ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร - ตอนที่ 375 น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน (1) ตอนที่ 376 น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน (2)
- Home
- ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร
- ตอนที่ 375 น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน (1) ตอนที่ 376 น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน (2)
ตอนที่ 375 น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน (1) / ตอนที่ 376 น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน (2)
ตอนที่ 375 น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน (1)
นับตั้งแต่พวกเขาเกาะขาทองคำของจวินอู๋เสีย ตึกฝั่งทิศตะวันออกก็ราวกับมีเมฆมงคลลอยอยู่เหนือท้องฟ้า ประกายแสงสีทองอร่ามกวาดผ่านไปทั่วบริเวณ ทำให้ตึกฝั่งทิศตะวันออกราวกับได้เกิดใหม่อีกครั้ง
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน ตึกฝั่งทิศตะวันออกที่เดิมทรุดโทรมผุพังราวกับตึกร้าง ก็ได้รับการปรับปรุงทั้งหมดใหม่ ภายในลานที่พักของบรรดาศิษย์และอาจารย์ สระน้ำสีมรกต ภูเขาจำลองหิน สวนพฤกษาตระการตา ทั้งหมดล้วนถูกจัดตกแต่งใหม่จนไม่เห็นเค้าเดิม กำแพงสีหม่นที่ในอดีตไร้สง่าราศี ถูกซ่อมแซมและทาสีใหม่จนงดงาม แม้กระทั่งพื้นดินที่แต่เดิมเป็นเพียงหินขรุขระ ก็ยังถูกปูด้วยหินอ่อนใหม่ทั้งหมด…
กวาดสายตามองไปรอบๆ ทั้งสำนักศึกษาหงส์อมตะที่ทั้งเก่าและทรุดโทรมในยามนี้ ตึกฝั่งทิศตะวันออกบัดนี้เป็นเหมือนแสงตะวัน งดงามและหรูหราที่สุดแล้ว
เหมือนกับดอกทานตะวันที่หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ ตึกฝั่งทิศตะวันออกเจิดจ้าและสะดุดตาเป็นพิเศษ
จวินอู๋เสียนั่งบ่มเพาะพลังวิญญาณอยู่ข้างๆ สระ ในหนึ่งเดือนมานี้ พลังวิญญาณของนางทะยานขึ้นรวดเร็วมาก มันมาถึงจุดสูงสุดของพลังวิญญาณระดับขั้นสีส้มแล้ว!
อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่สามารถทะลวงผ่านขึ้นไปได้เสียที
บางทีวิธีเดียวที่จะสามารถทำให้นางเลื่อนระดับพลังขึ้นไปได้ ก็คือการกลืนกินภูติวิญญาณตนอื่นกระมัง!
จวินอู๋เสียถือปราการกักภูติที่จวินอู๋เย่ามอบให้นางไว้ในมือ ดวงตาของนางหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อจมลงสู่ความคิด
นางจำเป็นต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แต่การเลื่อนระดับพลังวิญญาณของตัวเอง นางจำเป็นต้องกลืนกินภูติวิญญาณของคนอื่น ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่านางต้องฆ่าคน!
จวินอู๋เสียขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่เคยกลัวว่าจะต้องฆ่าใคร แต่กับคนบริสุทธิ์…ทำไมนางต้องฆ่าพวกเขาด้วย
ในตอนนี้เองที่เยี่ยนปู้กุยเคาะประตูห้องของจวินอู๋เสีย จวินอู๋เสียลุกขึ้นและเดินไปเปิดประตู
นี่เป็นครั้งที่สองหรือสามที่จวินอู๋เสียได้เห็นหน้าเยี่ยนปู้กุยตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาแทบไม่ปรากฏตัวเลย จะมีก็เพียงบางครั้งที่เขามาดูความคืบหน้าในการรักษาตัวของบัวหิมะซังอวี้
“วงแหวนภูติวิญญาณประเภทพฤกษา มีอัตราการเติบโตที่รวดเร็วมาก แต่การจะทะลวงระดับขึ้นไปอีกขั้นก็มีอุปสรรคมากมายเช่นกัน พลังวิญญาณของเจ้าในตอนนี้ ดูจากที่มันรั่วไหลออกมานอกกายเจ้า คิดว่าคงอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสีส้มแล้วกระมัง เจ้ากำลังคิดถึงการทะลวงระดับอยู่ใช่หรือไม่” หลังจากที่เยี่ยนปู้กุยนั่งลง เขาก็พูดกับจวินอู๋เสียด้วยสีหน้าจริงจัง น้อยนักที่จะเห็นเขาในสภาพไร้กลิ่นสุราติดตัวเช่นนี้
จวินอู๋เสียพยักหน้า
“หากเจ้าต้องการทะลวงระดับ ภูติวิญญาณที่เจ้าเลือกกลืนกินก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำต้องใส่ใจให้มาก ยิ่งระดับของภูติวิญญาณที่เจ้าเลือกนั้นสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลดีต่อการทะลวงระดับของเจ้า มันจะทำให้อัตราความสำเร็จในการทะลวงระดับของเจ้าสูงขึ้น” เยี่ยนปู้กุยกล่าว จากนั้นเขาก็หยิบถุงผ้าขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือออกจากเอวแล้ววางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าจวินอู๋เสีย
“เปิดดูสิ”
จวินอู๋เสียไม่พูดอะไร เปิดมันตามที่เยี่ยนปู้กุยบอก แต่ทันทีที่นางได้เห็นข้างใน ดวงตาของนางก็เป็นประกายสว่างขึ้นเล็กน้อย
ถุงผ้าขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือ แต่หลังจากเปิดออกกลับพบว่าพื้นที่ภายในเต็มไปด้วยช่องว่างทุกหนทุกแห่ง เนื้อที่ภายในก็มีขนาดใหญ่กว่าที่เห็นภายนอกมาก นี่มันคือช่องมิตินี่!
“สิ่งนี้เรียกว่าถุงเอกภพ เป็นของที่มาจากสามโลกชั้นกลาง สิ่งที่เจ้าใส่ไว้ในนี้ จะถูกเก็บไว้ได้นานโดยไม่สูญเสียคุณสมบัติของมันและจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ” ถุงเอกภพชิ้นนี้ คือของชิ้นสุดท้ายของเยี่ยนปู้กุยที่นำติดตัวมาจากสามโลกชั้นกลาง สาเหตุที่มันยังไม่ถูกนำไปขายต่อหรือจำนำแม้ว่าสภาพความเป็นอยู่ของพวกเขาจะลำบากยากเข็ญราวกับขอทานก็ตาม นั่นเพราะถุงเอกภพไม่เคยปรากฏในสามโลกชั้นล่างมาก่อน หากเขานำมันออกไป สิ่งนี้จะต้องดึงดูดความสนใจจากผู้ที่ติดตามพวกเขาอยู่อย่างแน่นอน
ภายในถุงเอกภพ ยังมีกาสุราซึ่งทำขึ้นจากหยกจักรพรรดิทั้งใบ แกะสลักเป็นลวดลายโบราณวิจิตรงดงามอยู่ด้วย
“หยิบกาสุรานั่นออกมา”
จวินอู๋เสียหยิบกาสุรานั้นออกมาจากถุง
เยี่ยนปู้กุยรับมันมาจากมือของจวินอู๋เสีย แล้ววางมันลงบนโต๊ะตัวเดียวกับที่เพิ่งวางถุงเอกภพไปเมื่อสักครู่ “เทลงมา”
จวินอู๋เสียยกกาสุรานั้นขึ้นแล้วเอียงมันเบาๆ เห็นเพียงของเหลวสีใสส่องแสงระยิบระยับราวกับดวงดาวกำลังไหลออกมาจากปากกา กลิ่นหอมชวนมึนเมาลอยฟุ้งไปทั่วอากาศ แทรกซึมเข้าทุกอณูรูขุมขนของร่างกาย
“กลิ่นหอมนี้…” จวินอู๋เสียรู้สึกคุ้นเคยกับมันเล็กน้อย เหมือนเคยได้กลิ่นทำนองเดียวกันนี้จากที่ไหนสักแห่ง แต่กลับคลุมเครืออยู่ในความทรงจำ
“นี่คือกาสวรรค์เทียนหู ส่วนของเหลวที่อยู่ข้างในก็คือน้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูพลังวิญญาณ และมันจะไม่มีวันหมด ถึงแม้ว่าน้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน สำหรับเจ้ายามนี้จะไม่สามารถช่วยซ่อมแซมจิตวิญญาณเจ้าให้หายได้ แต่มันก็สามารถช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณทำให้มันไม่เสื่อมสภาพไป ข้ารู้ว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บจากคนชั่วจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจ ในขณะที่น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนช่วยบำรุงรักษาจิตวิญญาณของเจ้า มันจะช่วยลบร่องรอยจิตวิญญาณเจ้าออกไปได้ชั่วคราว เพียงเจ้าดื่มมันวันละหนึ่งจอกทุกวัน เจ้าก็จะสามารถอยู่รอดปลอดภัยไปได้อีกวันหนึ่ง” เยี่ยนปู้กุยจ้องมองไปที่จวินอู๋เสีย ในสายตาของเขาจวินอู๋เสียแตกต่างจากเฉียวฉู่และคนอื่นๆ คนอย่างนาง ไม่สมควรจะถูกจำกัดอยู่ในสถานที่เล็กๆ อย่างสำนักศึกษาหงส์อมตะที่ไม่เป็นที่รู้จักแห่งนี้
ความประหลาดใจฉายชัดขึ้นบนใบหน้าของจวินอู๋เสีย
น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนอย่างนั้นหรือ
นี่ไม่ใช่สิ่งที่บันทึกไว้ในตำราโบราณเล่มนั้นหรืออย่างไร เป็น ‘น้ำ’ ที่เหมาะสมที่สุดที่ไว้ใช้เพาะเลี้ยงบัวหิมะซังอวี้!
ทันใดนั้นนางก็จำได้ทันทีว่าเคยได้กลิ่นหอมนี้มาจากที่ใด
“ท่าน…เทน้ำนี้ลงในสระบัวด้วยกระมัง” จวินอู๋เสียเงยหน้าขึ้นและมองไปที่เยี่ยนปู้กุย
เยี่ยนปู้กุยหัวเราะร่วนพลางกล่าว “อย่าลืมสิว่าตำราโบราณเล่มนั้นที่เจ้าซื้อไปจากเฉียวฉู่มาจากข้า”
ตอนที่ 376 น้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียน (2)
“ข้าได้พลิกอ่านตำราพวกนั้นจนหมดแล้ว แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่มีภูติวิญญาณประเภทพฤกษา จึงไม่สามารถฝึกฝนได้ และไม่สามารถใช้งานพวกมันได้ เมื่อมันไปตกอยู่ในมือของเจ้า นั่นหมายความว่ามันเป็นโชคชะตาของเจ้า” เยี่ยนปู้กุยกล่าวในขณะที่ลูบเคราของเขา
“เจ้าไม่ควรถูกจำกัดอยู่แต่ในสถานที่เล็กๆ อย่างสำนักศึกษาหงส์อมตะแห่งนี้ ควรจะออกไปทำในสิ่งที่เจ้าต้องการทำมากกว่า”
จวินอู๋เสียหลุบเปลือกตาลง ก้มหน้าและมองไปที่กาสวรรค์เทียนหูในมือของนาง สิ่งหนึ่งที่นางเคยตามหาจนเลือดตาแทบกระเด็น ไม่คิดว่าวันนี้จะได้รับมันจากเยี่ยนปู้กุย
เมื่อมีกาสวรรค์เทียนหูอยู่ในมือ การที่นางจะกลับไปที่จวนหลินอ๋องอย่างวางใจก็ไม่ใช่เพียงแค่ความฝันอีกต่อไป นางไม่จำเป็นต้องกลัวการไล่ฆ่าจากตำหนักเปลวเพลิงปีศาจอีก
แต่…
นี่คือสิ่งที่นางต้องการจะทำแน่หรือ
ใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ เฉกเช่นสุนัขที่กลัวตาย อาศัยน้ำพุสวรรค์เทียนเฉวียนหลบหนีการไล่ฆ่าไปวันๆ เฝ้าดูศัตรูของนางมีชีวิตอยู่อย่างรุ่งโรจน์ ในขณะที่ตัวเองกอดกาสวรรค์เทียนหูไว้แน่น แล้วต้องกัดฟันอดทนยอมรับกับความอัปยศเหล่านั้น
“ท่านอาจารย์” จวินอู๋เสียจู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้น “ข้าจะไปที่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิกับพวกท่านด้วย!”
กระชับมือที่ถือกาสวรรค์เทียนหูไว้แน่น ดวงตาของจวินอู๋เสียเปล่งประกายด้วยความแน่วแน่ ใช้ชีวิตอย่างคนที่ขี้ขลาดกลัวตายไม่ใช่นิสัยของนาง ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ ในเมื่อคนพวกนั้นอยากได้ชีวิตของนางนัก นางก็จะตัดรากถอนโคนทำลายพวกมันให้สิ้น ลบพวกมันให้หายไปจากโลกใบนี้เสีย!
เยี่ยนปู้กุยตกตะลึงครู่หนึ่ง จ้องมองจวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ
“สักวันหนึ่ง ข้าจะลบตำหนักเปลวเพลิงปีศาจให้หายไปจากโลกนี้ตลอดกาล”
เยี่ยนปู้กุยหมดคำพูดไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะเปล่งหัวเราะอย่างบ้าคลั่งด้วยความสะใจ
“ดี ดี ดีมาก! ยัยหนูอย่างเจ้าช่างมีความทะเยอทะยาน! ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้า…แค่กๆ เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าเลือกเดินบนเส้นทางนี้ ข้าก็จะไม่พูดมากทำให้เจ้าลำบากใจอีก กาสวรรค์เทียนหูและถุงเอกภพใบนั้นเจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี จำไว้ว่าห้ามเปิดเผยพวกมันต่อหน้าคนนอกเป็นอันขาด เพราะการที่เจ้ามีพวกมันอยู่ในมือ ต่อให้เจ้าไม่มีภูติวิญญาณพฤกษา เจ้าก็จะถูกคนจากสิบสองตำหนักตามล่าอยู่ดี”
จวินอู๋เสียหรี่ตาลง ต้นกำเนิดของกาสวรรค์เทียนหูจะต้องไม่ง่ายดายเหมือนอย่างที่เยี่ยนปู้กุยเพิ่งกล่าวมาเมื่อสักครู่เป็นแน่
ในความเป็นจริง จวินอู๋เสียสงสัยมาโดยตลอด เจ้าดอกบัวขาวน้อยเคยกล่าวไว้ว่าหยกสงบวิญญาณ เป็นหนึ่งในเจ็ดอาวุธวิเศษของโลกภูติวิญญาณ แต่วันหนึ่งมันกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ส่วนเยี่ยนปู้กุยและคนอื่นๆ ก็เคยพูดว่าสมบัติทั้งหมดในสามโลกชั้นกลาง ล้วนถูกเก็บไว้ที่สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ เป็นไปได้ไหมว่าหยกสงบวิญญาณก็เคยอยู่ที่นั่นด้วย
แต่ถ้าหยกสงบวิญญาณอยู่ในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ แล้วมันมาตกอยู่ในมือของคนอื่นได้อย่างไร
แล้วก็กาสวรรค์เทียนหูใบนี้อีก เหตุใดถึงสามารถชักนำหายนะจากการไล่ฆ่าของคนจากสิบสองตำหนักได้
“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่ชี้แนะเจ้าค่ะ” จวินอู๋เสียไม่คิดถึงมันอีกต่อไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ข้อเท็จจริงที่ว่านางต้องการทำลาย บดขยี้ตำหนักเปลวเพลิงปีศาจให้สิ้นซากก็ยังไม่เปลี่ยนไปอยู่ดี
“แค่เจ้าเรียกข้าว่าอาจารย์คำหนึ่ง แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” เยี่ยนปู้กุยหัวเราะเสียงดังลั่นแล้วเดินออกจากห้องไป
จวินอู๋เสียหยิบกาสวรรค์เทียนหูขึ้นมารินใส่จอกอีกครั้ง แล้วดื่มมันทั้งหมดในคราวเดียว!
นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป นางก็จะไม่ถูกจำกัดให้อยู่แต่ในสำนักศึกษาหงส์อมตะเล็กๆ แห่งนี้อีก!
สวรรค์ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงเจตนาฆ่าของจวินอู๋เสีย สองสัปดาห์ต่อมาเฟยเยียนก็กลับมาจากข้างนอกพร้อมกับข่าวดี
เขาพบเบาะแสของแผนที่หนังมนุษย์ส่วนที่สองแล้ว
และแผนที่หนังมนุษย์ส่วนนั้นก็ถูกเก็บซ่อนไว้ที่สำนักศึกษาอีกแห่งหนึ่ง!
สำนักศึกษาเฟิงหัว!
นี่คือหนึ่งในสามสำนักศึกษาที่ดีที่สุดและมีชื่อเสียงมากที่สุดในสามโลกเบื้องล่างแห่งนี้!
เฉียวฉู่และคนอื่นๆ จัดสัมภาระและเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางเพื่อทำภารกิจครั้งใหม่ ในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เฉียวฉู่และฮวาเหยาเท่านั้น แต่เฟยเยียนและหรงรั่วก็จะไปด้วย แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ออกเดินทาง พวกเขาก็ได้รับข่าวหนึ่งที่ทำให้ตกตะลึงจนพูดไม่ออก!
จวินอู๋เสียจะไปกับพวกเขาด้วย!
“น้องเสีย เจ้า…จะไปกับพวกเราจริงๆ หรือ” เฉียวฉู่ถาม เขามองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความระมัดระวังและกลืนน้ำลายดังอึก
จวินอู๋เสียหรี่ตามองเฉียวฉู่อย่างเย็นชา
“ถ้าไม่มีข้า พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะเข้าสำนักศึกษาเฟิงหัวได้เลย”
สำนักศึกษาเฟิงหัว ไม่เพียงแต่มีมาตรฐานการรับศิษย์ที่สูงลิ่วเท่านั้น แต่ค่าธรรมเนียมที่ใช้ในการเข้าเรียนก็สูงมากชนิดที่ชวนกระอักโลหิตเช่นกัน!
ทันทีที่จวินอู๋เสียพูดคำเหล่านี้ออกไป ปากของเฉียวฉู่และคนอื่นๆ ก็ถูกอุดไว้จนสนิท เถียงไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ขาทองคำของพวกเขาไม่ไป พวกเขาก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเล่าเรียนได้!
ชั่วพริบตานั้น เฉียวฉู่ก็ถลาตัวลงมาเกาะขาของจวินอู๋เสียไว้แน่นและร้องไห้ “น้องเสีย! เจ้าช่าง…เจ้าช่างเป็นดั่งพระโพธิสัตว์มาโปรดพวกเราจริงๆ ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน!”