ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 35 การเปลี่ยนแปลง (1)ตอนที่ 36 การเปลี่ยนแปลง (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 35 การเปลี่ยนแปลง (1)ตอนที่ 36 การเปลี่ยนแปลง (2)
ตอนที่ 35 การเปลี่ยนแปลง (1)
ในมุมมองของจวินอู๋เสีย ‘ปัญหาเล็กน้อย’ ในร่างกายของจวินชิงนั้นไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ตรงกันข้ามนางรู้สึกอยู่เสมอว่าการที่หลายปีมานี้ท่านอาเล็กของนางไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้เสียที หาใช่เพราะยาพิษร้ายแรงมากแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ…ทักษะทางการแพทย์ของหมอในโลกนี้มันห่วย!
จวินอู๋เสียไม่เคยตระหนักถึงเลยว่าปัญหานั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวของ ‘หมอ’ ในโลกนี้ หากแต่เป็นเพราะ ‘นาง’ ที่ไม่ธรรมดาเกินไปต่างหาก!
เนื่องจากทักษะทางการแพทย์ของนางนั้นอยู่ในระดับที่ไม่เคยมีใครก้าวถึงมาก่อนในโลกนี้ มันจึงไม่ต่างอะไรกับการให้นักศึกษาปริญญาดุษฎีบัณฑิตมาสอนการบ้านเด็กนักเรียนประถม ความสามารถมันห่างชั้นกันเกินไปไกลจริงๆ
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” นางตอบให้กับความตื่นเต้นของพวกเขา
จวินชิงและจวินเสี่ยนยังคงตกอยู่ในความเงียบ ทว่าในดวงตาของพวกเขากลับเต็มไปด้วยประกายพราวระยับราวกับเปลวไฟที่ลุกโชน ขณะที่พวกเขาพยายามทำความเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอีกครา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นข่าวที่น่าตกใจมากสำหรับคนทั้งคู่
จวนหลินอ๋องที่กำลังตกต่ำลงเพราะขาดผู้สืบทอดที่จะมารับช่วงบัญชาการกองทัพรุ่ยหลินต่อ อย่างไรก็ตามหากจวินชิงสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเขาและกลับไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้อีกครั้ง ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีจวนหลินอ๋องจะต้องกลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้งเป็นแน่!
โอกาสที่มีค่ามากเช่นนี้ สำหรับจวนหลินอ๋องในปัจจุบันแล้วนับว่าสำคัญเป็นอย่างยิ่ง!
“อู๋เสีย เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก เกี่ยวพันต่อความเป็นความตายของจวนหลินอ๋องของพวกเรา ดังนั้นเรื่องการฟื้นตัวของอาเล็กของเจ้าจะต้องถูกเก็บเป็นความลับขั้นสุดยอด ส่วนท่านอาจารย์ของเจ้าท่านนั้น…” จวินเสี่ยนฉุกคิดไปถึงเรื่องสำคัญที่สุด
“ท่านอาจารย์บอกว่า ท่านไม่สนกิจทางโลกใดๆ เจ้าค่ะ” คนที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงจะเปิดเผยอะไรได้ล่ะ
“ข้าดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น พวกเรารู้สึกขอบคุณท่านผู้อาวุโสสำหรับเรื่องนี้มากจริงๆ! เกี่ยวกับการช่วยเหลือใดๆ ในอนาคต หากท่านผู้อาวุโสมีความประสงค์ใด โปรดแจ้งมันต่อจวนหลินอ๋องของพวกเรา หากไม่เหลือบ่ากว่าแรงมากจนเกินไปนัก พวกเราก็พร้อมยินดีทำตามทุกคำขอของท่าน!” จวินเสี่ยนเริ่มพูดไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น
“ข้าจะบอกท่านอาจารย์ให้นะเจ้าคะ” จวินอู๋เสียตอบรับเสียงแผ่วเบา
“อู๋เสีย ขอบใจเจ้ามาก” จวินชิงมองไปที่จวินอู๋เสียด้วยแววตาอบอุ่นอ่อนโยน แม้ว่าเขาจะประสบกับความเจ็บปวดรุนแรง แต่หากหลานสาวเขาบอกว่านางสามารถรักษาเขาให้หายดีได้ด้วยความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ของนาง ต่อให้ต้องทรมานมากกว่านี้อีกหลายครั้งเขาก็ยอม!
คิดถึงภาพที่ตัวเองกลับมาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งหนึ่ง เขาก็แทบทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้ว!
คำ ‘ขอบคุณ’ ที่มาอย่างกะทันหันของจวินชิง ทำให้จวินอู๋เสียตกตะลึง รู้สึกได้ถึงความสั่นไหวบางอย่างจากข้างใน
ในชีวิตก่อนของนาง นางเคยช่วยชีวิตผู้ค้นไว้มากมายเป็นผลให้ได้รับคำ ‘ขอบคุณ’ มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่คำ ‘ขอบคุณ’ ของพวกเขาเหล่านั้น กลับไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ติดตรึงอยู่ในใจของนาง
อย่างไรก็ตาม คำ ‘ขอบคุณ’ ครั้งนี้ของจวินชิงกลับทำให้นางรู้สึกอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ ทั้งยังสัมผัสได้ถึงประกายเล็กๆ ของความยินดีจากภายในที่ด้านชามาเป็นเวลานานมากแล้ว
ดูเหมือนว่าการรักษาให้กับคนในครอบครัวจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ขณะที่นางกำลังอิ่มเอมอยู่กับความรู้สึกที่หาได้ยากนี้ จวินอู๋เสียก็กล่าวต่อว่า “ท่านอาจารย์ได้มอบเมล็ดบัวไว้ให้ข้าจำนวนหนึ่ง และข้าก็อยากมอบมันให้กับท่านปู่ด้วย แต่เพราะอาการของท่านอาเล็กนั้นแตกต่างจากผู้อื่น ข้าจึงจำเป็นต้องเพ่งความสนใจให้กับการรักษาท่านอาเล็กไปสักระยะหนึ่งก่อน นอกจากนี้ข้ายังต้องการเวลาอีกสักเล็กน้อยเพื่อเตรียมสภาพร่างกายของท่านปู่ให้พร้อมสำหรับการรักษาด้วย” นางไม่อาจประมาทกับจวินเสี่ยนที่มีอายุมากแล้วได้ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเพราะอยากจัดเตรียมทุกอย่างให้สมบูรณ์พร้อมก่อนที่นางจะเริ่มจริง จวินอู๋เสียจึงต้องค่อยๆ กำจัดตัวแปรที่อาจเข้ามารบกวนทั้งหมดออกไป
จวินเสี่ยนไม่คิดมาก่อนเลยว่าตัวเขาเองก็จะมีส่วนในโชคดีครั้งนี้ด้วย
สมบัติชนิดนั้นที่สามารถรักษาลูกชายของเขาได้ ก็มีส่วนแบ่งของเขาด้วยส่วนหนึ่ง!
ฟังจากที่จวินอู๋เสียพูดมา เขาตระหนักได้ว่านางเริ่มเตรียมการให้เขามานานแล้ว
กระแสน้ำอุ่นๆ ไหลผ่านหัวใจของจวินเสี่ยนไป ในอกของเขาบัดนี้มันทั้งอบอุ่นและพองฟู เขาหมุนกายอย่างงุ่มง่ามเล็กน้อยเพื่อปาดน้ำตาที่จวนเจียนจะไหลลงมาออกอย่างเงียบๆ
หลานสาวของเขาโตขึ้นมากแล้วจริงๆ ในที่สุดนางก็รู้ความเสียที
วันข้างหน้าหากใครกล้ามาเรียกหลานสาวของเขาว่าขยะอีกล่ะก็ เขาจะแลกชีวิตกับมัน!
“อยากทำอะไรก็ตามใจเจ้าเถิด ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกลุงฝูกับพวกคนครัวให้รู้ไว้ อีกหน่อยไม่ว่าเจ้าต้องการทำสิ่งใด ไม่จำเป็นต้องมาขอความเห็นจากข้าแล้ว ตัดสินใจเองได้เลย” เขาอ้าปากกว้างหัวเราะเสียงดังด้วยความชอบใจ
ในอดีตที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเขาจะหลงหลานสาวของตนเองเป็นอย่างมาก รักและตามใจนางโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทว่าเขาก็รู้ว่านางชอบกลั่นแกล้งผู้อื่น ทั้งยังมีนิสัยหยิ่งยโสเจ้าอารมณ์ ดังนั้นเขาจึงต้องวางกฎระเบียบไว้มากมายเพื่อควบคุมนางไม่ให้ก่อเรื่อง แต่ตอนนี้เขารู้สึกวางใจได้แล้ว เมื่อเขามองไปยังหลานสาวที่แสนวิเศษของเขา
นางทั้งรู้ความ มีเหตุผล สุขุมใจเย็น แถมยังมีทักษะทางการแพทย์อันน่าอัศจรรย์ที่ได้รับสืบทอดมาจากอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ทรงพลังของนางอีก มิหนำซ้ำยังรักและห่วงใยคนในครอบครัวอย่างลึกซึ้ง บนใบโลกนี้จะหาหลานสาวที่แสนดีขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีกเล่า
…………
ตอนที่ 36 การเปลี่ยนแปลง (2)
หากไม่ใช่เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการเปิดเผยถึงการเปลี่ยนแปลงของจวินอู๋เสีย จวินเสี่ยนอยากจะเอาหลานสาวสุดที่รักของตนไปอวดต่อหน้าพวกตาแก่พวกนั้นเสียจริง ดูสิว่าพวกเขายังจะกล้าหัวเราะเยาะสกุลจวินของอยู่เขาไหม!
สถานการณ์ตอนนี้ของจวนหลินอ๋องนั้นยังไม่มั่นคง สำหรับสกุลจวินแล้วการเปลี่ยนแปลงของจวินอู๋เสียถือเป็นโอกาสในการพลิกสถานการณ์ ก่อนที่จวินชิงจะสามารถกลับมาสั่งการกองทัพรุ่ยหลินได้อย่างสมบูรณ์อีกครั้ง จวินเสี่ยนไม่กล้าเสี่ยงให้เรื่องจวินอู๋เสียรั่วไหลออกไป เพื่อป้องกันคนที่คิดไม่ซื่อลงมือกับจวนหลินอ๋องก่อนถึงเวลาอันสมควร
ในปีเดียวกันลูกชายทั้งสองของเขาคนหนึ่งเสียชีวิตคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ จวินเสี่ยนรู้ว่ามีใครบางคนกำลังมุ่งเป้ามาที่สกุลจวินของพวกเขา ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา สกุลจวินจึงได้ลดระดับการมีอยู่ลงอย่างต่อเนื่องถึงได้ปลอดภัย หากคนที่อยู่เบื้องหลังได้ยินข่าวว่าสกุลจวินกำลังจะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง เขาอาจทำเรื่องที่น่ากลัวออกมาก็เป็นได้
ตอนนี้การรักษาความลับของจวินอู๋เสียไว้ก่อนถือเป็นเรื่องสำคัญ
มีการกำชับของจวินเสี่ยนแล้ว จวินอู๋เสียจึงทำสิ่งต่างๆ ในจวนหลินอ๋องได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
เพื่อป้องกันไม่ให้จวินเสี่ยนเกิดผลข้างเคียงอันไม่น่าพึงประสงค์หลังจากกินเมล็ดบัวลงไป จวินอู๋เสียจึงตัดสินใจใช้อาหารยามาบำรุงร่างกายของจวินเสี่ยนก่อนในอันดับแรก
อาหารยาที่นางเตรียมไว้ให้จวินเสี่ยนและจวินชิงนั้น จวินอู๋เสียลงมือทำมันทั้งหมดด้วยตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ นอกจากสมุนไพรปรุงยาที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงร่างกายแล้ว นางยังแอบหยดน้ำตาของดอกบัวขาวใส่ลงไปด้วยทุกครั้งๆ ละหนึ่งหยด ไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นการบำรุงเป็นหลัก
ในทุกวันลุงฝูจะทำหน้าที่เป็นคนยกอาหารยาจากจวินอู๋เสียมามอบให้กับจวินเสี่ยน ส่วนของจวินชิงเป็นหน้าที่ของหลงฉี
จวินอู๋เสียให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสองเสาหลักแห่งสกุลจวินเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากเริ่มปรับสภาพร่างกายมาได้ระยะหนึ่ง ภายใต้อาหารยาของจวินอู๋เสีย สองพ่อลูกสกุลจวินก็แข็งแรงและมีพละกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ…แต่กลับลำบากเจ้าดอกบัวขาวน้อยแทน
เนื่องจากในทุกชามของอาหารยาล้วนต้องหยดน้ำตาของเขาลงไปด้วยหยดหนึ่ง ดังนั้นทุกๆ สองสามวันดอกบัวขาวน้อยจะถูกเรียกตัวออกมาเพื่อ ‘อุทิศ’ น้ำตาของตัวเอง
ทุกๆ ครั้งที่ดอกบัวขาวน้อยปรากฏตัวออกมา เขาจะถูกเจ้าแมวดำกระโจนใส่และวิ่งไล่เขาไปรอบๆ จนล้มอย่างไร้ความปรานีอยู่เป็นประจำ แล้วหลังจากนั้นทั้งห้องก็จะเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น
ช่างน่าสงสารจริงๆ!
ดอกบัวขาวน้อยที่วันนี้ก็เจ็บตัวอีกครั้งนั่งกอดเข่าขดตัวน้ำตาร่วงเผาะอยู่ที่ตรงมุมห้อง เขามองไปยังแมวดำที่นั่งยองๆ อยู่ข้างเตียง กำลังแลบลิ้นเลียอุ้งเท้าของมันอย่างใจเย็นด้วยอาการตัวสั่น
จวินอู๋เสียเพิ่งรวบรวมน้ำตาเสร็จไปเมื่อสักครู่ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น นางสะบัดมือคราหนึ่ง เจ้าดอกบัวขาวน้อยที่ยังนั่งร้องไห้อยู่ก็หายวับกลับเป็นแหวนโปร่งใสปรากฏอยู่บนนิ้วนางข้างขวาของนาง
“เข้ามา”
ประตูห้องเปิดออก ทำให้เห็นหลงฉียืนก้มหน้าอยู่ที่หน้าประตู เขาก้าวเข้ามาพร้อมกับกล่องผ้าสองกล่องในมือ
“ท่านอ๋องน้อยสั่งให้ข้าน้อยนำของสองสิ่งนี้มามอบให้คุณหนูขอรับ” หลงฉีไม่พูดมาก แต่น้ำเสียงกลับแตกต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะเย็นชา แต่ก็ให้เกียรติอย่างยิ่ง
ร่างกายของจวินชิงดีขึ้นเรื่อยๆ หลงฉีรู้ว่านี่เป็นความดีความชอบของจวินอู๋เสีย
“วางไว้ตรงนั้นแหละ” จวินอู๋เสียชี้ไปโต๊ะใกล้ๆ พลางเงยหน้าขึ้นมา
หลงฉีค้อมศีรษะเล็กน้อย เดินเข้าไปในห้องโดยไม่สบสายตาเจ้าของห้องแต่อย่างใด สายตาหลุบลงมองพื้นตลอด หลังจากวางกล่องผ้าลงบนโต๊ะเสร็จ เขาก็หันหลังทำท่าจะออกไปจากห้อง
“ช้าก่อน” จวินอู๋เสียพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
หลงฉีหยุดนิ่งอยู่กับที่
“หยิบยาที่วางบนโต๊ะนั่นไปด้วย” จวินอู๋เสียพูด
หลงฉีเงยหน้ามองมาที่โต๊ะ ก็เห็นขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวเล็กๆ วางอยู่ เขาหยิบมันขึ้นพลางเอ่ยถามนาง “ไม่ทราบว่าข้าต้องใช้มันกับท่านอ๋องน้อยอย่างไรหรือขอรับ”
จวินอู๋เสียเหลือบมองชายผู้เงียบขรึมนี้ “ให้เจ้า”
ร่างสูงใหญ่ของหลงฉีแข็งเกร็งไปเล็กน้อย
“เจ้ามีแผล ด้วยอาการบาดเจ็บเช่นนี้ เจ้าคิดจะคุ้มครองท่านอาเล็กของข้าอย่างไรกัน คราวหน้าอย่าทำเรื่องน่าเบื่อเช่นนี้อีก” ในฐานะหมอ กลิ่นเลือดเล็กน้อยนี้ย่อมไม่อาจหนีพ้นจากประสาทด้านการรับกลิ่นของนางได้ ช่วงนี้หลงฉีมีกลิ่นเลือดบนตัวตลอด แม้จะถูกกลิ่นยากลบไว้ แต่จวินอู๋เสียก็สัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน
……………