ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 331 ตบหน้าครั้งที่หก (3) ตอนที่ 332 ตบหน้าครั้งที่หก (4)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 331 ตบหน้าครั้งที่หก (3) ตอนที่ 332 ตบหน้าครั้งที่หก (4)
ตอนที่ 331 ตบหน้าครั้งที่หก (3)
จวินอู๋เสียหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “วางใจเถิด คนของสำนักชิงอวิ๋นจะไม่ตายทั้งหมดและพวกข้าก็ไม่คิดจะไปจากที่นี่”
ฉินเย่ว์จ้องไปที่จวินอู๋เสีย เขาไม่เคยคิดว่าเด็กน้อยที่ดูธรรมดาคนนี้จะพูดคำจองหองแบบนี้ออกมาได้
คนของสำนักชิงอวิ๋นจะไม่ตายทั้งหมดและพวกเขาก็ไม่คิดจะไปจากที่นี่
นั่นหมายความว่าพวกเขาจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดหรือ
“ช่างอวดเก่งจริงๆ อยากทำลายสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมด เจ้าก็ไม่ดูว่าเจ้ามีความสามารถแบบนั้นหรือไม่” ฉินเย่ว์เยาะเย้ย
ผู้อาวุโสทุกคนต่างยืนขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของจวินอู๋เสีย ไม่ว่าภายในสำนักชิงอวิ๋นจะวุ่นวายแค่ไหนพวกเขาก็รู้ว่าต้องทำอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู
“เจ้าเด็กน้อย เจ้าระวังคำพูดของเจ้าด้วย พวกเจ้าสามคนต้องการทำลายสำนักชิงอวิ๋นหรือ ช่างน่าตลกจริงๆ ” ไช่จัวมองพวกเขาทั้งสามคนอย่างดูถูก หลังจากตอนแรกที่ตกใจตอนนี้เขากลับมาสงบเหมือนเดิมแล้ว
ในสายตาของผู้อาวุโสทุกคน การที่เจ้าเด็กคนนี้สามารถฆ่าเคอฉังจวีได้นั้นหมายความว่าเขามีความสามารถบางอย่างจริงๆ แต่พวกเขากลับกล้าปั่นหัวคนของสำนักชิงอวิ๋นเล่น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผู้อาวุโสที่หยิ่งผยองอย่างพวกเขาสามารถทนได้
“ตลกหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าพูดได้” จวินอู๋เสียเล่าวออกมาเบาๆ
“โอ้ ถ้าเยี่ยงนั้นข้าก็จะรอดูว่าพวกเจ้าเก่งกาจเพียงใดถึงกล้าพูดเยี่ยงนี้!” ความหงุดหงิดของฉินเย่ว์ในช่วงนี้ได้ปะทุขึ้นในทันที หากไม่ใช่เพราะเจ้าเด็กสามคนนี้ สำนักชิงอวิ๋นจะวุ่นวายแบบนี้ได้อย่างไรและเขาจะต้องประสบกับภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจากการโดนกล่าวหาของผู้อาวุโสทุกคนได้อย่างไร
ฉินเย่ว์ตะคอกเสียงดังออกมา และในไม่ช้าลูกศิษย์ของยอดเขาเมฆาครามที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็รีบเข้ามาในห้องโถงใหญ่ทันที ผู้คนหลายร้อยคนล้อมรอบจวินอู๋เสีย เฉียวฉู่และฮวาเหยาไว้
“แม้ว่าพวกเจ้าจะมีสามเศียรหกกรก็อย่าคิดว่าจะหนีไปได้” ฉินเย่ว์กล่าวด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม
จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นกวาดตามองลูกศิษย์ของยอดเขาเมฆาครามหนึ่งรอบ รอยยิ้มที่มุมปากของนางกว้างมากขึ้น
“หนี ทำไมพวกข้าต้องหนี”
“ลูกศิษย์ทุกคนฟังคำสั่ง จับเจ้าสามคนนี้เดี๋ยวนี้” ฉินเย่ว์สั่ง
ทันใดนั้น ลูกศิษย์ของยอดเขาเมฆาครามทั้งหมดก็พุ่งเข้าไปหาทั้งสามคนที่ถูกล้อมรอบไว้
แต่ทันทีที่พวกเขาพุ่งเข้าไป ลำแสงสองกลุ่มก็ระเบิดในฝูงชน
ทันใดนั้น งูสองหัวขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชน งูสองหัวนั้นเหลือเพียงโครงกระดูกสีขาว ดวงตาสีแดงเลือดสองคู่บนหัวงูทั้งสองทำให้ผู้ที่พบเห็นขนหัวลุกในทันที หัวของพวกมันมีขนาดเท่ากับหัวคน! งูกระดูกสองหัวกระดิกหางไปมาในฝูงชนและทุกทีที่งูผ่านก็เหมือนดาบแหลมคมเปิดทาง ชิ้นส่วนของเนื้อและเลือดบินไปมา
แต่อีกด้านหนึ่ง หมีตัวใหญ่ส่งเสียงคำราม ขนสีดำและขาวของมันดูสะดุดตาอย่างยิ่ง มันตัวสูงประมาณสองเมตร มันตบลูกศิษย์ของยอดเขาเมฆาครามจนกลายเป็นเนื้อเละด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง
การปรากฏตัวของวงแหวนภูติวิญญาณในประเภทสัตว์ร้ายขนาดยักษ์สองตัวทำให้เกิดเสียงคร่ำครวญไปทั่วห้องโถงใหญ่ ลูกศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นรีบเรียกวงแหวนภูติวิญญาณของตัวเองออกมา แต่ช่างน่าเสียดายที่ไม่ว่าขนาดหรือพลังโจมตีของวงแหวนภูติวิญญาณของพวกเขาแตกต่างกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่สองตัวนั้นอย่างมาก
ฉินเย่ว์จ้องมองไปที่วงแหวนภูติวิญญาณขนาดยักษ์สองตัวที่กำลังกวาดล้างไปทั่วห้องโถงใหญ่อย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าเขาจะเคยพบเจออะไรมามากแต่เขาก็ไม่เคยพบเห็นวงแหวนภูติวิญญาณสองประเภทนี้มาก่อน วงแหวนภูติวิญญาณสองตัวนี้มีความแข็งแกร่งของมากกว่าวงแหวนภูติวิญญาณของผู้แข็งแกร่งที่ดูแลเทือกเขาเมฆาเสียอีก
“เร็ว ไปเชิญผู้แข็งแกร่งบนภูเขามาโดยเร็ว” ฉินเย่ว์ตะโกนออกมา เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าเด็กสามคนนี้ที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนจะมีวงแหวนภูติวิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ลูกศิษย์ที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ยังไม่เพียงพอให้พวกมันฆ่าเลย
………..
ตอนที่ 332 ตบหน้าครั้งที่หก (4)
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างตกใจกับเหตุการณ์นองเลือดนี้ ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของฉินเย่ว์เขาก็รู้สึกตัวทันทีแล้วต้องการหนีออกไปเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างตื่นตกใจ
แต่ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากประตูห้องโถงใหญ่ เงาสีดำขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าชนเขาทันที
สัตว์ร้ายสีดำขนาดใหญ่ใช้ร่างกายของมันขวางทางเข้าประตูห้องโถงไว้ หัวของมันก้มต่ำลง มันอ้าปากที่เปื้อนเลือดของมันออกแสดงให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมของมัน! ทันทีที่ผู้อาวุโสที่ถูกชนจนเกือบสลบเห็นสัตว์ร้ายสีดำที่ขวางประตูไว้ก็ตกใจจนแขนขาอ่อนแรงในทันที
เลือดกระเซ็นไปทั่วห้องโถง ลูกศิษย์ของยอดเขาเมฆาครามค่อยๆ ล้มลงไปทีละคน ภายใต้การล้อมรอบของวงแหวนภูติวิญญาณขนาดใหญ่สองตัว เสื้อผ้าของจวินอู๋เสีย เฉียวฉู่และฮวาเหยาที่ยืนอยู่ตรงกลางกลับไม่มีแม้แต่คราบเลือด
จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่ตรงกลางเงยหน้ามองฉินเย่ว์ที่มีสีหน้าขาวซีด นางยกนิ้วโป้งขึ้นแล้วทำท่าปาดคอตัวเองเบาๆ
ฉินเย่ว์ตกใจกลัวและรู้สึกเยือกเย็นไปทั้งตัว
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรให้เทพสังหารกลุ่มนี้ไม่พอใจ ทั้งๆ ที่พวกเขาทั้งสามคนอายุยังน้อยแต่วงแหวนภูติวิญญาณของทั้งสามคนกลับแข็งแกร่งเยี่ยงนี้
แม้แต่ฉินเย่ว์ที่มีพลังวิญญาณสูงก็ไม่กล้าเข้าไปต่อสู้
เพราะแค่เขาใช้สายตาดูเขาก็รู้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะสู้อย่างสุดกำลังเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของวงแหวนภูติวิญญาณสามตัวนั้น
เป็นครั้งแรกในชีวิตของฉินเย่ว์ที่เขารู้สึกหวาดกลัว เขารู้สึกเหมือนมีเงาแห่งความตายอยู่บนศีรษะของเขา
จนลูกศิษย์ทั้งหมดในห้องโถงใหญ่ถูกฆ่า พื้นหินในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยเลือด ลูกศิษย์ของยอดเขาเมฆาครามนอนเสียชีวิตกลาดเกลื่อนไปทั่วห้อง พื้นที่สะอาดเพียงที่เดียวในห้องโถงใหญ่คือพื้นที่อยู่ใต้เท้าจวินอู๋เสีย เฉียวฉู่และฮวาเหยา
การต่อสู้ที่รุนแรงครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อทั้งสามคนเลย
ฉินเย่ว์และเหล่าผู้อาวุโสต่างหวาดกลัวจนแขนขาอ่อนแรง คนที่ได้รับการเอาอกเอาใจและชื่นชมจากโลกมาโดยตลอดอย่างพวกเขาไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งพวกเขาจะรู้สึกตกใจกลัวเพราะเด็กสามคนนี้
ความเย่อหยิ่งและศักดิ์ศรีทุกอย่างถูกความแข็งแกร่งบดขยี้จนกลายเป็นผง พวกเขาไม่สามารถเย่อหยิ่งและจองหองได้อีก พวกเขาทำได้เพียงตัวสั่นและขดตัวอยู่ที่มุมห้องแล้วภาวนาให้เจ้าเด็กสามคนนี้ที่ปีนขึ้นมาจากนรกหายตัวไปเสียที
“ตอนนี้ ใครกันแน่อยากจะหนี” จวินอู๋เสียยิ้มแล้วมองฉินเย่ว์และผู้อาวุโสทุกคนที่ยืนเบียดกันอยู่ข้างบน
มีผู้อาวุโสเพียงคนเดียวในห้องโถงใหญ่ที่ยืนอย่างสงบอยู่ที่เดิม ทันทีที่เขาสบตากับจวินอู๋เสีย เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปทางจวินอู๋เสียทันที
“มู่เฉินจะทำอะไร” ไช่จัวขาสั่นแล้วมองมู่เฉินที่เดินไปทางจวินอู๋เสีย
ฉินเย่ว์หรี่ตาลงและจ้องมู่เฉินตลอดเวลา
“เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิด เป็นเกียรติของข้าที่ได้ร่วมมือกับเจ้า” มู่เฉินเดินเหยียบพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด ไปหาจวินอู๋เสีย นี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่ใบหน้างดงามของเขาแสดงรอยยิ้มจากใจออกมา
“ยังไม่จบ” จวินอู๋เสียแสดงรอยยิ้มออกมา
ฉินเย่ว์มองมู่เฉินอย่างเหลือเชื่อ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน หัวใจของเขาเต้นแรงเหมือนแทบจะทะลุออกมา
“มู่เฉิน เจ้าสมรู้ร่วมคิดกับพวกเขาทำลายสำนักชิงอวิ๋น! เจ้าเป็นผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นเจ้าทำแบบนี้ได้อย่างไร” ฉินเย่ว์เคยคิดว่าใครจะทรยศต่อสำนักชิงอวิ๋นแต่เขาไม่เคยคิดถึงมู่เฉินเลย
บิดาของมู่เฉินเป็นเจ้าสำนักคนก่อนของสำนักชิงอวิ๋น มู่เฉินจึงเติบโตในสำนักชิงอวิ๋นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ฉะนั้นความรักที่เขามีต่อสำนักชิงอวิ๋นนั้นไม่มีใครสามารถเทียบได้
…………..