ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 317 ลูกแกะที่โหดเหี้ยม (1) ตอนที่ 318 ลูกแกะที่โหดเหี้ยม (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 317 ลูกแกะที่โหดเหี้ยม (1) ตอนที่ 318 ลูกแกะที่โหดเหี้ยม (2)
ตอนที่ 317 ลูกแกะที่โหดเหี้ยม (1)
ภายในยอดเขาเร้นเมฆา เฉียวฉู่จนใจเมื่อเขามองลูกศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆาที่สลบจนหมดสติอยู่ด้านข้าง
“ข้ารู้สึกว่าถ้ามู่เฉินเห็นภาพนี้ความคิดแรกของเขาคือฆ่าพวกเราไม่ใช่… นั่งลงแล้วพูดคุยกับเรา” ตอนแรกเฉียวฉู่คิดว่าจวินอู๋เสียมีวิธีอะไรดีๆ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นวิธีแบบนี้
ให้เขาจับตัวลูกศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆามาหนึ่งคนทำให้สลบแล้วแบกกลับมา นี่มันวิธีอะไร
นี่คืออยากร่วมมือกับมู่เฉินจริงๆ ไม่ใช่เพิ่มความเกลียดชังให้ลึกซึ้งขึ้นหรือ
“วางใจเถิด มีลูกศิษย์ของเขาอยู่ในมือเรา เขาไม่กล้าทำอะไร” จวินอู๋เสียนั่งดื่มชาอยู่ข้างๆ
เฉียวฉู่อยากร้องไห้ ทำไมมันถึงดูเหมือนเป็นการลักพาตัว ดูท่าท่างคุ้นชินของน้องเสียแล้วหรือว่าจะทำเรื่องแบบนี้บ่อย…
“ใช่เขาไม่กล้าทำ แต่เขาจะร่วมมือกับเราหรือ” ยังไม่ทันร่วมมือกัน เราก็ลักพาตัวลูกศิษย์ของเขามาแล้ว แม้ว่าจุดประสงค์เพื่อหลอกล่อมู่เฉินมา แต่วิธีนี้รุนแรงเกินไปหรือเปล่า
“ร่วมมือแน่นอน ขอแค่เป้าหมายของเราเหมือนกัน” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างใจเย็น
ไม่นานก็มีเสียงร้องตกใจดังมาจากด้านนอก และในวินาทีต่อมา ประตูที่ปิดแน่นไว้ก็ถูกถีบออก มู่เฉินที่เต็มไปด้วยความโมโหจ้องไปที่ ‘เคอฉังจวี’ ที่อยู่ในห้อง ดวงตาของเขากวาดมองไปยังลูกศิษย์ที่สลบอยู่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว เขาโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแค่สลบแต่ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่นใด
“เคอฉังจวี แท้จริงแล้วเจ้าต้องการจะทำอะไร! ปล่อยลูกศิษย์ของข้าเดี๋ยวนี้!” มู่เฉินตะโกนออกมา ภูติวิญญาณกลายเป็นดาบคมกริบที่ถูกเขาจับไว้ในมือ
แต่มู่เฉินไม่คิดว่า ‘เคอฉังจวี’ ยังไม่ทันเอ่ย เด็กหนุ่มที่เขาเลือกให้เป็นลูกศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆาเป็นคนแรกจะเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ผู้อาวุโสมู่ ตอนนี้ลูกศิษย์ของท่านอยู่ในมือของพวกข้า ถ้าท่านไม่อยากให้เขาเกิดเรื่อง ท่านควรทำตามที่พวกข้าพูด” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้น ดวงตาที่เย็นชาของเขายังแฝงไปด้วยความข่มขู่
เฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้างสำลักน้ำทันที แม้แต่คำพูดที่เขาพูดก็เหมือนกับโจรลักพาตัว
มู่เฉินมองจวินอู๋เสียด้วยความโกรธและแปลกใจ เขาโกรธที่วันนี้เขาถูกคนอื่นควบคุม แต่เขาก็รู้สึกแปลกใจกับการเปลี่ยนแปลงของจวินอู๋เสีย
ครั้งแรกที่เห็นเด็กหนุ่มคนนี้ มู่เฉินก็ชื่นชมทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของจวินอู๋เสียและเขาก็ทนไม่ไหวที่จะให้เขาเป็นลูกศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆา แต่ฟ้าไม่เป็นใจ สุดท้ายเด็กหนุ่มคนนี้ก็ถูกเคอฉังจวีแย่งไป
ในช่วงสองสามวันแรก มู่เฉินยังเป็นห่วงจวินอู๋เสียกลัวว่าเจ้าเด็กที่มีพรสวรรค์คนนี้จะจบชีวิตในมือของเคอฉังจวี แต่หลังจากนั้นไม่นาน เคอฉังจวีก็พาจวินอู๋เสียและเด็กอีกคนหนึ่งเดินเข้าออกแต่ละยอดเขาอยู่บ่อยครั้ง มู่เฉินจึงรู้ว่าความกังวลของเขานั้นไม่จำเป็นเลย แม้ว่าเคอฉังจวีจะโหดร้าย แต่ทักษะทางการแพทย์ของเด็กหนุ่มคนนี้นั้นหายากมาก คิดว่าแม้แต่เคอฉังจวีก็คงไม่ทำลายลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์เยี่ยงนี้
แต่มู่เฉินไม่คิดว่า จวินอู๋เสียไม่เพียงแต่จะกลายเป็นลูกศิษย์ของเคอฉังจวีแต่ยังได้รับความไว้วางใจจาก เคอฉังจวีและในช่วงนี้เขายังเริ่มเรียนรู้วิธีการข่มขู่เหมือนเคอฉังจวีด้วย
มู่เฉินรู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เด็กหนุ่มที่ควรจะหมกมุ่นอยู่กับทักษะทางการแพทย์กลับถูกเคอฉังจวีทำให้เป็นแบบนี้ เขารู้สึกเกลียดเคอฉังจวีมากขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกเสียใจกับ ‘การเปลี่ยนแปลง’ของจวินอู๋เสีย
“จวินเสีย เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนที่เจ้ากำลังตามอยู่เป็นคนเช่นไร เคอฉังจวีเขาเป็นผีชั่ว! สำนักชิงอวิ๋นมีกี่คนที่ตายในมือของเขา เจ้าอย่าหมกมุ่นอยู่กับเขาอีกต่อไปเลย เจ้ายังเด็กและหนทางยังอีกยาวไกลนัก!” เพราะความประทับใจแรกที่มีต่อเด็กหนุ่มนั้นดีมากและความรู้สึกผิดที่เขาไม่สามารถ ‘ช่วยเขาให้พ้นจากกองไฟ’ ในวันนั้น มู่เฉินจึงอดไม่ได้ที่จะพูด
…………
ตอนที่ 318 ลูกแกะที่โหดเหี้ยม (2)
เฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้างรู้สึกอัดอั้นตันใจจนแทบทนไม่ไหว
มู่เฉินคนนี้คิดว่าจวินอู๋เสียเป็นลูกแกะที่หลงทางเข้ามาแล้วถูกหลอกหรือ พี่ชาย ตื่นได้แล้ว ลูกแกะตัวนี้โหดเหี้ยมมาก
จวินอู๋เสียไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมที่ไม่ยอมหยุดของมู่เฉิน นางส่งสายตาไปให้เฉียวฉู่ที่กำลังอัดอั้นตันใจอยู่ เฉียวฉู่หยิบมีดสั้นออกมาจากเอวทันทีแล้ววางลงบนคอของชายหนุ่มที่สลบอยู่
“ปิดประตูก่อน” จวินอู๋เสียหรี่ตามองมู่เฉินแล้วเอ่ยสั่ง
มู่เฉินหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองไปที่จวินอู๋เสียอย่างเหลือเชื่อ อดกลั้นเป็นเวลานานจึงจะปิดประตู
“นั่งลง” จวินอู๋เสียกล่าว
มู่เฉินนั่งลงด้วยใบหน้าเย็นชาและมองฮวาเหยาที่ไม่พูดจาอย่างโกรธเคือง เพราะเขาคิดว่าทุกสิ่งที่ จวินอู๋เสียทำนั้นเป็นคำสั่งจาก ‘เคอฉังจวี’
“เคอฉังจวี ปล่อยลูกศิษย์ของข้าไป เจ้ามีอะไรให้มาหาข้า”
“…” ฮวาเหยารู้สึกว่าเขาเป็นแพะรับบาป โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไรเลย
“มู่เฉิน เจ้าเกลียดฉินเย่ว์หรือไม่” จวินอู๋เสียกล่าวถามทันที
ดวงตาของมู่เฉินเยือกเย็นทันที เขาเม้มริมฝีปากไม่พูด
“ถ้าตอนนี้มีโอกาสให้เจ้าล้างแค้นเพื่อท่านพ่อของเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร” จวินอู๋เสียกล่าวต่อ
สีหน้าของมู่เฉินสับสนมาก เขาไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจวินอู๋เสียจึงพูดกับเขาแบบนี้ นี่เป็นคำสั่งของ ‘เคอฉังจวี’ ด้วยหรือ ’เคอฉังจวี’ ต้องการทำอะไรกันแน่
“เคอฉังจวีเจ้ามีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ อย่าพูดวกไปวกมา! ” มู่เฉินกล่าวด้วยความโมโห
“…” ฮวาเหยาหลบสายตาทันที ไม่มองมู่เฉินอีก
ทั้งๆ ที่จวินอู๋เสียเป็นคนพูด แต่เขากลับกลายเป็นแพะรับบาปแทน
“เคอฉังจวี” มู่เฉินยืนขึ้นด้วยความโมโห “ข้ารู้ว่าฉินเย่ว์ต้องการกำจัดข้ามานานแล้ว ในวันนั้นเจ้าช่วยเขาฆ่าท่านพ่อของข้า ถ้าวันนี้เจ้าต้องการลงมือกับข้าโดยใช้ชื่อของฉินเย่ว์ เจ้าก็ลงมือเลย แต่เรื่องทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวกับลูกศิษย์ของข้า ปล่อยเขาไป”
ฮวาเหยาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วมองมู่เฉินที่กำลังโมโหอยู่ไม่แม้แต่จะปิดบังน้ำเสียงที่แท้จริงของเขา แล้วกล่าวออกมาโดยตรงว่า “เจ้าโง่ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ”
“อะไรน่ะ” มู่เฉินตกตะลึง น้ำเสียงของ ‘เคอฉังจวี’ แตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิง น้ำเสียงสดชื่นและสบายหู ไม่เหมือนกับน้ำเสียงที่ชายวัยกลางคนควรมีแต่เหมือนน้ำเสียงของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยพลัง
“คนที่ให้เจ้ามาในวันนี้ ไม่ใช่ข้าและไม่ใช่ฉินเย่ว์ แต่เป็นเจ้าเด็กคนนี้” ฮวาเหยายกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่ จวินอู๋เสีย
จวินอู๋เสียผู้ถูกชี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้าด้วยท่าทางสบายๆ
มู่เฉินหยุดชะงักทันที เขามองจวินอู๋เสียด้วยแววตาที่สับสน เพราะเขาไม่สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าเขากับเด็กหนุ่มคนนี้ที่เข้ามาสำนักชิงอวิ๋นได้เพียงหนึ่งเดือน
เป็นเขาที่ลักพาตัวลูกศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆาหรือ
เป็นเขาที่บังคับตัวเองให้มาที่ยอดเขาเร้นเมฆาหรือ
เพราะเหตุใดกัน
มู่เฉินไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจวินอู๋เสียถึงทำเช่นนี้ เขาและจวินอู๋เสียเคยพบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเพราะเหตุใดจวินอู๋เสียจึงทำเรื่องทั้งหมดนี้
แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจที่สุดคือ… ‘เคอฉังจวี’ นิสัยดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ปล่อยให้ลูกศิษย์ทำแบบนี้ต่อหน้าเขา
“เพราะเหตุใด” มู่เฉินก็ยังคงไม่สามารถยอมรับเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้
“ข้าต้องการให้สำนักชิงอวิ๋นหายไปจากโลกนี้” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ดวงตาของมู่เฉินเบิกกว้าง จ้องไปที่จวินอู๋เสียอย่างเหลือเชื่อ เขาสงสัยว่าเขามีอาการประสาทหลอนทางการได้ยินหรือไม่
เขาต้องการให้สำนักชิงอวิ๋นหายไปจากโลกนี้
……………..