้ว่าการทำเรื่องแบบนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อนางและเจ้าแมวดำ
การจะแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณนั้นสภาพร่างกายของทั้งสองจะต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ตอนที่นางฟื้นขึ้นมาใหม่ ร่างกายของจวินอู๋เสียอ่อนแอมาก นางไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้ในขณะนั้น มิฉะนั้นจิตวิญญาณของเจ้าแมวดำที่ไม่สามารถรองรับร่างกายมนุษย์ได้จะตายไปพร้อมกับร่างกาย และจวินอู๋เสียก็จะถูกขังไว้ในร่างเล็กๆ ของเจ้าแมวดำไปตลอดชีวิต แม้แต่เปลี่ยนร่างก็ไม่สามารถทำได้
ครั้งนี้เหตุผลที่จวินอู๋เสียกล้าตัดสินใจทำแบบนี้ก็เพราะนางเชื่อมั่นและไว้ใจเฉียวฉู่ แม้ว่านางจะรู้จักเฉียวฉู่และฮวาเหยาได้ไม่นาน แต่จากการที่ได้รู้จักกันในช่วงนี้ นางรู้ว่าระหว่างร่วมงานกันสองคนนี้ไว้ใจได้ และนางก็ไม่คิดจะเล่าถึงอันตรายของการแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณให้พวกเขาฟัง ฉะนั้นพวกเขาไม่มีทางทำอันตรายต่อนางอย่างแน่นอน เพราะไม่มีประโยชน์อะไรที่พวกเขาจะมาทำร้ายนาง
ทุกสิ่งที่จวินอู๋เสียทำนั้นได้ผ่านการวางแผนอย่างละเอียดและการไตร่ตรองซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมั่นใจว่าจะไม่ผิดพลาดนางจึงจะลงมือทำ
แต่ความสงบของนางในตอนนี้ทำให้เฉียวฉู่และฮวาเหยาตกใจจนพูดไม่ออก
ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าแมวดำตัวนี้ไม่ใช่ภูติวิญญาณ เพราะแม้จะเป็นภูติวิญญาณที่เชื่อมโยงกับจิตวิญญาณของมนุษย์ก็ไม่มีใครสามารถแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณกับภูติวิญญาณได้
การกระทำของจวินอู๋เสียได้ทำลายโลกทัศน์ของเฉียวฉู่และฮวาเหยาอย่างสมบูรณ์
หลังจากความเงียบที่แปลกประหลาดได้ผ่านไป ฮวาเหยาเป็นคนแรกที่รู้สึกตัวขึ้นมา เขามองไปที่เจ้าแมวดำและพยายามพูดกับมันเหมือนว่ากำลังพูดกับจวินอู๋เสีย
“เจ้าจะฟังว่าฉินเย่ว์พูดอะไรหรือ” ฮวาเหยากล่าว
เจ้าแมวดำพยักหน้าเล็กน้อยอย่างสง่างาม
“ข้าต้องรู้ว่าความอดทนของฉินเย่ว์ที่มีต่อเคอฉังจวีนั้นมากน้อยเพียงใด” แผนมีการเปลี่ยนแปลง นางจะต้องใช้ร่างของเคอฉังจวีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
“ข้าเข้าใจแล้ว” ฮวาเหยาเข้าใจในทันที เคอฉังจวีและฉินเย่ว์พบกัน ไม่มีทางที่จะมีบุคคลที่สามร่วมด้วย แต่ถ้าเป็นแมวดำตัวหนึ่ง ไม่ว่าฉินเย่ว์จะระมัดระวังแค่ไหนเขาก็จะไม่สงสัย เพราะโลกนี้ไม่เคยมีการแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณระหว่างสัตว์กับมนุษย์มาก่อน
ตอนที่ 306 ไม่ยอมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน (1)
ในเวลารุ่งสาง เฉียวฉู่เดินจากไปเพื่อไปเฝ้าประตูห้องจวินอู๋เสีย
ฮวาเหยาและจวินอู๋เสียนั่งรอฉินเย่ว์อยู่ที่ยอดเขาเร้นเมฆา
เมื่อฉินเย่ว์ปรากฏตัวบนยอดเขาเร้นเมฆา ก็ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มที่มาใหม่กลุ่มนั้นเป็นอย่างมาก พวกเขาต่างมองฉินเย่ว์ด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก
เจ้าของสำนักชิงอวิ๋นที่แท้จริงที่เล่าลือกันว่าเป็นแพทย์ที่เก่งที่สุดในใต้หล้า!
เจ้าสำนักชิงอวิ๋นทุกรุ่นล้วนมีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ผู้ก่อตั้งสำนักชิงอวิ๋นคนแรกเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก หลังจากสำนักชิงอวิ๋นได้ก่อตั้งขึ้นก็มีการเกิดเจ้าสำนักขึ้นมาเป็นรุ่นๆ คนในโลกต่างเคยชินกับนำชื่อของแพทย์ที่เก่งที่สุดในโลกกับชื่อของเจ้าสำนักชิงอวิ๋นมาเชื่อมโยงกันเสมอ
แทบจะทุกวันที่มีผู้คนมาที่นี่เพื่อหวังให้ฉินเย่ว์รักษาโรคให้กับพวกเขาและนอกจากรักษาโรคแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผู้คนแห่กันมาก็คือโอสถวิเศษ
วิชาแพทย์และการหลอมโอสถแทบจะไม่เคยแบ่งแยกกัน ถ้าผู้ใดมีวิชาแพทย์ที่โดดเด่นก็จะมีโอสถวิเศษอยู่หนึ่งถึงสองอย่างที่ไม่มีผู้ใดเหมือน
ในสำนักชิงอวิ๋น วิชาแพทย์ของฉินเย่ว์สามารถทำให้ผู้คนที่กำลังจะตายมีชีวิตรอดต่อไปได้ สามารถรักษาบาดแผลบนร่างกายของพวกเขาได้ และโอสถวิเศษของสำนักชิงอวิ๋นก็เป็นที่ต้องการของผู้คนเช่นกัน เพราะไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่บาดเจ็บหรือป่วยหนักในอนาคต หากต้องเดินทางไกลมารับการรักษาที่สำนักชิงอวิ๋นทุกครั้ง ไม่ต้องพูดถึงว่าอาการบาดเจ็บว่าจะทนกับการเดินทางที่ยาวนานเยี่ยงนี้ได้หรือไม่ การกระแทกระหว่างทางก็สามารถทำให้ผู้บาดเจ็บอาการสาหัสจนเสียชีวิตระหว่างทางได้
ที่สำคัญคือในหนึ่งเดือนฉินเย่ว์จะรักษาแค่คนเดียวเท่านั้น ฉะนั้นได้หรือไม่ได้รับสิทธิ์ก็เป็นปัญหาแล้ว เว้นแต่ว่าเขาสามารถหาสิ่งของที่เจ้าสำนักชิงอวิ๋นชอบใจได้ ไม่เยี่ยงนั้นเขาก็ทำได้เพียงรอสิทธิ์สำหรับหนึ่งคนในเดือนนั้นเท่านั้น
เพื่อได้รับการรักษาจากฉินเย่ว์ มีชายที่แข็งแกร่งมากมายสมัครใจเป็นแขกพิเศษของสำนักชิงอวิ๋นและมีคนร่ำรวยจำนวนมากที่เสียเงินทองมากมายเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดี
ดังนั้นในสายตาของคนในใต้หล้านี้ สิ่งที่เจ้าสำนักชิงอวิ๋นมีนั้นมิใช่แค่วิชาแพทย์เท่านั้น
ฉะนั้นอย่าว่าแต่เป็นเจ้าสำนักชิงอวิ๋นเลย เพราะการที่ได้เป็นลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นก็สามารถทำให้ชายหนุ่มเหล่านี้ยิ้มอย่างมีความสุขแล้ว
ทุกคนต่างต้องการแสดงตนต่อหน้าฉินเย่ว์แต่เมื่อพวกเขานึกถึงใบหน้าที่เย็นชาของเคอฉังจวีแล้วพวกเขาก็เงียบทันที
ฉินเย่ว์เดินผ่านยอดเขาเร้นเมฆาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ความสูงส่ง ความใจดีและท่าทางที่สง่างามนั้นทำให้ผู้คนไม่กล้าเดินเข้าใกล้ได้สร้างความประทับใจที่ดีให้กับลูกศิษย์คนอื่นๆ มีบางคนถึงขึ้นแอบสาบานว่าจะเรียนรู้นิสัยของฉินเย่ว์ในอนาคต
หลังจากมาถึงที่พักของเคอฉังจวีภายใต้ความสนใจของทุกคน ทันทีที่เขาเดินเข้าประตู รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเย่ว์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย บนใบหน้าที่หล่อเหลานั้นไร้รอยยิ้มและกำลังขมวดคิ้วเพื่อแสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดีมาก
ฉินเย่ว์เดินอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง เขาคุ้นเคยกับทุกสิ่งในที่นี้และใช้เวลาไม่นานเขาก็มาถึงห้องหนังสือและพบกับเคอฉังจวีที่กำลังอ่านหนังสือโบราณอยู่
ฉินเย่ว์ปิดประตูห้องหนังสือทันที
ฮวาเหยาที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะค่อยๆ เงยศีรษะขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่แปลกบนใบหน้าอัปลักษณ์นั้น แมวดำตัวหนึ่งนอนอยู่บนโต๊ะของเขา มันหรี่ตาลงราวกับว่ากำลังหลับ
“เพราะเหตุใดเจ้าสำนักฉินจึงอารมณ์ไม่ดีเยี่ยงนี้” ฮวาเหยาเลียนแบบน้ำเสียงของเคอฉังจวี
ฉินเย่ว์ขมวดคิ้วเล็กน้อยและนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างเขา
“ข้าต้องการให้เจ้าหลอมยาพิษตัวหนึ่งให้ข้า ยาพิษที่ทำให้ทรมานจะเป็นจะตาย ยาพิษที่ทำให้ทรมานเป็นร้อยเท่าพันเท่า!” ใบหน้าของฉินเย่ว์เต็มไปด้วยความเกลียดชังและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม