ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 333 ตบหน้าครั้งที่หก (5) ตอนที่ 334 ตบหน้าครั้งที่หก (6)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 333 ตบหน้าครั้งที่หก (5) ตอนที่ 334 ตบหน้าครั้งที่หก (6)
ตอนที่ 333 ตบหน้าครั้งที่หก (5)
แต่คนที่เต็มใจอุทิศทั้งชีวิตของเขาให้กับสำนักชิงอวิ๋น กลับร่วมมือกับบุคคลภายนอกเพื่อส่งสำนักชิงอวิ๋นไปสู่เส้นทางแห่งการทำลายล้าง!
นี่แทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!
เมื่อเผชิญหน้ากับเสียงกรีดร้องของฉินเย่ว์ มู่เฉินก็หันศีรษะไปอีกทางอย่างสงบ เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจว่า “สถานที่นี้ไม่ใช่สำนักชิงอวิ๋นที่ข้าคุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว หากว่าต้องให้สำนักชิงอวิ๋นดำรงต่อไปด้วยสภาพเช่นนี้ ข้าก็ยินดีเห็นมันหายไปจากโลกใบนี้มากกว่า”
หากความดีงามถูกแทนที่ด้วยความอัปลักษณ์โสมม ไม่สู้ทำลายมันทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด!
ฉินเย่ว์กัดฟันแน่น ถลึงตาจ้องไปที่มู่เฉินด้วยความเจ็บแค้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่ตอนไหนที่มู่เฉินเริ่มร่วมมือกับจวินอู๋เสียและคนอื่นๆ เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้มู่เฉินเพิ่งจะถูกวางยาพิษในยอดเขาเร้นเมฆาอยู่เลย แล้วเขาเอาเวลาใดไปตกลงเป็นพันธมิตรรวมหัวกับเด็กหนุ่มสามคนนี้
คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัวของฉินเย่ว์ และในไม่ช้าเขาก็ค้นพบคำตอบ
เหตุการณ์ที่มู่เฉินถูกวางยาพิษในตอนนั้น น่ากลัวว่าคงจะเป็นเพียงแค่กลอุบายทุกข์กายที่แสดงให้เขาและเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ดูเท่านั้นกระมัง มู่เฉินแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่ชอบพูดมาก แต่คำพูดทุกคำของเขาก็แทงใจลึกไปจนถึงแก่น!
“พวกเจ้าคิดว่า หลังจากฆ่าข้าและผู้อาวุโสทั้งหมดแล้ว พวกเจ้าจะสามารถมีชีวิตรอดออกไปจากสำนักชิงอวิ๋นได้อย่างนั้นหรือ! ข้าบอกเลยว่าฝันไปเถอะ! ศิษย์ทั้งหมดในสิบสองยอดเขาของเทือกเขาเมฆาจะไม่มีวันปล่อยให้พวกเจ้าได้มีโอกาสก้าวเท้าออกไป ยังมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอีกมากมายนับไม่ถ้วนที่รอเอาชีวิตของพวกเจ้าอยู่!” ภายใต้ความกลัว ฉินเย่ว์คำรามออกไปด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ราวกับว่านี่เป็นเพียงวิธีเดียวที่จะแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวภายในหัวใจของเขา
จวินอู๋เสียหัวเราะเยาะ เสียงหัวเราะที่น่าพึงพอใจไหลออกมาจากปากของนางอย่างต่อเนื่อง เด็กสาวส่ายหัวเล็กน้อย มองดูคำขู่ของฉินเย่ว์เป็นเพียงความดื้อรั้นที่เปล่าประโยชน์และน่าหัวร่อ
“ศิษย์ของยอดเขาทั้งสิบสองหรือ เจ้าวางใจเถอะ ลูกศิษย์ทั้งหมดของเทือกเขาเมฆา ยกเว้นยอดเขาเทียมเมฆาเพียงแห่งเดียว ศิษย์จากยอดเขาทั้งสิบเอ็ดลูกทั้งหมดจะถูกส่งไปลงนรกพร้อมกับพวกเจ้าด้วย แม้แต่ไก่หรือสุนัขที่อยู่บนยอดเขา ข้าก็จะฝังพวกมันทั้งหมดไม่ให้เหลือรอดแม้แต่ตัวเดียว!”
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าไม่มีทางทำได้แน่!” ฉินเย่ว์ส่ายหัวพรืดด้วยความกลัว ไม่รู้ด้วยเหตุผลอันใด แต่เสียงในใจของเขาร้องบอกเขาว่า ทุกสิ่งที่จวินอู๋เสียพูดมานั้น…เป็นความจริง
จวินอู๋เสียขยับมุมปากเล็กน้อย หยิบเม็ดยาที่ห่อด้วยกระดาษขี้ผึ้งออกมาจากอกเสื้อ
“ยาเม็ดนี้ สามารถปลดปล่อยหมอกพิษออกมาได้ ขอเพียงแค่รออีกครึ่งชั่วยาม ในตอนที่แสงของพระอาทิตย์ร้อนแรงมากที่สุด ขี้ผึ้งที่เคลือบอยู่ชั้นนอกสุดก็จะละลายและหมอกพิษก็จะค่อยๆ ลามไปทั่ว เพียงแค่สูดดมเล็กน้อย สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็จะตกตายลงในทันที!”
จวินอู๋เสียมองดูเม็ดยาที่มีพิษร้ายแรงในมือของนาง มุมปากยกโค้งขึ้นเล็กน้อย หมอกพิษที่อยู่ในเม็ดยาเม็ดนี้ ก็คือยาพิษชนิดใหม่ที่นางสร้างขึ้นโดยอิงจากพิษควันเดียวดายของเคอฉังจวี ไร้สี ไร้กลิ่น ไร้รูปลักษณ์ แต่ก็สามารถฆ่าผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีน้ำเงินขึ้นไปให้ตายได้อย่างแน่นอน อย่าหวังว่าจะมีใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
“เม็ดยาชนิดเดียวกันนี้ ข้าได้นำมันไปวางไว้ในทั้งสิบเอ็ดยอดเขาแล้ว นอกจากยอดเขาเทียมเมฆาของมู่เฉิน ศิษย์สายในทั้งหมดของสำนักชิงอวิ๋น…ท่านว่าข้าจะสามารถส่งพวกมันไปลงนรกได้หรือไม่เล่า” จวินอู๋เสียยิ้มกว้าง รอยยิ้มของนางช่างสดใสราวกับพระอาทิตย์ แต่เจตนาสังหารที่อยู่ในดวงตาของนางกลับข้นคลั่ก
“เจ้า… เจ้า…ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้าเอามันไปวางไว้…” ดวงตาของฉินเย่ว์เบิกกว้าง เขาอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ถ้าสิ่งที่นางพูดมาเป็นความจริง…เช่นนั้นสำนักชิงอวิ๋น…ก็คงได้จบสิ้นลงจริงๆ แล้ว!
จวินอู๋เสียยิ้มและพูดว่า “ในตอนที่เจ้าอนุญาตให้เคอฉังจวีไปคัดเลือกศิษย์จากยอดเขาต่างๆ อย่างไร จำไม่ได้แล้วหรือ”
ฉินเย่ว์สูดลมเย็นเข้าปอด เสียงหึ่งๆ ดังก้องเต็มหัวของเขา!
ใช่แล้ว แต่ละยอดเขาจะมีศิษย์ยืนคุ้มกันอยู่หน้าประตูป้องกันไม่ให้คนนอกรุกล้ำเข้าไปเสมอ หากคิดจะเข้าไปด้านในแล้ววางยาพิษทุกที ก็เป็นเรื่องที่ยากมากจริงๆ เว้นเสียแต่จะได้รับคำสั่งจากเจ้าสำนักอย่างเขา ยิ่งยังมีสถานะ ‘ผู้อาวุโสเคอ’ คอยสนับสนุนด้วยอีกทางหนึ่ง ทุกอย่างจึงเปลี่ยนเป็นเรื่องง่ายในทันที!
ในที่สุดฉินเย่ว์ก็เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่จวินอู๋เสียต้องการจริงๆ นั้น ไม่ใช่การสร้างความบาดหมางให้แก่เขาและเหล่าผู้อาวุโสในสำนักให้เกลียดขี้หน้ากันจนถึงขั้นมองหน้าไม่ติด แต่สิ่งที่นางต้องการก็คือการใช้ข้ออ้างในการคัดเลือกศิษย์เพื่อดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้อาวุโสไปอีกทางหนึ่ง และก่อนที่พระเจ้าจะรู้ เมล็ดพันธุ์แห่งหายนะที่จะทำลายสำนักชิงอวิ๋นให้สิ้นซากก็ถูกหว่านเกลื่อนไปทั่วยอดเขาทั้งสิบเอ็ดลูกแล้ว!
…………
ตอนที่ 334 ตบหน้าครั้งที่หก (6)
ช่างเป็นแผนการที่แยบยลและลึกซึ้ง! ไม่อาจหาทางป้องกันได้เลย!
จู่ๆ ฉินเย่ว์ก็รู้สึกราวกับมีเลือดก้อนหนึ่งจุกอยู่ที่ลำคอของเขา ถูกเด็กหนุ่มสามคนทรมานเล่นอยู่กลางฝ่ามือโดยไม่อาจโต้กลับได้ ความอัปยศอดสูเช่นนี้ ฉับพลันได้ทำลายความภาคภูมิใจของฉินเย่ว์ไปจนหมดสิ้น
ความผิดพลาดที่ร้ายแรงถึงชีวิตนี้…ทั้งหมดล้วนเกิดจากน้ำมือของเขาเอง!
ไม่ต้องพูดถึงว่าสายตาของผู้อาวุโสคนอื่นๆ ยามนี้มองมาที่เขาด้วยความโกรธแค้นปานใด ลำพังตัวของฉินเย่ว์เอง เขาก็โกรธตัวเองจนแทบตายแล้ว
ฉลาดมาทั้งชีวิตแต่กลับมาตกม้าตายเพียงแค่ชั่วขณะหนึ่ง ตำแหน่งเจ้าสำนักชิงอวิ๋นที่เขาพยายามเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะได้มา กลับมาพ่ายแพ้ลงในมือของเด็กหนุ่มเพียงแค่สามคน!
อีกเพียงครึ่งชั่วยาม ศิษย์สายในของสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดก็จะตาย ผู้ที่เหลือรอดอยู่จะมีเพียงศิษย์ของยอดเขาเทียมเมฆาของมู่เฉินที่เขาแสนจะเกลียดชังเท่านั้น ในห้องโถงใหญ่ตอนนี้ วงแหวนภูติวิญญาณอันแข็งแกร่งทั้งสามตัวกำลังยืนอยู่ต่อหน้าต่อตาของทุกคน ขวางกั้นไม่ให้ผู้ใดรอดชีวิตออกไปจากห้องโถงใหญ่นี้แม้แต่คนเดียว
ในเวลานั้น จะเหลือเพียงผู้อาวุโสมู่เฉินคนเดียวในสำนักชิงอวิ๋น เขาว่าอย่างไรทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามนั้น เหล่าแขกผู้มีเกียรติที่มาพำนักอยู่ในเทือกเขาเมฆา ไม่มีวันคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ และความจริงทั้งหมดก็จะถูกกลบฝังไปพร้อมกับสำนักชิงอวิ๋นที่หายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์
ความตาย…ไม่เคยอยู่ใกล้เขาขนาดนี้มาก่อนเลย!
ผู้อาวุโสคนหนึ่งลุกขึ้นยืนและมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ข้ายินดีออกจากสำนักชิงอวิ๋น ไม่ขอเป็นผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นอีกต่อไป! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น!” ผู้อาวุโสคนนั้นเกือบจะคุกเข่าลงเพื่อขอร้องจวินอู๋เสีย
สำนักชิงอวิ๋นบ้าอะไร! ตำแหน่งผู้อาวุโสสุนัขอันใด! แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็แทบจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรอีก!
“ข้าเองก็ยินดี!”
ผู้อาวุโสจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เริ่มแสดงเจตจำนงที่จะออกจากสำนักชิงอวิ๋น ตราบเท่าที่จวินอู๋เสียยอมไว้ชีวิตของพวกเขา
สีหน้าของฉินเย่ว์น่าเกลียดมากขึ้นทุกขณะ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุกยิก
เขายกเท้าขึ้นอย่างโกรธเคือง ถีบไปที่ร่างของผู้อาวุโสที่เปิดพูดก่อนใครเพื่อนเต็มแรง ตวาดออกไปด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยวว่า “เจ้าคิดว่าพวกมันจะปล่อยพวกเจ้าไปหากพวกเจ้าออกจากสำนักชิงอวิ๋นแล้วอย่างนั้นหรือ! อย่าได้ไร้เดียงสาเกินไปหน่อยเลย! เจ้าจำสิ่งที่มันพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้เรอะ! หากพวกเราทั้งหมดไม่ตาย พวกมันก็จะไม่มีวันยอมรามือ!”
ถูกตะคอกใส่เช่นนี้ ผู้อาวุโสทั้งหมดก็พร้อมใจกันมองไปทางจวินอู๋เสียด้วยสายตาวิงวอน แต่สิ่งที่พวกเขาเห็นกลับเป็นรอยยิ้มสดใสของหญิงสาวที่แววตาเปี่ยมไปด้วยเจตนาฆ่าตามเดิม
ทันใดนั้น ความสิ้นหวังก็คืบคลานไปทั้งหัวใจ ผู้อาวุโสแต่ละคนล้มก้นกระแทกพื้นอย่างหมดแรง
พวกเขา…ตายแน่แล้ว
“ถูกต้องแล้ว วันนี้พวกเจ้าจะไม่มีใครรอดกลับไปแม้แต่คนเดียว หลักการง่ายๆ อย่างการตัดรากถอนโคน คิดว่าพวกเจ้าทุกคนน่าจะเข้าใจดี” คำพูดของจวินอู๋เสียเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้หลังอูฐหัก[1] ทำให้ผู้อาวุโสทุกคนตกอยู่ในความเงียบงัน
ฉินเย่ว์มองไปที่จวินอู๋เสีย เขาสาบานว่าเขาไม่เคยเห็นใบหน้านี้มาก่อนเลย แต่ทำไมอีกฝ่ายถึงต้องจงใจเล่นงานเขาถึงตายด้วย ถึงขนาดทำลายสำนักชิงอวิ๋นให้พังพินาศไปพร้อมๆ กันเช่นนี้
“เจ้าเป็นใครกันแน่ มีความแค้นใดกับสำนักชิงอวิ๋น ถึงได้ลงมือโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้!”
จวินอู๋เสียกล่าวเสียงเรียบ “รัฐชี สกุลจวิน”
ทันใดนั้น ก็เหมือนกับมีสายฟ้าฟาดลงมากลางกระหม่อมฉินเย่ว์อย่างหนัก เขาจ้องไปที่จวินอู๋เสียด้วยดวงตาที่เบิกโพลง พิจารณานางขึ้นลงอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง และแล้วความหนาวเย็นจับจิตก็กัดกินไปทั่วทั้งร่างของเขา
“เป็นพวกเจ้าที่ฆ่าลูกสาวของข้า!” รัฐชี สกุลจวิน…ฆาตกรที่ฆ่าฉินอวี่เยียน!
จวินอู๋เสียยักไหล่อย่างไม่แยแส “ในเมื่อสำนักชิงอวิ๋นไม่ยอมให้ทางรอดแก่ข้าก่อน จงอย่าได้โทษที่ข้าชิงลงมืออย่างโหดร้าย เป็นพวกเจ้าที่รนหาที่ตายเอง”
จวินอู๋เสียและสำนักชิงอวิ๋นแต่เดิมก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ถ้าไม่ใช่เพราะสำนักชิงอวิ๋นรังแกกันเกินไป มีหรือที่นางจะออกจากบ้านเกิดถ่อมาไกลเป็นพันๆ ลี้เพื่อมาถึงที่นี่
ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางทำ ก็เพื่อปกป้องครอบครัวของนางให้ปลอดภัย
จะว่าไปแล้ว ถ้าสำนักชิงอวิ๋นไม่ได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของฉินเย่ว์ และศิษย์ของสำนักชิงอวิ๋นเองก็ไม่ได้ทำตัวเย่อหยิ่งวางอำนาจระรานผู้อื่นไปทั่ว นางก็คงไม่ลงมือโหดเหี้ยมถึงขั้นตัดรากถอนโคนฆ่าจนเหี้ยนแบบนี้
แต่ในเมื่อเมล็ดกรรมชั่วถูกปลูกลงไปแล้ว ผลที่ติดออกมาสุดท้ายก็มีแต่ผลชั่วๆ แล้วแบบนี้ผู้ที่ต้องกินมันลงไปจะมีใครอื่นอีกนอกจากผู้ที่ลงมือปลูกมันขึ้นมาเองกับมืออย่างสำนักชิงอวิ๋น!
…………
[1] ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้หลังอูฐหัก อุปมาว่า เรื่องราวได้ดำเนินมาจนถึงจุดที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว