ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 309 ไม่ยอมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน (4) ตอนที่ 310 ความหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่ว (1)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 309 ไม่ยอมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน (4) ตอนที่ 310 ความหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่ว (1)
ตอนที่ 309 ไม่ยอมอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน (4)
“ต้องอธิบายอย่างไร ทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับเจ้าสำนักฉินเอง” ฮวาเหยาไม่ฟังอะไรเลย เพราะเขาไม่ใช่ เคอฉังจวี เขาไม่สนว่าฉินเย่ว์จะโมโหหรือไม่ แม้ว่าจะทำให้ฉินเย่ว์อยากฆ่าเขาก็ไม่เป็นไร ขอแค่สามารถทำให้สำนักชิงอวิ๋นวุ่นวายได้ก็พอ
ฉินเย่ว์กัดฟันมองเคอฉังจวี เขาเงียบเป็นเวลานานกว่าเขาจะกล่าวออกมาว่า “ได้ ข้ารับปากเจ้า แต่เจ้าต้องรับปากข้าว่าจะไม่เลือกศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสทุกคน อีกเรื่องคือเจ้าต้องหลอมยาพิษที่แรงที่สุดออกมาให้ข้าโดยเร็วที่สุด ข้าไม่อยากรอแล้ว!” เพื่อล้างแค้นให้ลูกสาวและเพราะเขาถูกบังคับ ฉินเย่ว์จึงต้องรับปากคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลของเคอฉังจวี
แม้แต่ฉินเย่ว์จะรู้ดีว่าการตอบรับคำขอของเคอฉังจวีในครั้งนี้จะทำให้ผู้อาวุโสท่านอื่นไม่พอใจเพียงใด แต่เขามั่นใจมากว่าสำนักชิงอวิ๋นในปัจจุบันอยู่ในมือของเขาแล้ว แม้ว่าผู้อาวุโสท่านอื่นจะไม่พอใจเพียงใดก็จะไม่เกิดเรื่องใหญ่โตอะไร
ในไม่ช้าความคิดของฉินเย่ว์จะทำให้เขาต้องทนทุกข์กับผลที่ตามมา เขาคิดว่าเคอฉังจวีในปัจจุบันแม้จะบ้าระห่ำแต่ก็รู้ว่าอะไรทำได้และอะไรทำไม่ได้ แต่เขาไม่รู้ว่าเคอฉังจวีในปัจจุบันได้ถูกเปลี่ยนคนแล้วและสิ่งที่จวินอู๋เสียและฮวาเหยาต้องการคือทำให้ทั้งสำนักชิงอวิ๋นตกอยู่ในความโกลาหลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!
“เจ้าวางใจได้ ข้าจะทำให้เจ้าพึงพอใจอย่างแน่นอน” เป้าหมายสำเร็จแล้ว ฮวาเหยาจึงไม่พูดอะไรอีกแม้ว่าเขาจะรับปากแต่เขาก็กำลังเยาะเย้ยอยู่ในใจ
เกรงว่าฉินเย่ว์จะถูกฝังอยู่ที่สำนักชิงอวิ๋นนี้ก่อนที่เขาจะได้แก้แค้นสกุลจวินและราชวงศ์ของรัฐชี
ฉินเย่ว์ได้รับคำตอบที่พึงพอใจแล้วจึงลุกขึ้นเดินจากไป
เมื่อฉินเย่ว์เดินมาถึงหน้าประตูห้องหนังสือ ฮวาเหยาก็กล่าวขึ้นมาว่า “เจ้าต้องเก็บภาพนั้นไว้ให้ดี”
เสียงฝีเท้าของฉินเย่ว์หยุดชะงักเล็กน้อยและหลังของเขาก็แข็งขึ้นทันที หลังจากเงียบไปนาน ในที่สุดเขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำว่า “วางใจเถิด ข้าเก็บไว้อย่างดี”
ฉินเย่ว์ที่หันหลังให้กับฮวาเหยา ไม่รู้ว่าฮวาเหยาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะยิ้มออกมาเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำตอบของเขา
ฉินเย่ว์เดินจากไปแล้ว ในห้องเหลือเพียงฮวาเหยาและเจ้าแมวดำ
หลังจากเงียบเป็นเวลานาน ฮวาเหยาก็เท้าคางมองเจ้าแมวดำที่ฟังอย่างเงียบๆ แล้วกล่าวว่า “คนที่ฆ่าฉินอวี่เยียนและเจียงเฉินชิงเป็นญาติของเจ้า”
จวินอู๋เสียมองฮวาเหยาอย่างใจเย็น ด้วยสติปัญญาของฮวาเหยาแล้วมิใช่เรื่องยากที่เขาจะสามารถเดาเรื่องราวทั้งหมดได้
“ข้าเอง” นางตอบตรงๆ โดยไม่คิดจะปิดบัง
ฮวาเหยาตกตะลึงครู่หนึ่งจากนั้นก็หัวเราะออกมาทันที
“ไม่แปลกเลยที่เจ้าต้องการทำลายสำนักชิงอวิ๋น เจ้าคงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ ถ้าเจ้าปล่อยให้ฉินเย่ว์ลงมือก่อน พวกเจ้าก็คงไม่มีทางรอด ดังนั้นเจ้าจึงวางแผนที่จะทำลายสำนักชิงอวิ๋นก่อนใช่หรือไม่
“ใช่” จวินอู๋เสียพูดตรงๆ
ฮวาเหยามองเจ้าแมวดำผ่านดวงตาที่เย็นชาคู่นั้นเหมือนว่าเขาจะมองเห็นจิตวิญญาณที่ผอมบางนั้นในร่างกายเล็กๆ นี้
“รอให้เรื่องของสำนักชิงอวิ๋นสิ้นสุดลงแล้ว หากเจ้ามีเวลาก็กลับไปกับพวกข้าดีหรือไม่” อายุน้อยแค่นี้แต่กับมีความคิดแบบนี้ ช่างน่าทึ่งจริงๆ
“ข้าเคยรับปากแล้วมิใช่หรือ” ดวงตาของเจ้าแมวดำหรี่ลงเล็กน้อยแล้วกระโดดลงมาจากโต๊ะ
“ดูเหมือนว่าความอดทนของฉินเย่ว์ที่มีต่อเคอฉังจวีนั้นแทบไม่มีขีดจำกัด ตราบใดที่มันไม่ได้กระทบต่อตำแหน่งเจ้าสำนักของเขา พวกเราสามารถทำทุกอย่างที่เราต้องการได้ในยอดเขาอื่นๆ อย่าเสียโอกาส” จวินอู๋เสียทิ้งประโยคนี้ไว้ก่อนจากไป นางใช้ความกระฉับกระเฉงของร่างเจ้าแมวดำวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ฮวาเหยามองเจ้าแมวดำวิ่งออกไป รอยยิ้มที่หายากก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา ถ้าเป็นนางอาจจะหลอมยานั้นออกมาได้จริงๆ
ตอนที่ 310 ความหวาดกลัวที่แพร่กระจายไปทั่ว (1)
การเสียชีวิตของฉินอวี่เยียนทำให้ฉินเย่ว์โกรธมาก เขาแทบรอไม่ไหวที่จะแก้แค้นสกุลจวินและรัฐชี แม้แต่ในความฝันของเขา เขาก็ต้องการให้ฆาตกรที่ฆ่าลูกสาวของเขาตายแล้วไม่มีที่ฝัง
แต่ฉินเย่ว์ไม่รู้ว่าตอนนี้จวินอู๋เสียคนที่ฆ่าฉินอวี่เยียนอยู่ในสำนักชิงอวิ๋นแล้ว และได้ยินความเกลียดชังและการแก้แค้นของเขาทั้งหมด
ฉินเย่ว์ต้องการทำลายสกุลจวิน แล้วทำไมจวินอู๋เสียจะไม่ต้องการส่งสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดไปลงนรก
คนหนึ่งอยู่ในที่แจ้งแต่อีกคนอยู่ในที่ลับ เกมระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ได้เริ่มต้นขึ้น
ความแข็งแกร่งของสำนักชิงอวิ๋นทำให้จวินอู๋เสียไม่กล้าทำผิดพลาดแม้แต่เล็กน้อย หากไม่สามารถทำลายสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดได้ ความหายนะก็จะมาถึงสกุลจวิน
หลังจากกลับมาถึงที่พัก เจ้าแมวดำก็เดินเข้าไปในห้องภายใต้สายตาที่แปลกๆ ของเฉียวฉู่แล้วแลกเปลี่ยนจิตวิญญาณอย่างเงียบๆ
จวินอู๋เสียที่ได้รับจิตวิญญาณกลับมาแล้วค่อยๆ ลุกขึ้น ดวงตาที่เย็นชาของนางไม่มีอารมณ์ใดๆ เจ้าแมวดำนอนอยู่บนเข่าของนางด้วยท่าทางเหนื่อยล้า การที่จิตวิญญาณของสัตว์ร้ายที่เปลี่ยนร่างได้อาศัยอยู่ในร่างกายของจวินอู๋เสียมันได้ใช้พลังงานของมันอย่างมาก
จวินอู๋เสียมองแสงแดดที่ส่องเข้ามาในห้องจากทางหน้าต่าง พระอาทิตย์กำลังขึ้นเหมือนกับแผนการของนางที่ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ฮวาเหยาได้รับการอนุมัติจากฉินเย่ว์แล้ว สำนักชิงอวิ๋นกำลังจะเกิดความโกลาหลขึ้น และภายใต้ความโกลาหลนี้นางก็แค่ค่อยๆ ผลักดันสำนักชิงอวิ๋นให้เข้าสู่ความพินาศทีละนิด!
ในตอนบ่ายของวันเดียวกัน ฮวาเหยาผู้สวมรอยเป็นเคอฉังจวีได้พาจวินอู๋เสียและเจ้าโง่เฉียวฉู่ ‘ลูกศิษย์’ ของยอดเขาเร้นเมฆามาเยี่ยมชมยอดเขาเมฆาเขียวที่อยู่ใกล้ยอดเขาเร้นเมฆามากที่สุด
ยอดเขาเมฆาเขียวอยู่ในความดูแลของเจียงเฉินชิง หลังจากที่เจียงเฉินชิงได้จากไป เรื่องเล็กและใหญ่ของยอดเขาเมฆาเขียวจึงตกมาอยู่ในความดูแลของเกาชงลูกศิษย์คนโตของเขา ในวันที่ข่าวการเสียชีวิตของฉินอวี่เยียนมาถึง ข่าวการเสียชีวิตของเจียงเฉินชิงก็ได้แพร่กระจายไปถึงยอดเขาเมฆาเขียว ในขณะนี้ยอดเขาเมฆาเขียวเต็มไปด้วยความเศร้าโศกและศิษย์สายตรงทั้งสามคนของเจียงเฉินชิงก็ได้สวมชุดขาวเพื่อไว้อาลัยให้กับเจียงเฉินชิงที่ไม่พบแม้แต่ศพ
เมื่อทั้งสามคนปรากฏตัวที่ยอดเขาเมฆาเขียว เกาชงก็กำลังพูดอะไรบางอย่างกับเหล่าลูกศิษย์ในยอดเขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ทันทีที่เขาเห็น ‘เคอฉังจวี’ เขาก็รีบเอามือเช็ดหน้าแล้ววิ่งมาต้อนรับทันที
“ผู้อาวุโสเคอ”
ฮวาเหยาเหลือบมองเกาชงแล้วกล่าวว่า “ข้าได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนักให้มาที่ยอดเขาเมฆาเขียวเพื่อเลือกลูกศิษย์สองสามคนไปช่วยงานข้าที่ยอดเขาเร้นเมฆา”
เกาชงหยุดชะงักไป ยอดเขาเร้นเมฆาเป็นสถานที่อย่างไร
นั่นเป็นสถานที่ที่ลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นทุกคนพยายามอยู่ให้ห่างมากที่สุด อย่าว่าแต่คนที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆาเลย เพราะแม้แต่ลูกศิษย์ของเคอฉังจวีเองก็มักจะหายไปโดยไม่มีเหตุผล สำหรับสาเหตุของการหายตัวไปนั้นทุกคนต่างรู้ดี
ตอนนี้ผู้อาวุโสเคอมาเลือกลูกศิษย์ถึงที่ยอดเขาเมฆาเขียว เหตุการณ์นี้ทำให้เกาชงหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เกรงว่าการช่วยงานนี้คือการนำชีวิตไปทิ้งชัดๆ
“ผู้อาวุโสเคอ ผู้อาวุโสของข้าเพิ่งถูกฆ่า ท่านว่า…” เกาชงกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบ เหงื่อก็ไหลลงมาเรื่อยๆ ตอนที่เจียงเฉินชิงยังอยู่ เขาไม่มีอะไรต้องกลัว แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับเคอฉังจวีก็ยังมีเจียงเฉินชิงคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แต่ตอนนี้เจียงเฉินชิงเพิ่งจะเสียชีวิต เคอฉังจวีก็มาเลือกคนถึงที่ นี่คือการกลั่นแกล้งยอดเขาเร้นเมฆาของพวกเขาที่ไม่มีผู้อาวุโสดูแลใช่หรือไม่
แม้ว่าเกาชงจะโมโหแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขาทำได้เพียงแค่มองเคอฉังจวีด้วยสีหน้าลำบากใจ
“ก็เพราะว่าผู้อาวุโสของพวกเข้าได้จากไปแล้ว ข้าซึ่งเป็นผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นก็รู้สึกสงสารจึงอยากจะดูแลลูกศิษย์แทนผู้อาวุโสของพวกเจ้า เกาชงเจ้าอย่าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ข้าแค่มาเลือกลูกศิษย์ไม่กี่คน เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าไม่เลือกเจ้ากับศิษย์น้องทั้งสองของเจ้าอย่างแน่นอน เพราะข้าจะต้องเก็บลูกศิษย์ที่สามารถสืบทอดไว้ให้ผู้อาวุโสเจียงด้วย” ฮวาเหยาตั้งใจกล่าวอย่างไร้เหตุผล